‘ภูมิธรรม’ ถูกแจ้งความหลังยื่น ‘ยุบสภา’ โดยพรรค ‘ประชาธิปไตยใหม่’ และ ‘ภูมิใจไทย’ ชี้ปฏิบัติหน้าที่เกินขอบเขตอำนาจกรณียื่นยุบสภา
วันนี้ (3 กันยายน 2568) หลังการแถลงจัดตั้งรัฐบาลนำโดย อนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย แต่ยังไม่มีการโหวตนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพราะ ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯยุบสภา
เวลา 15:30 น. ศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย เข้าร้องทุกข์กล่าวต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลดุสิต เพื่อให้ดำเนินคดีกับภูมิธรรม ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
เนื่องจาก ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เคยมีความเห็นว่า รักษาการนายกฯ ไม่มีอำนาจยื่นพระราชกฤษฎีกายุบสภาได้ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความไม่เหมาะสม และระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท
ขณะที่ สุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ และ ไทกร พลสุวรรณ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับภูมิธรรม ในความผิดมาตรา 112
ไทกร มองว่า การพยายามยื่นทูลเกล้าฯ ถวาย พระราชกฤษฎีกายุบสภา ถือเป็นการกระทำที่มิบังควร เนื่องจากภูมิธรรมไม่มีอำนาจหน้าที่ และถือเป็นการแสดงเจตนาต้องการจะใช้สถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยการแจ้งความดำเนินคดีครั้งนี้ก็เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
ด้าน วรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยให้ความเห็นต่อกรณีดังกล่าว เมื่อ 30 สิงหาคม 2568 ว่า ผู้ที่กำลังทำปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี มีอำนาจเต็มที่ในการนำความขึ้นกราบบังคับทูลให้พระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยในร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภา เนื่องจากไม่มีเงื่อนไขใดห้ามในรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ดี มติชนออนไลน์ เผยแพร่รายงานข่าวที่ว่า สำนักองคมนตรีได้ส่งคืนร่างพระราชกฤษฎีกากลับมาให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ระบุว่า การทูลเกล้าฯ ยุบสภาฯ ไม่เป็นไปตามระเบียบการนำเสนอเพื่อขอพระมหากรุณา เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีปัญหาข้อขัดแย้งว่ากระทำได้หรือไม่
มติชนออนไลน์ ระบุด้วยว่า โดยเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทำความเห็นประกอบว่า “รัฐบาลรักษาการไม่สามารถกราบบังคมทูลร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาฯ ได้ จึงไม่สามารถกราบบังคมทูลเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย”
อ้างอิงจาก