“แค่มองก็เหงาแล้ว”
อาจเป็นความรู้สึกแรกของใครหลายคนเมื่อได้มองภาพนี้ ภาพเหตุการณ์ธรรมดาที่สามารถพบเจอได้ในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อเป็นภาพวาด กลับสามารถเสกความเหงาขึ้นมาจับใจ

Nighthawks (1942) ภาพสีน้ำมันบนผ้าใบผลงานจาก เอ็ดเวิร์ด ฮ็อปเปอร์ (Edward Hopper) แสดงภาพบาร์แห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่หัวมุมถนนยามดึก ผนังกระจกใสโค้งรอบด้านเผยให้เห็นภายในสว่างจ้าด้วยไฟสีเหลืองอมเขียว ส่องสว่างมาถึงด้านนอกร้าน ภายในร้านมีผู้คนเพียงไม่กี่คน หญิงชายคู่หนึ่งนั่งเคียงกันที่หน้าบาร์ แต่ภาษากายกลับไม่ได้แสดงถึงความสนิทสนม ชายอีกคนอยู่อีกฝั่งของบาร์ นั่งหันหลังให้กระจกและถนน ทำให้เราแทบไม่เห็นใบหน้าเขา หลังเคาน์เตอร์ พนักงานในชุดสีขาวก้มลงจัดของ
ภาพนี้แสดงมุมมองบุคคลที่สาม เหมือนเราเฝ้ามองคนทั้งสี่ผ่านกระจกใสไร้ประตู คอยสังเกตชีวิตของคนแปลกหน้าที่กำลังผ่านค่ำคืนของตัวเองไปอย่างเชื่องช้า และเมื่อยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าระยะบางอย่างคั่นเราออกจากโลกในร้านนั้น ระยะที่ไม่ใช่แค่กระจก แต่เป็นความไม่อาจเข้าไปมีส่วนร่วม

ความเหงาที่ว่านั้นดูเหมือนจะไม่ใช่ความตั้งใจแต่ต้นของเอ็ดเวิร์ด ผู้สร้างสรรค์ผลงานเท่าไหร่นัก แล้วเหตุใดกันเล่าเราถึงสัมผัสได้ถึงความเหงาจับใจ
เขาพูดถึงผลงานชิ้นนี้ของเขาไว้แบบกึ่งยิงกึ่งผ่านว่า “unconsciously, probably, I was painting the loneliness of a large city.” ผมอาจจะเผลอวาดความเหงาของเมืองใหญ่ออกมาโดยไม่ตั้งใจ เขาว่าแบบนั้น
มันอาจเป็นเพียงภาพหนึ่งที่เขาคุ้นชินในเมืองใหญ่ ว่ากันว่าเขาได้รับแรงบันดาลใจจากร้านอาหารบนถนน Greenwich Avenue ในนิวยอร์ก เป็นจุดที่ถนนสองสายมาบรรจบกัน แต่เมื่อสืบเสาะไปยังสถานที่จริง กลับไม่ได้มีพื้นที่ไหนที่เหมือนกับภาพนี้เสียทีเดียว เป็นไปได้ว่าแรงบันดาลใจที่ว่านั้น เป็นเพียงคอนเซ็ปต์ของร้านรวงอันเงียบเหงาในมหานคร ไม่ได้หยิบยืมพื้นที่ใดมาทั้งหมด
แต่สิ่งที่เขาหยิบยืมมาอย่างแน่นอนคงจะเป็นผู้คนไร้ปฏิสัมพันธ์ แม้จะอยู่ในเวลาและพื้นที่เดียวกัน เฉกเช่นผู้คนทั้งสี่ในภาพนี้ คนหนึ่งหันหลังให้กับถนนและภายนอก คู่หนึ่งแม้จะดูเหมือนมาด้วยกัน แต่กลับไร้ความยินดีที่ได้อยู่ข้างกัน และอีกคนกลับทำแต่หน้าที่ของตน ราวกับว่าความสนอกสนใจไม่ได้อยู่ในหน้าที่
บรรยากาศทั้งหมดไหลรวมกันเป็นความเงียบที่จับต้องได้ ความเงียบแบบที่ไม่ได้มาจากการขาดเสียง แต่จากการขาดการเชื่อมโยงระหว่างผู้คน ทำให้ภาพนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นภาพที่แสดงถึงความเงียบเหงาของเมืองใหญ่ ความเหงาแห่งยุคสมัย และเป็นหนึ่งในงานศิลปะที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในศตวรรษที่ 20 จากความเหงานี้เอง

อีกสถานการณ์ซ้อนทับอยู่เบื้องหลังในช่วงนั้น อย่างเหตุการณ์โจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ ที่ทวีความตึงเครียดจากสงครามให้กับสหรัฐอเมริกา เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่เอ็ดเวิร์ดเริ่มวาดและผลงานเสร็จสมบูรณ์ อาจมีความเป็นไปได้ที่เขาเผลอหยิบเอาความหวาดระแวงบางอย่างของยุคสมัยมาแทรกลงในฉากดึกเงียบงันนั้นโดยไม่รู้ตัว ถนนที่ไร้ผู้คนอาจสะท้อนความเปราะบางของประเทศในเวลานั้น ครั้งหนึ่งอเมริกาเคยมั่นใจในความปลอดภัยของตัวเอง แต่เพิร์ลฮาร์เบอร์ทำให้ความสงบนั้นแตกกระจาย เงาของความไม่แน่นอนทอดยาวไปทุกพื้นที่ และภาพของเมืองเงียบสนิทก็อาจเป็นอีกแง่มุมหนึ่งที่คนยุคนั้นเผชิญในวันนั้น
ปัจจุบันภาพนี้ถูกจัดแสดงอยู่ที่ Art Institute of Chicago ในสหรัฐอเมริกา และยังประทับอยู่ในความทรงจำของผู้คนไม่ใช่เพียงเพราะความโด่งดัง แต่เพราะมันสะท้อนความจริงบางอย่างที่ยังไม่เคยหายไปจากชีวิตผู้คน
อ้างอิงจาก