กินข้าวไม่หมดจะเป็นอะไรไหม? หนึ่งในปัญหาใหญ่ของโลกในตอนนี้ คือ ‘Food waste’ หรือก็คือปัญหาขยะจากเศษอาหาร โดยล่าสุด ผู้นำของจีนได้ประกาศแคมเปญใหม่ที่จะลดปัญหา Food waste นี้ลง
“การทิ้งขว้างมันน่าละอายมาก และการประหยัดเป็นสิ่งที่น่านับถือ” หนึ่งในข้อความที่ สี จิ้นผิง ระบุไว้ในแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเล่าถึง ปริมาณอาหารที่ส่งผลเสียในประเทศอย่าง ‘น่าตกใจและน่าวิตกกังวล’ เป็นอย่างยิ่ง
ปัญหาเรื่อง Food waste กลายมาเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองอย่างยิ่ง หลังจาก จีนเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั่วประเทศ ซึ่งซัดเอาพืชผลต่างๆ ไป รวมถึงปัญหาราคาอาหารที่แพงขึ้น หลังจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งทำให้เศรษฐกิจของประเทศย่ำแย่
เมื่อมีแคมเปญนี้ออกมา หน่วยงานท้องถิ่นก็เริ่มดำเนินการทันที โดยใช้ชื่อแคมเปญว่า ‘Operation Empty Plate’ ซึ่งถูกกล่าวถึงครั้งแรกในปี ค.ศ.2013 แต่ได้รับการยกขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากสีพูดถึง
โดยมีข้อเรียกร้องให้ร้านอาหารในเมืองใช้การสั่งอาหารแบบ N-1 (จำนวนคน ลบ 1) โดยให้ลูกค้าสั่งอาหารในจำนวนจานที่น้อยกว่าจำนวนผู้เข้ารับประทาน เช่น ไปรับประทานอาหารกัน 5 คน ก็ให้สั่งอาหารเพียง 4 อย่าง หรือน้อยกว่านั้น และให้ร้านอาหารท้องถิ่นจัดให้อาหารที่มีปริมาณน้อยลง หรือให้เพียงครึ่งหนึ่งด้วย
อย่างไรก็ดี จีนมีวัฒนธรรมในการสั่งอาหารว่า ให้สั่งเกินจำนวนที่ต้องการกิน แคมเปญนี้จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก โดยในประเทศจีน อาหารมักจะเสิร์ฟเป็นแบบครอบครัว และผู้คนก็มักจะสั่งอาหาร ในปริมาณที่มากกว่าจำนวนผู้บริโภคในกลุ่มเสมอ
ขณะที่ China Academy Science สถาบันวิจัยในกรุงปักกิ่ง เปิดเผยรายงานเมื่อปี ค.ศ.2015 ซึ่งระบุว่า อาหารในเมืองใหญ่ของจีนมากถึง 18 ล้านตันต่อปีที่กลายเป็นขยะ ซึ่งเป็นปริมาณที่สามารถให้ผู้คนรับประทานได้ถึง 30-50 ล้านคนต่อปี
แต่แคมเปญนี้ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเชียล โดยมองว่า ต้องจำกัดปริมาณอาหารของเจ้าหน้าที่ก่อน ทั้งยังมองว่า แม้แต่อาหารก็ยังกลายเป็นสิ่งที่รัฐเข้ามาควบคุมอีกด้วย ขณะที่ บางคนก็กล่าวว่า “ดูเหมือนว่า แคมเปญจะมุ่งเป้ามาที่พวกเรา เหล่าชนชั้นล่าง แต่พวกเราประหยัดกันอยู่แล้ว สิ่งนี้ไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับเหล่าคนรวย”
อ้างอิงจาก
https://www.ndtv.com/world-news/operation-empty-plate-chinese-diners-told-to-order-less-food-2278935
#Brief #TheMATTER