ทั้งโซเชียลมีเดียและสำนักข่าวต่างๆ กำลังเทความสนใจไปที่ ‘ซานาเอะ ทาคาอิจิ’ วัย 64 ปี ผู้นำหญิงคนแรกของพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) และเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น
ทว่าล่าสุดเธอกำลังเผชิญกับข้อเรียกร้องให้ถอนคำพูดที่ว่า ทำงานให้หนักเหมือน ‘ม้าสำหรับใช้ทำงาน’ (workhorse —เอาไว้เรียกพนักงานที่ทำงานหนักแทบถวายตัว รับจบทุกอย่าง แต่ความก้าวหน้าต่ำ) รวมถึงเรื่องที่เธอพูดถึงความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน (Work-life Balance) ของเธอด้วย
ในขณะที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงานในหลายภาคส่วนเนื่องจากอัตราเกิดที่ลดลง ตัวทาคาอิจิที่มีแนวคิดอนุรักษนิยมสูงบอกกับสมาชิกสภานิติบัญญัติคนอื่นๆ ว่า “ฉันจะให้ทุกคนทำงานอย่างหนัก (เหมือนม้าที่ใช้ทำงาน)”
“ฉันละทิ้งแนวคิดเรื่อง Work-life Balance รวมถึงชีวิตส่วนตัว ฉันจะทำงาน ทำงาน ทำงานและทำงาน เพื่อเปลี่ยนความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับชีวิตประจำวันและอนาคตให้กลายเป็นความหวัง”
อย่างไรก็ตาม จากคำพูดดังกล่าวทำให้เกิดเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เธอพยายามทำลายความพยายามของรัฐบาลที่ต้องการสร้างสภาพแวดล้อมในที่ดีการทำงาน รวมถึงปรับทัศนคติที่ล้าสมัยนี้ด้วย
ด้านกลุ่มทนายความ ที่เป็นตัวแทนของครอบครัวเหยื่อที่เสียชีวิตจากการทำงานหนักเกินไป กล่าวในแถลงการณ์เรียกร้องให้เธอถอดคำพูดนั้น เนื่องจากคำพูดของเธอไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรในประเทศที่มีวัฒนธรรมการทำงานหนักและยาวนาน ขณะที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตบอกว่า พวกเขาโกรธมาก และเธอเองคงไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียสมาชิกในครอบครัวเพราะทำงานหนักเกินไป ซึ่งเธอควรขอโทษ
ทาคาอิจิ เป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่มีแนวคิดอนุรักษนิยมและค่อนข้างเอนไปทางขวา เธอเคยเป็นทั้งอดีตรัฐมนตรี, พิธีกรรายการโทรทัศน์ และมือกลองเฮฟวีเมทัล โดยเธอเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการการเมืองญี่ปุ่น
การก้าวเข้าสู่อำนาจของเธอ ทำให้เธอต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย รวมถึงการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ครัวเรือนที่ประสบปัญหาเงินเฟ้อและค่าแรงที่ทรงตัว นอกจากนี้ ยังต้องรับมือกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่นที่ยังไม่แน่นอน และต้องดำเนินการเจรจาข้อตกลงด้านภาษีกับรัฐบาลสหรัฐฯ ที่กำลังทำข้อตกลงโดยรัฐบาลชุดก่อนให้สำเร็จ
อ้างอิงจาก