อีกไม่กี่เดือนจะมีการจัดการแข่งขันซีเกมส์ 2025 ซึ่งในปีนี้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน แต่ก่อนที่เสียงนกหวีดจะเริ่มต้นขึ้น วงการกีฬาไทยในปีนี้กลับค่อยๆ เผยถึงความล้มเหลวของระบบการบริหารจัดการภายในที่ไม่โปร่งใส
โดยกรณีล่าสุดคือ เมื่อ 27 ตุลาคม 2568 หมิว-พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ ประกาศถอนตัวจากการแข่งขันแบดมินตันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 สาเหตุเรื่องการหักเบี้ยเลี้ยงนักกีฬาจาก 60,300 บาท จนบางคนเหลือเพียง 6,000 บาท ซึ่งทำให้ตัวเองรู้สึกไม่สบายใจที่จะทำงานร่วมกับสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยต่อไป
แม้ปัญหาดังกล่าวจะคลี่คลายในวันนี้ (28 ตุลาคม 2568) หลัง ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย เข้าร่วมหารือปัญหาพร้อมสั่งการต่อ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยให้แก้ปัญหาดังกล่าว พรปวีณ์จึงตัดสินใจกลับเข้าร่วมการแข่งขันในนามทีมชาติไทยอีกครั้ง
ถึงกระนั้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่วงการกีฬาในประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการทำงานของสมาคมกีฬาต่างๆ โดยปีนี้มีตั้งแต่กีฬาเปตอง ยิงเป้าบิน ตะกร้อ แบดมินตัน ไปจนถึงกีฬามวยสากล ซึ่งต่างสะท้อนถึงระบบการทำงานที่ไม่โปร่งใส โดยเฉพาะกรณีการหักเบี้ยเลี้ยง ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนที่บั่นทอนกำลังใจและความรู้สึกของนักกีฬาที่ตั้งใจซ้อมและลงแข่งขันเพื่อประเทศชาติ
ในบทความนี้ The MATTER ได้รวบรวมดราม่าวงการกีฬาไทยที่เกิดขึ้นในปี 2568 ซึ่งมีทั้งปัญหาที่ได้รับการแก้ไขเบื้องต้นจนลุล่วงไป (เหมือนจะ) ได้ดี และปัญหาที่ยังคงคาราคาซัง ไม่เห็นทางออกหรือแนวทางการจัดการที่ชัดเจน
แบดมินตัน: ‘หมิว’ ประกาศถอนตัวเหตุหักเบี้ยเลี้ยงไม่เป็นธรรม ก่อนกลับเข้ามาหลังเจรจากับ ‘ธรรมนัส’
เริ่มจากกรณีที่เป็นประเด็นเดือดสะเทือนวงการกีฬาไทย หลัง 27 ตุลาคม 2568 หมิว-พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ นักแบดมินตันหญิงเดี่ยว และ โค้ชท็อป-ภควัฒน์ วิไลลักษณ์ อดีตนักแบดมินตันทีมชาติไทย เดินทางไปยังการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อยื่นหนังสือขอลาออกจากการแข่งขันแบดมินตันซีเกมส์ ครั้งที่ 33
โดยระบุสาเหตุการตัดสินใจครั้งนี้จากกระแสข่าวเรื่อง ‘เบี้ยเลี้ยง’ ทีมนักกีฬาแบดมินตันซีเกมส์ชุดก่อนหน้า โดยเฉพาะกรณีของ วิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์ และ เมย์-รัชนก อินทนนท์ จาก 60,300 บาท เหลือเพียง 6,000 บาท และมีบางคนเหลือ 20,000–40,000 บาท เนื่องจากไม่ได้เข้าทดสอบร่างกายตามที่ กกท. กำหนด เพราะติดภารกิจแข่งขันระดับชาติชาติ
ทั้งนี้ เบี้ยเลี้ยงของนักกีฬาทีมชาติไทยที่ได้รับจาก กกท. แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ค่าฝึกซ้อม, ค่าที่พัก และค่าอุปกรณ์ แต่หากนักกีฬาไม่ได้ไปทดสอบร่างกายตามกำหนดจะถูกหักเงิน และนักกีฬาหรือสโมสรก็ไม่ทราบว่าหากไม่ได้เข้าทดสอบร่างกายตามกำหนดจะมีการหักเบี้ยเลี้ยง ซึ่งเป็นหน้าที่ของกีฬาที่ควรส่งปฏิทินการแข่งขันทั้งปีไปชี้แจงกับ กกท. ว่ามีแข่งจริง เพื่อปกป้องสิทธิ์นักกีฬา
