ช่วงหลังๆ มานี้ เรามักเห็นข่าวการเลิกจ้างพนักงานบริษัทหลายแห่ง เนื่องด้วยสภาวะเศรษฐกิจและความก้าวหน้าของเทคโนโลยี พร้อมแนวคิดว่า “AI สามารถเข้ามาทำงานบางอย่างแทนมนุษย์ได้”
แต่ล่าสุดธนาคารในออสเตรเลียได้เผชิญปัญหาจากการใช้แชตบอตซึ่งไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่พวกเขาเคยคาดไว้ จึงเริ่มติดต่อให้พนักงานกลับมาทำงาน
เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ธนาคารคอมมอนเวลธ์ (Commonwealth Bank of Australia) ประเทศออสเตรเลีย ประกาศเลิกจ้างพนักงานตำแหน่งบริการลูกค้า 45 คน เนื่องจากเห็นว่า AI อย่าง ‘วอยซ์บอต (Voice Bot)’ สามารถทำหน้าที่แทนพนักงานเหล่านี้ได้
สหภาพแรงงานภาคการเงินแห่งออสเตรเลีย (Finance Sector Union) ได้ออกมาเรียกร้องให้ธนาคารคอมมอนเวลธ์พิจารณาการตัดสินใจยกเลิกตำแหน่งงาน พร้อมเข้าร่วมการไต่สวนในศาลแรงงานเพื่อแก้ไขปัญหาการเลิกจ้างที่เกิดขึ้น
ข้อมูลบางส่วนของสหภาพแรงงานภาคการเงินเผยว่า การที่ธนาคารอ้างว่า วอยซ์บอตจะช่วยลดปริมาณการโทรเข้านั้นไม่เป็นความจริง ซ้ำยังมีปริมาณสายโทรเข้าเพิ่มขึ้น และธนาคารคอมมอนเวลธ์ได้เสนอให้พนักงานที่เหลืออยู่ทำงานล่วงเวลา รวมถึงสั่งให้หัวหน้าทีมรับสายด้วย
ธนาคารยอมรับว่า การประเมินเบื้องต้นเกี่ยวกับพนักงานบริการลูกค้าซึ่งถูกมองว่าไม่จำเป็นนั้น ขาดการคำนึงถึงปัจจัยทางธุรกิจอย่างรอบด้าน ซึ่งนำมาสู่ข้อผิดพลาดดังกล่าว โดยตอนนี้ธนาคารได้ขอโทษพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง พร้อมเสนอทางเลือกในการทำงานให้พวกเขา
สหภาพแรงงานกล่าวว่า แม้นี่เป็นชัยชนะครั้งใหญ่ในการต่อสู้เพื่อสิทธิแรงงาน แต่ก็ไม่สามารถป้องกันบาดแผลทางจิตใจที่เกิดขึ้นจากการถูกเลิกจ้างกะทันหันซึ่งนำมาสู่ความเครียดและความกังวลของพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง 45 คน เนื่องจากบางคนทำงานที่ธนาคารแห่งนี้มาหลายสิบปีและต้องเผชิญกับความไม่มั่นคงของชีวิตในช่วงเวลาหนึ่ง
สุดท้ายนี้ กรณีของธนาคารคอมมอนเวลธ์ก็สะท้อนให้เห็นถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้แทนที่มนุษย์ ซึ่งหากไม่ศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้านย่อมส่งผลเสียต่อบริษัทและความรู้สึกของพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง แม้จะมีการเยียวยาหรือเสนอทางเลือกในการทำงานภายหลังก็ตาม
นอกจากนั้น การศึกษาของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) สหรัญอเมริกา เผยว่า ร้อยละ 95 ของโครงการที่บริษัทต่างๆ หยิบ AI มาใช้แทนที่พนักงานนั้น ทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
ดังนั้น บริษัทต่างๆ จึงควรรักษาพนักงานซึ่งเป็นมนุษย์ที่กำลังทำงานอยู่ขณะนี้ เพื่อป้องกันผลกระทบเชิงลบทั้งกับบริษัทและสภาพจิตใจของพนักงานนั่นเอง
อ้างอิงจาก
