อาชญากรรม หญิงข้ามเพศ และมิวสิคัล
กลายเป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่แฟนหนังทั่วโลกจับตามองกันในช่วงนี้ กับ Emilia Pérez หนังสัญชาติฝรั่งเศส ที่นำเสนอประเด็นเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด อาชญากรรม และหญิงข้ามเพศในรูปแบบมิวสิคัล
แม้จะเป็นส่วนผสมที่พบไม่บ่อยนัก แต่ตัวหนังก็ดึงดูดความสนใจจากผู้ชมและนักวิจารณ์ไม่น้อย ด้วยการเล่าเรื่องความรุนแรงและอาชญากรรมในลาตินอเมริกา ซึ่งอาจเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้หนังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลและได้รับรางวัลในหลายเวที ไม่ว่าจะเป็น รางวัลลูกโลกทองคำ เทศกาลหนังเมืองคานส์ หรือกระทั่งสถาบันภาพยนตร์อเมริกัน (AFI) และครั้งล่าสุด กับการได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง ออสการ์ ครั้งที่ 97 ไปมากถึง 13 สาขา ซึ่งถือว่ามากสุดในปีนี้
จากกระแสการได้รับเสนอชื่อเข้าชิงในหลายสิบรางวัล ทำให้ฝั่งผู้ชมให้ความสนใจไม่แพ้กัน จนทำให้หลายคนอยากพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง ทว่าเสียงตอบรับจากผู้ชมและนักวิจารณ์กลับมีความเห็นต่างกันอย่างชัดเจน โดยอิงจากคะแนนของ Letterboxd ซึ่งได้ไปเพียง 2.5/5 ส่วน Rotten Tomatoes ส่วนของผู้ชมอยู่ที่ 22 %
สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยรับชม Emilia Pérez นี่เป็นเรื่องราวของเจ้าพ่อแก๊งค้ายา ที่อยากจะลาออกจากวงการสีดำ ด้วยการแปลงเพศเป็นผู้หญิง ซึ่งเป็นของความใฝ่ฝันของตัวเขาอยู่แล้ว โดยมีอดีตทนายความคอยให้ความช่วยเหลือ จนเขาได้รับชีวิตใหม่ในฐาะหญิงข้ามเพศ ผู้ต้องการจะเปลี่ยนแปลงสังคมเม็กซิโก
แต่อะไรคือประเด็นที่ทำให้ Emilia Pérez กลายเป็นหนังที่ถูกพูดถึงและถกเถียงกันในวงกว้าง? แล้วเนื้อหาของหนังกำลังนำเสนออะไรให้ผู้ชมอย่างเรารับรู้บ้าง?
การนำเสนอภาพของคนข้ามเพศ
เมื่อสังคมสมัยใหม่ยอมรับและเปิดกว้างเรื่องความหลากหลาย ก็เป็นเสมือนประตูที่เปิดให้สื่อบันเทิงฉายแสงไปแก่กลุ่มคนผู้เคยถูกกีดกันในสังคม หนังจึงเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่เลือกหยิบเรื่องราวของพวกเขามาตีแผ่ในหลากหลายแง่มุมให้ผู้ชมได้เห็น
Emilia Pérez คือหนังอีกหนึ่งเรื่องที่เลือกหยิบเรื่องราวเกี่ยวกับความหลากหลายขึ้นมา อย่างที่ได้เกริ่นไปแล้วในเรื่องย่อของหนัง ว่านี่เป็นเรื่องราวของ ฆวน เดล มอนเต หรือ แมนิตัส (รับบทโดยคาร์ลา โซเฟีย กาสคอน) เจ้าพ่อแก๊งค้ายา ที่ต้องการแปลงเพศเพื่อให้ตนได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะผู้หญิง
“ผมไม่สามารถแก้ไขจิตวิญญาณของใครได้”
“แต่การแก้ไขร่างกายจะสามารถแก้ไขจิตวิญญาณ และการแก้ไขจิตวิญญาณ ก็จะสามารถแก้ไขสังคมได้เช่นกัน”
ประโยคสนทนาระหว่างคุณหมอผ่าตัดและริต้า (รับบทโดยโซเอ ซัลดัญญา) ผู้รับหน้าที่จัดการภารกิจการแปลงเพศของแมนิตัส ทั้งคู่กำลังโต้เถียงกันถึงการผ่าตัดแปลงเพศในครั้งนี้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ทำให้ผู้ชมหลายคน โดยเฉพาะผู้ชมที่เป็นคนข้ามเพศ ตั้งข้อสงสัยต่อบทสนทนาดังกล่าว
ทิลลี่ บริดจ์ (Tilly Bridge) เจ้าของเว็บไซต์ Tilly’s Trans Tuesdays แสดงความคิดเห็นต่อฉากนี้ในหนังว่า “ทำไมถึงต้องแก้ไขจิตวิญญาณของคนที่เป็นคนข้ามเพศ? แล้วการช่วยเหลือคนข้ามเพศ จะสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร? การทำเพื่อสังคมไม่ใช่หน้าที่ของคนข้ามเพศ ซึ่งคนข้ามเพศทุกคนต้องการมีอยู่ในฐานะตัวของตัวเองเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อจุดประสงค์อะไร”
ตัวหนังที่พยายามนำเสนอให้ถึงการเปลี่ยนแปลงตัวตนของแมนิตัส พร้อมกับความพยายามลบเลือนอดีตของตนเอง ผ่านการใช้การเป็นผู้หญิงข้ามเพศเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับการเริ่มต้นใหม่ เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมตามความต้องการของตัวเธอเอง
การเปลี่ยนแปลงร่างกายและอัตลักษณ์ทางเพศสามารถละทิ้งอดีตได้หรือไม่? คือคำถามที่ อาเมเลีย แฮนส์ฟอร์ด (Amelia Hansford) นักวิจารณ์ผู้เป็นคนข้ามเพศ จากเว็บไซต์ข่าว LGBTQ+ อย่าง PinkNews สงสัย เธอมองว่า Emilia Pérez พยายามใช้การแปลงเพศ เป็นสัญญะของการสำนักผิดต่อบาปในอดีต สำหรับเธอแล้ว การแปลงเพศไม่ใช่การตัดสินใจทางศีลธรรม และการเปลี่ยนแปลงบนร่างกาย มิอาจลบเลือนอดีตได้แต่อย่างใด
การนำเสนอภาพของคนข้ามเพศใน Emilia Pérez จึงไม่เพียงแต่สะท้อนถึงข้อถกเถียงภายในเนื้อหาของหนัง แต่ยังอาจส่งผลต่อการรับรู้ของสังคมในภาพรวมได้ นี่จึงเป็นหนึ่งในสิ่งที่ผู้ชมหลายคนมองว่าน่าเป็นกังวล
การนำเสนอภาพจำแบบเหมารวมเกี่ยวกับเม็กซิโก
เมื่อพูดถึงประเทศเม็กซิโก นึกถึงสิ่งใดกันบ้าง แล้วมีภาพจำเหล่านี้มาจากไหน?
เชื่อว่าหนังมีส่วนสำคัญไม่น้อยในการสร้างภาพจำแก่ผู้ชมต่อสิ่งของหรือสถานที่ต่างๆ เม็กซิโกเอง ก็ถือเป็นประเทศที่หนังจำนวนไม่น้อยเลือกใช้เป็นฉากหลัง ไม่ว่าจะเป็น Frida (2002), Nacho Libre (2006), Coco (2017) และแน่นอนว่า Emilia Pérez ก็ด้วยเช่นกัน
การเลือกใช้เม็กซิโกเป็นฉากหลัง ถ่ายทอดสภาพบ้านเมือง ผู้คน และวัฒนธรรม เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของตัวละครแมนิตัสในการผ่าตัดแปลงเพศ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมและเปลี่ยนแปลงสังคม
ทว่าเนื้อหาที่หนังนำเสนออกมา กลับสร้างความไม่พอใจให้กับชาวเม็กซิโกไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างเช่น เอคตอร์ กูอิเยน (Héctor Guillén) นักเขียนบทชาวเม็กซิโก ได้ออกมาโพสต์ผ่าน X ส่วนตัวของตน พร้อมให้สัมภาษณ์กับทาง BBC ถึงความไม่พอใจต่อตัวหนัง ซึ่งได้รับการเข้าชิงหลายรางวัลในช่วงที่ผ่านมา เพราะหนังเลือกหยิบประเด็นอ่อนไหวอย่างสงครามยาเสพติด สงครามครั้งใหญ่ของประเทศที่คร่าชีวิตผู้คนไปหลายแสน และสร้างความเจ็บปวดให้ชาวเม็กซิกันอีกมาก นำมาถ่ายทอดในรูปแบบมิวสิคัล ซึ่งอาจทำให้ดูเหมือนเป็นการลดทอนความรุนแรงของเหตุการณ์ลง
สิ่งนี้เองก็ได้สอดคล้องไปกับข้อเท็จจริงที่ว่า ฌาค ออดิยาร์ (Jacques Audiard) ผู้เขียนบทและผู้กำกับของ Emilia Pérez เป็นชาวฝรั่งเศส และถ่ายทำเกือบทุกฉากในสตูดิโอที่ฝรั่งเศส แถมทีมงานและนักแสดงนำแทบทั้งหมดไม่ใช่ชาวเม็กซิกันด้วย จึงกลายเป็นจุดสำคัญที่เอคเตอร์ กูอิเยนและชาวเม็กซิกันอีกหลายคนไม่พึงพอใจ เนื่องจาก ตัวหนังที่ถ่ายทอดความเป็นเม็กซิกัน แต่กลับมีองค์ประกอบภายในที่ห่างกับเม็กซิโกพอสมควร
ถึงอย่างนั้น ใช่ว่าชาวเม็กซิกันจะไม่พอใจกับ Emilia Pérez ไปเสียทั้งหมด ชาวเม็กซิกันอีกจำนวนไม่น้อยได้ให้สัมภาษณ์กับทาง สำนักข่าว AP ว่า การนำเสนอเนื้อหาความรุนแรงในหนังเรื่องนี้ จะสามารถกระตุ้นให้รัฐบาลและสังคมเม็กซิโกจริงจังกับเรื่องนี้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้บุคคลภายนอกผู้ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้พอรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศเม็กซิโกได้ไม่มากก็น้อย
ท้ายที่สุด ข้อวิจารณ์เหล่านี้เป็นมุมมองที่ผู้ชมถกเถียงและแลกเปลี่ยนกันหลังจากชม Emilia Pérez อาจจะมีทั้งที่ชื่นชอบและไม่ไม่ชื่นชอบ แตกต่างกันไป
ใครเคยดู Emilia Pérez แล้วคิดเห็นว่ายังไงกันบ้าง มีประเด็นไหนของหนังที่น่าหยิบมาพูดคุยกันต่ออีกไหม มาแชร์กันได้นะ
อ้างอิงจาก