เคยจินตนาการถึงชีวิตหลังความตายไหม หน้าตาเป็นยังไงกันบ้าง?
สำหรับใครที่เชื่อในเรื่องโลกหลังความตาย ก็คงมีคิดภาพไว้หลากหลายรูปแบบตามพื้นฐานความเชื่อของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น โลกที่แบ่งแยกคนจากความดีความชั่ว โลกที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งสิ่งใด หรือดินแดนสุขาวดีปราศจากทุกข์ใดๆ
Eternity (2025) ภาพยนตร์รอมคอมเรื่องล่าสุดจากค่าย A24 เองก็ได้นำเสนอเรื่องราวของโลกหลังความตายเอาไว้ ผ่านมุมโลกแห่งความเป็นนิรันดร์ สถานที่ที่เราจะต้องอยู่ไปตลอดกาล หลังจากเราตัดสินใจเลือกไปที่โลกนิรันดร์แห่งใดแล้ว เราจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก นี่ถือเป็นโจทย์สำคัญที่ โจน (รับบทโดย เอลิซาเบธ โอลเซน) หญิงสาวที่ชีวิตเพิ่งเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด ต้องมาหนักใจในโลกหลังความตาย เพราะนอกจากจะต้องเลือกว่าจะไปใช้ชีวิตในโลกนิรันดร์แบบไหนแล้ว เธอยังต้องตัดสินใจเลือกคนที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไปด้วย
หนำซ้ำตัวเลือกที่โจนจะต้องตัดสินใจเลือกดันเป็นรักเก่าของเธอทั้งคู่ คนหนึ่งคือรักแรกผู้จากโลกคนเป็นไปเพราะสงคราม จึงต้องมาเฝ้ารอหญิงสาวที่รักในโลกหลังความตายเป็นเวลานานกว่า 67 ปี ส่วนอีกคนคือรักใหม่ที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาจนแก่ชรา เมื่อเธอตัดสินใจเลือกใครไปแล้ว อีกคนจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปชั่วนิรันดร์

cr.IMDB
ท้ายสุดแล้วโจนจะเลือกใครนั้น คงเป็นคำตอบที่ทุกคนต้องไปค้นหาด้วยตัวเองผ่านภาพยนตร์ แต่ในครั้งนี้ The MATTER อยากชวนมามองในมุมความเป็นรอมคอมของ Eternity ตลอดจนร่วมกะเทาะแง่มุมเรื่องความรักที่ภาพยนตร์นำเสนอกัน ว่ารักสามเส้าเรื่องนี้พาเรามาเรียนรู้อะไรบ้าง
สูตรความเป็นรอมคอมแบบ Eternity
เมื่อพูดถึงภาพยนตร์รอมคอม เชื่อว่าใครที่เป็นแฟนภาพยนตร์อยู่แล้ว ก็คงพอจะเห็นถึงสูตรสำเร็จที่นำเสนอสู่สายตาผู้ชม ไม่ว่าจะเป็น วางพล็อตแบบไม่สลักซับซ้อน มีพระเอกกับนางเอกชัดเจน เน้นเส้นทางสร้างปฏิสัมพันธ์ของตัวละคร หรือกระทั่งสร้างเหตุการณ์ที่นำไปสู่การลงเอยกันของคู่พระนาง
ทว่า Eternity กลับนำเสนอเนื้อหาที่หลุดสูตรรอมคอมทั่วไป พร้อมทั้งสร้างสูตรเฉพาะตัวของตนเองขึ้นมา ผ่านการหยิบเอาแนวเรื่องที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี อย่าง ‘เรื่องราวความรักสามเส้า’ มาปัดฝุ่นและเล่าในอีกแง่มุมที่แตกต่างจากการพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ของกลุ่มคนเหล่านี้ไปโต้งๆ ในภาพยนตร์
Eternity พยายามร้อยเรียงเรื่องราวความสัมพันธ์ของคน 3 คนแบบค่อยเป็นค่อยไป ด้วยเงื่อนไขความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น อย่างการหยิบเอารักครั้งเก่ากับรักครั้งใหม่มาเล่า ซึ่งทั้ง 2 รัก ล้วนเป็นรักที่ยังคงตราตรึงใจทั้งคู่ แต่เมื่อต้องเลือกใช้ชีวิตกับใครไปจนนิรันดร์แล้ว การพิจารณาแค่ความเก่าและใหม่ก็อาจไม่เพียงพอ ตัวภาพยนตร์จึงทำหน้าที่ในการพาผู้ชมไปสำรวจเบื้องลึกได้เป็นอย่างดี