เมื่อเกิดกรณีดังกล่าว พรปวีณ์จึงรู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประกอบกับการทำงานของฝ่ายพัฒนากีฬาบางส่วนภายในสมาคมฯ ที่ไม่เป็นธรรมต่อนักกีฬา ทำให้ตัวเองรู้สึกเสียใจและหมดกำลังใจ แม้จะตั้งใจลงแข่งขันเพื่อประเทศชาติและยอมสละสิทธิ์จากรายการใหญ่ แต่ตนต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการฝึกซ้อมและเดินทางแข่งขันเองเกือบทั้งหมด
พร้อมระบุอีกว่า ที่ผ่านมาได้รอคำตอบและการชี้แจงจากสมาคมฯ แต่กลับไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งยังเกิดเหตุการณ์หรือคำพูดและการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนากีฬาบางท่านที่ทำให้ผิดหวังอย่างมาก จึงตัดสินใจถอนตัว เนื่องจากไม่สามารถทำงานร่วมกับฝ่ายพัฒนากีฬาได้อย่างสบายใจอีกต่อไป
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้สั่งให้ อรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เร่งแก้ไขดำเนินการด่วน พร้อมกำชับว่าอย่าให้เกิดปัญหาในลักษณะนี้อีก
วันนี้ (28 ตุลาคม 2568) ธรรมนัส และผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ร่วมหารือปัญหาและพูดคุยกับพรปวีณ์โดยตรง ทำให้เธอตัดสินใจกลับมาเข้าร่วมการแข่งขันแบดมินตันในมหกรรม ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 อีกครั้ง
ทั้งนี้ ธรรมนัสได้มีคำสั่งให้ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสมาคมกีฬาทุกแห่งที่มีปัญหา ไม่เฉพาะกรณีสมาคมแบดมินตันฯ เพื่อหาข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยย้ำว่าคณะกรรมการชุดใหม่นี้ต้องทำงานอย่าง โปร่งใสและตรวจสอบได้
ขณะที่ ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า จะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด พร้อมย้ำถึงการสังคายนาระบบของทุกสมาคมกีฬา เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในการบริหารจัดการ
เปตอง: เกือบไม่ได้จัดแข่งขันในซีเกมส์ หลังถูกแบนจากนานาชาติ
ย้อนไปเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2566 นาวาโท สุทธิโรจน์ ประพันธ์พัฒ อดีตผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกสมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทย ด้วยเสียงสนับสนุน 72 จาก 90 เสียง ชนะ พลเอก พิชัย เขม้นจันทร์ ซึ่งได้ 18 เสียง แต่น้อยกว่า 1 ใน 5 จึงไม่ผ่านการรับรองโหวตเสียงรอบที่ 2
จากนั้นมีผู้ร้องเรียนไปยังสหพันธ์เปตองนานาชาติ (Fédération Internationale de Pétanque et Jeu Provençal, F.I.P.J.P) ว่า มีหลักฐานการปลอมแปลงเอกสารของจำนวนสโมสรสมาชิกเกินครึ่งในการเข้าใช้สิทธิ์การเลือกตั้งนายกสมาคม พร้อมฟ้องร้องต่อสหพันธ์เปตองโลก (The World Petanque and Bowls Federation, WPBF)
การร้องเรียนดังกล่าวเป็นเหตุให้ 31 มกราคม 2568 มีจดหมายประทับตราของสหพันธ์เปตองนานาชาติส่งมายังประเทศไทย ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2567 ว่า คณะกรรมการจริยธรรมของสหพันธ์เปตองโลกห้ามไม่ให้ประเทศไทยเข้าร่วมกิจกรรมระหว่างประเทศ เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ขัดต่อจริยธรรมทางกีฬา จรรยาบรรณของคณะกรรมการโอลิมปิกสากลและสหพันธ์เปตองโลก
