มลพิษทางอากาศ ถือว่าเป็นปัญหาที่เมืองใหญ่ๆ หลายเมืองในโลกมักประสบอยู่เรื่อยๆ แต่สำหรับเมืองหลวงจาร์กาตา ประเทศอินโดนีเซีย ปัญหานี้รุนแรงเสียจนชาวเมืองบางกลุ่มต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องการแก้ปัญหาที่จริงจังกว่านี้ โดยการยื่นฟ้องรัฐบาลประเทศตัวเอง
ชาวเมืองในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ราว 30 คน ที่ประกอบไปด้วยกลุ่มนักเคลื่อนไหว นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ข้าราชการพลเรือน จิตรกร และนักธุรกิจ เตรียมเดินหน้ายื่นฟ้องรัฐบาลประเทศตัวเองในเดือนนี้ เพื่อให้แก้ปัญหามลพิษทางอากาศอย่างจริงจัง และปรับปรุงมาตรการเดิมให้ดีขึ้น
สาเหตุของปัญหา คาดว่ามาจากการจราจรในเมือง และการทำอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งถูกและผิดกฎหมาย แต่รัฐบาลดูเหมือนจะเพิกเฉยต่อปัญหาเหล่านี้ นำมาสู่การยื่นฟ้องดังกล่าว ซึ่งพุ่งเป้าไปที่ประธานาธิบดี โจโก วิโดโด รวมถึงกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสิ่งแวดล้อม ผู้ว่าฯ กรุงจาการ์ตา จังหวัดบันเติน และจังหวัดชวาตะวันตก
มลพิษทางอากาศในกรุงจาการ์ตา ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ค่อยดีนักตลอดเดือนที่ผ่านมา คุณภาพอากาศย่ำแย่กว่าเมืองอย่างปักกิ่ง ประเทศจีน และเดลี ประเทศอินเดียเสียอีก โดยเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน มีรายงานว่าค่าคุณภาพอากาศ Air Quality Index (AQI) ในกรุงจาการ์ตา อยู่ที่ 240 ไม่ดีต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังติดอันดับต้นๆ ของเมืองที่สภาพอากาศแย่ที่สุด ติดต่อกันหลายครั้ง
งานวิจัยจาก University of Chicago แสดงให้เห็นว่าสภาพอากาศที่ย่ำแย่ในกรุงจาการ์ตา อาจทำให้อายุประชากรในเมืองสั้นลงไป 2.3 ปี จากอายุไขเฉลี่ยของชาวเมือง โดยมีฝุ่น PM2.5 เป็นปัจจัยหลักที่สามารถส่งผลให้คนเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และก่อให้เกิดโรคได้อีกมากมาย
เมื่อมาดูตัวเลขจากหน่วยงาน Greenpeace Indonesia แล้ว ยิ่งทำให้เห็นภาพชัดขึ้น มีการประมาณว่าในแต่ละปี มีชาวเมืองจาการ์ตาอย่างน้อย 7,390 คน เสียชีวิต และเด็กแรกเกิดเกือบ 2,000 คนมีน้ำหนักตัวที่น้อยกว่าที่ควรจะเป็น เพราะค่า PM2.5 ที่สูงมาก
อ้างอิงจาก
https://www.airnow.gov/index.cfm?action=aqibasics.aqi
#Brief #TheMATTER