ถือเป็นกรณีที่น่าสนใจ เมื่อทางการของสิงคโปร์ สั่งปรับเงินผู้ให้บริการเรียกรถชื่อดัง ทั้ง Grab และ Uber รวมกันเป็นเงินถึง 13 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ คิดเป็นเงินราว 300 ล้านบาทไทย หลังควบรวมกิจการกัน ส่งผลเป็นการผูกขาดตลาด และมีการขึ้นค่าโดยสาร 10-15%
คณะกรรมาธิการส่งเสริมการแข่งขันและคุ้มครองผู้บริโภคของสิงคโปร์ (The Competition and Consumer Commission of Singapore – CCCS) มีมติปรับเงินบริษัททั้ง 2 ซึ่งควบรวมกิจการกันในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา โดย Uber ขายกิจการทั้งหมดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้กับ Grab แลกกับการที่บริษัทแรกเข้าถือหุ้นในบริษัทหลัง 27.5%
ผลคือทำให้ Grab กลายเป็นเจ้าตลาด ครองส่วนแบ่งบริการเรียกรถถึง 80% ในสิงคโปร์
หนึ่งในเหตุผลที่ CCCS สั่งให้จ่ายค่าปรับ ได้อ้างถึงการที่ Grab ขึ้นค่าโดยสารราว 10-15% หลังการควบรวม ทำให้มีผู้ร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ทั้ง Grab และ Uber ต่างออกมาปฏิเสธคำสั่งปรับเงินของ CCCS โดยยืนยันว่าทำทุกอย่างภายใต้กฎหมาย และปฏิเสธว่าไม่ได้ขึ้นค่าโดยสาร ซึ่งทั้ง 2 บริษัทมีเวลาในการยื่นอุทธรณ์คำสั่งนี้ 1 เดือน
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER