เรายังมีทางออก นอกเหนือสงคราม รวมข้อเสนอ เพื่อคลี่คลายความขัดแย้ง เพราะขนาดสงครามโลกก็ยังจบด้วยการเจรจา
เหตุการณ์ปะทะระหว่างไทยและกัมพูชาดำเนินมาตั้งแต่เช้าของวันนี้ กระทรวงสาธารณสุขสรุปตัวเลขว่า การโจมตีจากทหารกัมพูชา ส่งผลให้มีประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตอย่างน้อย 11 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
ท่ามกลางสถานการณ์ที่หลายฝ่ายจับตาว่าจะจบลงเมื่อใด และความกังวลว่าสงครามล้วนแต่จะมีความสูญเสียตามมา ยังมีเสียงสะท้อนจากผู้คนอีกจำนวนไม่น้อยที่ตั้งคำถามว่า มีทางเลือกอื่นอีกไหมเพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลายกลายเป็นสงครามที่เต็มรูปแบบ?
The MATTER รวบรวมเสียงสะท้อนจากนักวิชาการ ที่ออกมาเสนอถึงทางออกจากสถานการณ์ความรุนแรงในครั้งนี้
ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการมหาวิทยาลัยเกียวโต และอดีตนักการทูตไทย เสนอว่า ทางการไทยควรบริหารจัดการข้อมูล ข้อเท็จจริง และดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในเวทีระดับ UN อย่างรอบคอบ หลังจากที่กัมพูชาได้ส่งจดหมายอย่างเป็นทางการถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN Security Council)
อาจารย์ปวินเสนอด้วยว่าไทยต้องตอกย้ำว่ากัมพูชาละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงและอ้างความชอบธรรมในการป้องกันตัวเองรวมถึงสร้างแรงกดดันด้านมนุษยธรรมและเรียกร้องให้นานาชาติสอบสวนกัมพูชา
ที่สำคัญคือ ไทยเรายังมีเครื่องมือทางการทูตเพื่อสร้างความได้เปรียบในการต่อรอง ชี้แจงจุดยืนและแสวงหาการสนับสนุนจากประชาคมระวห่างประเทศ ในเวที UN ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ ไทยเรามีเสียงสนับสนุนที่มากขึ้น ในการเรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างสันติ
ธนภัทร ชาตินักรบ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์กับ ThaiPBS ถึงแง่มุมของกฎหมายระหว่างประเทศว่า ไทยต้องอธิบายถึงความจำเป็นถึงเหตุผลของการป้องกันตัวเองภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ และพิสูจน์ให้ได้ว่าทหารกัมพูชาเป็นผู้โจมตีใส่ไทยก่อน
ด้านมติชนออนไลน์ รายงานถึงความเห็นจาก สุจิตรา ฤทธิ์สกุลชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอกความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ว่า ถ้าหากไทยและกัมพูชาจะเจรจากันเองโดยตรงได้ยาก ยังมีทางเลือกเป็นการหาตัวกลางเป็นผู้ประสาน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้เจรจากัน ซึ่งกลไกนี้อาจจะเป็นอาเซียนก็ได้ เพื่อไม่ให้ความสูญเสียบานปลายไปมากกว่านี้ โดยเสนอว่า ประเทศคนกลางสามารถเป็นหนึ่งประเทศอาเซียนเช่นสิงคโปร์ได้
ความคิดเห็นของ อาจารย์สุจิตรา สอดคล้องกับข้อเสนอจาก นายกฯ มาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม ที่บอกว่าเขาได้ส่งข้อควาถึงผู้นำของทั้งไทยและกัมพูชาแล้ว และตั้งใจว่าจะได้พูดคุยกับผู้นำทั้งสองได้ภายในวันนี้
“เราหวังว่าพวกเขาจะลดความตึงเครียดลง และหันหน้ากลับมาเจรจากัน ผมยังคงเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า สันติภาพคือทางออกเดียว” นายกฯ มาเลเซีย ระบุ
ด้าน ปณิธาณ วัฒนายากร นักวิชาการด้านความมั่นคง ให้ความคิดเห็นว่า ตอนนี้ประตูของการเจรจายังไม่ปิดลง การมีโต๊ะเจราจายังเกิดขึ้นได้ เหมือนที่ไทยกับกัมพูชาเคยใช้การเจรจาคลี่คลายวิกฤตการเผาสถานทูตไทยที่กรุงพนมเปญเมื่อปี 2546