ส่งผลให้สมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทยโดนแบนจากสหพันธ์เปตองนานาชาติ จนกว่าสมาคมจะมีการเปลี่ยนแปลงนายกสมาคมฯ ตามที่สหพันธ์มีคำสั่งถึงการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
4 กุมภาพันธ์ 2568 สุทธิโรจน์ ชี้แจงว่า การฟ้องร้องดังกล่าวมาจากขั้วอำนาจเก่าที่เสียผลประโยชน์จากการที่ตนได้รับเสียงไว้วางใจให้เป็นนายกสมาคมกีฬาเปตองฯ ซึ่งกำลังทำทุกวิถีทางที่จะบีบบังคับให้เขาออกจากตำแหน่ง และบานปลายจนนักกีฬาประเทศไทยเสียสิทธิ์การเป็นแชมป์โลก
ถึงกระนั้น ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสหพันธ์กีฬาซีเกมส์ ก็ได้พยายามเข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าว โดย 5 พฤษภาคม 2568 เขาได้พูดถึงการแก้ข้อบังคับของสมาคมกีฬาเปตองฯ ให้เป็นไปตามที่สหพันธ์เปตองนานาชาติกำหนด พร้อมการจัดการเลือกตั้งนายกสมาคมคนใหม่ขึ้น แล้วจะขอกลับเข้าไปเป็นสมาชิกของสหพันธ์ฯ อีกครั้งตามห้วงเวลาที่เหมาะสม
นอกจากนั้น ยังมีการตั้งกรรมการกลาง 7 คน ซึ่งเป็นคนที่สหพันธ์เปตองนานาชาติกำหนดมา 2 คน เข้ามาบริหารงานของสมาคมกีฬาเปตองฯ โดยจะส่งรายชื่อดังกล่าวให้สหพันธ์เปตองนานาชาติรับรองโดยตรง รวมทั้งผู้ตัดสินในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ด้วย
ส่วนการส่งนักเปตองทีมชาติไทยเข้าร่วมแข่งขันซีเกมส์ จะให้คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยทำหน้าที่ส่งแทนสมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทยฯ เพื่อให้ไม่กระทบกับนักกีฬาไทย
แต่การกีฬาแห่งประเทศไทยยังคงไม่ระงับการปฎิบัติหน้าที่ของสมาคมกีฬาเปตองฯ ที่ถูกแบน ทั้งยังมีกระแสข่าวที่จะให้เข้ามาดำเนินการจัดส่งนักกีฬาไปแข่งขันเอง พร้อมประเด็นหนาหูเกี่ยวกับเรื่องเบี้ยเลี้ยงนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และงบประมาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
เป็นเหตุให้ 22 กันยายน 2568 ประธานสหพันธ์เปตองนานาชาติส่งจดหมายถึงคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เรื่อง ‘สั่งแบน’ ไม่ให้จัดการแข่งขันเปตองในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 หากชาติใดส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันเปตองในซีเกมส์ครั้งที่ 33 จะถูกแบนจากเวทีนานาชาติเป็นเวลา 2 ปี
เพื่อแก้วิกฤตดังกล่าว ธรรมนัสในฐานะประธานคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้มอบนโยบายเร่งด่วนให้ พิมล ศรีวิกรม์ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย เป็นตัวแทนรัฐบาลไทยเดินทางไปเจรจากับสหพันธ์เปตองนานาชาติที่ประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งการเจรจาลุล่วงไปด้วยดี โดยสหพันธ์เปตองนานาชาติได้อนุญาตให้ไทยจัดการแข่งขันเปตองในซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ได้ตามเดิม หลังจากที่คณะผู้แทนไทยชี้แจงข้อเท็จจริง ยอมรับข้อผิดพลาดด้านการสื่อสาร และยืนยันความจริงใจและความพร้อมในการดำเนินงานตามแนวทางของสหพันธ์เปตองนานาชาติ
