เป็นข่าวที่ชวนให้เราคิดกันไม่น้อยเลย เมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า ระหว่างปีงบประมาณ 2016-2017 มีเด็กนักเรียนวัยประถมและมัธยมญี่ปุ่น ฆ่าตัวตายทั้งหมด 250 คน ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่มากที่สุดในรอบ 30 ปี
เจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการญี่ปุ่น โนริอากิ คิทาซากิ บอกว่า จำนวนที่เพิ่มสื่อให้เห็นว่ารัฐบาลญี่ปุ่นต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเขาเองก็ยอมรับว่า ยังหาเหตุผลที่ชัดเจนไม่ได้เหมือนกัน ว่าทำไมอยู่ดีๆ ตัวเลขถึงพุ่งสูงขึ้น
ข้อมูลจากโรงเรียนต่างๆ ระบุว่า สาเหตุที่เด็กนักเรียนเลือกที่จะฆ่าตัวตายนั้นพัวพันกับประเด็นที่หลากหลาย เช่น การถูกรังแกในโรงเรียน ปัญหาภายในครอบครัว รวมถึง ความวิตกกังวลต่ออนาคตของตัวเอง
ทั้งนี้ เป็นที่รู้กันในหมู่แวดวงการศึกษาญี่ปุ่นว่า ทุกวันที่ 1 กันยายนของทุกปี จะเป็นวันที่เสี่ยงจะเกิดการฆ่าตัวตายในกลุ่มเด็กนักเรียนมากที่สุด
CNN เคยสัมภาษณ์เด็กนักเรียนคนหนึ่งที่เคยคิดฆ่าตัวตาย เธอเล่าว่า เหตุผลที่หลายคนเลือกที่จะจบชีวิตในวันที่ 1 กันยายน เพราะมันเป็นวันแรกของการเปิดเทอมภาคเรียนใหม่ โดยหลายๆ คนไม่อยากกลับมาเผชิญหน้ากับปัญหาการถูกรังแกในโรงเรียนอีก จึงเลือกที่จะจบชีวิตของตัวเอง
“ช่วงปิดเทอมยาวๆ คือเวลาที่คุณจะได้อยู่บ้าน ซึ่งนั่นคือสวรรค์สำหรับคนที่ถูกรังแกในโรงเรียน” นักเรียนหญิงกล่าวกับ CNN
ที่ผ่านมา แม้รัฐบาลญี่ปุ่นจะพยายามขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ เพื่อลดจำนวนการฆ่าตัวตายให้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ หากแต่ปัจจัยสำคัญที่เกิดขึ้นในสังคม ยังซับซ้อนและเกี่ยวพันกันเต็มไปหมด เช่น ระบบสาธารณสุข ค่านิยมเรื่องการทำงานหนัก สภาพสังคมที่ผู้คนใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น รวมถึงความคิดในสังคมซึ่งเชื่อว่า การเจ็บป่วยทางจิตใจเป็นประเด็นต้องห้ามที่ไม่ควรพูดถึง
อ้างอิงจาก
https://edition.cnn.com/2018/11/05/health/japan-youth-suicide-intl/index.html
https://www.bbc.com/news/world-asia-46096626
#Brief #TheMATTER