นอกจากนั้น ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้เตรียมกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นสมาคมกีฬาเปตองฯ โดยเชิญหน่วยงานภายนอกเข้าร่วมตรวจสอบ ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ป.ป.ช., ป.ป.ง., DSI และสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อยืนยันความโปร่งใสขององค์กร
ยิงเป้าบิน: ‘ณี-สุธิยา’ ขอถอนตัว ไม่ร่วมงานสมาคมฯ ชุดปัจจุบัน เหตุความโปร่งใสในการใช้งบประมาณ
29 กันยายน 2568 ได้เกิดกรณีคล้ายกัน คือ ณี-สุธิยา จิวเฉลิมมิตร นักกีฬายิงเป้าบิน ขอยุติบทบาทนักกีฬาทีมชาติไทยและถอนตัวจากการร่วมการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 โดยระบุเหตุผลว่า รับไม่ได้ที่จะเป็นนักกีฬาทีมชาติภายใต้การบริหารงานของสมาคมกีฬายิงเป้าบินแห่งประเทศไทยชุดปัจจุบัน
สุธิยาเล่าว่า เธอเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นภายในสมาคมกีฬายิงเป้าบินฯ ตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2567 ซึ่งมีการตัดสิทธิของเสียงในการโหวตเลือกนายกสมาคมกีฬายิงเป้าบินฯ อย่างไม่เป็นธรรม ตลอดจนการริดรอนสิทธิของสมาชิกภายในช่วงการบริหารงานของคณะกรรมการชุดใหม่ใน 1 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบต่างๆ อย่างไม่มีขั้นตอน และมองว่ามีการบริหารงานหลายอย่างที่ไม่โปร่งใส มีการเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง ในฐานะนักกีฬาที่รับใช้ชาติมายาวนานกว่า 20 ปี จึงไม่สามารถยอมรับได้
ทั้งนี้ ประเทศไทยได้มีนโยบายการสนับสนุนสมาคมกีฬาจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน ภายใต้ชื่อโครงการ ‘1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ’ ซึ่งดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี 2548 และมีการปรับรูปแบบให้ครอบคลุมกีฬาทุกประเภทในสมัยอดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งสมาคมกีฬายิงเป้าบินฯ ได้รับการสนับสนุนจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทยปีละ 5,000,000 บาท
สุธิยาตั้งคำถามถึงการใช้งบประมาณดังกล่าวว่า ทีมบริหารสมาคมได้นำเงินไปใช้ถูกวัตถุประสงค์หรือไม่ พร้อมฝากให้คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทยเข้ามาตรวจสอบการใช้เงินของสมาคม และให้มีการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.กีฬา อย่างชัดเจน
ถัดมา 1 ตุลาคม 2568 สุธิยาได้นำหลักฐานเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสในการเลือกตั้งนายกสมาคม มายื่นต่อการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยมีผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยเป็นผู้รับเรื่องร้องเรียน และจะดำเนินการอย่างโปร่งใสตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับกรณีสมาคมกีฬาเปตองฯ
ตะกร้อ: นักกีฬาถูกหักหัวคิวเงินรางวัลจาก 2 ล้านเหลือ 1 แสน เดินเรื่องมา 2 ปี ไร้ความคืบหน้า
ถัดมาที่วงการตะกร้อ ซึ่งเป็นกรณีที่เกิดตั้งแต่การแข่งขันเอเชียนเกมส์ 2022 หลัง โจ้-พันตำรวจโท สืบศักดิ์ ผันสืบ อดีตนักกีฬาตะกร้อทีมชาติไทย เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงปัญหาเงินอัดฉีด
โดยมีนักกีฬาตะกร้อทีมชาติไทยชุดเหรียญทองประเภททีมเดี่ยวในศึกเอเชียนเกมส์ 2022 จำนวน 5 คนที่ได้รับเงินอัดฉีดคนละ 2,000,000 บาท แต่กลับถูกหักเงินไปถึงคนละ 1,900,000 บาท เหลือเงินให้นักกีฬาไว้ใช้เพียงคนละ 100,000 บาทเท่านั้น
จากนั้น 7 พฤศจิกายน 2566 ที่ห้องประชุมคณะกรรมโอลิมปิกแห่งประเทศไทย สืบศักดิ์พร้อมคณะอดีตนักตะกร้อทีมชาติไทยเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนการทำหน้าที่ของผู้จัดการทีมชาติไทยและผู้ฝึกสอนตะกร้อทีมชาติไทยที่ไม่โปร่งใส และมีการเรียกรับเงินจากนักกีฬาทั้งในอดีตและปัจจุบัน
โดยสืบศักดิ์เปิดเผยว่ามีการหักเงินนักกีฬาเข้ากองกลางอย่างเป็นระบบ ทั้งการโอนผ่านบัญชีบุคคลที่สาม หรือการนัดรับเงินสดกันที่ร้านอาหารเพื่อไม่ให้มีหลักฐาน โดยกล่าวอ้างว่าเงินส่วนหนึ่งจะถูกนำไปใช้ในสมาคมฯ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ
แต่เมื่อคำนวณจำนวนเงินที่นำไปแบ่งให้กับผู้เล่นสำรองและคู่ซ้อมแล้ว พบว่ายังมีเงินจำนวนกว่า 10.1 ล้านบาทที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย โดยไม่มีใครออกมาชี้แจงว่าเงินก้อนนี้ถูกนำไปใช้เพื่ออะไร
จากนั้น ได้มีการเปลี่ยนแปลงนายกสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย โดยมี ธนา ไชยประสิทธิ์ เป็นนายกสมาคมคนใหม่ ซึ่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ส่วนสืบศักดิ์ได้ยื่นเรื่องไปยังคณะกรรมาธิการกีฬาของสภาผู้แทนราษฎร และ ป.ป.ช. ให้เข้ามาตรวจสอบกรณีดังกล่าว
เมื่อกุมภาพันธ์ 2567 สมาคมกีฬาตะกร้อฯ มีมติสั่งพักงานทีมผู้ฝึกสอนและผู้จัดการทีมชุดเดิม พร้อมแต่งตั้งทีมผู้ฝึกสอนชุดใหม่เพื่อทำหน้าที่คุมทีมสำหรับการแข่งขันสำคัญในปี 2567
ถึงกระนั้น 19 สิงหาคม 2568 สืบศักดิ์ยังยืนยันว่านักกีฬายังไม่ได้ความชัดเจนว่าจะได้เงินคืนเมื่อไหร่ เขาและนักกีฬาจึงตัดสินใจรวมตัวกันไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.คลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
เหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของดราม่าวงการกีฬาไทยที่เกิดขึ้นในช่วงปีนี้ ก่อนที่จะมีการแข่งขันซีเกมส์ 2025 ซึ่งประเทศไทยได้รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดงาน ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆ ล้วนมาจากคำบอกเล่าจากประสบการณ์ของนักกีฬาซึ่งได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม และความคับข้องใจในการดำเนินการอย่างไม่โปร่งใสของสมาคมกีฬาต่างๆ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงระบบการทำงานแบบไทยๆ ที่มักไม่โปร่งใส ตรวจสอบได้ยาก และดำเนินการอย่างล่าช้า ซึ่งต่างส่งผลให้ประเทศไทยเกือบเสียโอกาสในการร่วมแข่งขันเปตองในระดับนานาชาติ หรือการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเปตอง รวมทั้งการเสียนักกีฬาที่มีฝีมือคุณภาพไป