เมื่อพูดถึงภาพยนตร์รอมคอมที่ว่าด้วยเรื่องรักสามเส้า ก็คงต้องขอหยิบยกภาพยนตร์แนวเดียวกันจากค่ายเดียวกันอย่าง Materialists (2025) ที่ลงจอฉายไปไม่กี่เดือนก่อนหน้ามาช่วยทำให้เห็นภาพชัดมากขึ้นว่า ตัวเลือกที่ภาพยนตร์โยนมาเป็นโจทย์ให้แก่นางเอกนั้น เป็นสิ่งที่สามารถเข้าถึงผู้คนได้กว้างขวางกว่า แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์ความรักมาก ก็สามารถร่วมเข้าใจและเข้าถึงความหนักหน่วงใจของโจนได้อย่างไม่ยากเย็น
Materialists ที่ให้เราเลือกระหว่างความรวยหรือความจนนั้น อาจยังทำงานกับผู้ชมได้มากเท่าไหร่นัก เพราะท้ายสุดแล้ว การจะเลือกระหว่างคนรวยหรือคนจนในความสัมพันธ์ ก็ยังเป็นเงื่อนไขที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามบริบทของชีวิตและเวลา ไม่ได้แตะต้องแก่นของความสัมพันธ์ในระดับเดียวกับคำถามที่ Eternity หยิบยกขึ้นมา ความซับซ้อนของเงื่อนไขในการเลือกคู่ครองที่เพิ่มมากขึ้น จึงเป็นเสน่ห์สำคัญที่ทำให้ Eternity สามารถครองใจผู้ชมได้ แม้ในปีนี้เราจะมีภาพยนตร์รอมคอมในท้องตลาดมากมายก็ตาม
ที่สำคัญ ตัวภาพยนตร์ก็ไม่ได้ปล่อยให้คนดูต้องแบกรับประเด็นที่หนักอึ้งเกินกว่าจะเป็นรอมคอมทั่วไป ระหว่างที่เนื้อเรื่องกำลังดำเนินไปข้างหน้า พร้อมด้วยช่วงเวลาที่คอยบีบคั้นนางเอกมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ยังสอดแทรกมุกตลกหรือประเด็นรองเบาสมอง ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างผู้ช่วยแนะนำโลกนิรันดร์ในเรื่อง หรือการปะทะคารมกันระหว่างสามีของนางเอก และใส่ความตลกเหล่านี้เข้ามาอย่างกลมกล่อมพอดี และทำให้ Eternity มีสมดุลระหว่างความเป็นโรแมนติกและคอมเมดี้

Eternity จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจความรักได้ดีขึ้น
Eternity ไม่ได้โดดเด่นแค่นำเสนอรอมคอมในมุมที่สดใหม่และสนุกเท่านั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรื่องนี้โดดเด่นกว่าหลายๆ เรื่องในแวดวงเดียวกัน คือตัวภาพยนตร์ทำงานกับความรู้สึกของผู้ชมอย่างเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการพาเราไปสำรวจใจตัวเองไปพร้อมๆ กับตัวละครในเรื่อง
ระหว่างที่เนื้อเรื่องกำลังดำเนินมาถึงช่วงที่โจนเดินทางมาที่โลกหลังความตาย และต้องเผชิญหน้ากับสามีทั้ง 2 คนของเธอ โจทย์ในการเลือกคู่ ไม่ได้โยนไปที่ตัวนางเอกเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโยนมาให้ผู้ชมอย่างเราได้ร่วมตัดสินใจไปพร้อมๆ กับตัวนางเอกด้วยเช่นกัน
โจทย์นี้จึงเปรียบเสมือนการชวนผู้ชมให้หันกลับมาสำรวจทั้งความคิดและหัวใจของตัวเอง ว่าหากถึงคราวที่เราต้องตัดสินใจภายใต้เงื่อนไขเดียวกันกับตัวละคร เราจะเลือกใคร และเพราะเหตุใดเราจึงเลือกเขาคนนั้น แน่นอนว่าคำตอบที่เกิดขึ้น ไม่ได้สะท้อนว่าใครคือคนรักที่ดีกว่า แต่กำลังบอกกลับมาว่า เราให้คุณค่ากับความรักรูปแบบใดในชีวิตของตัวเองมากที่สุด
หนำซ้ำ เงื่อนไขของโจทย์ที่ผูกเข้ากับโลกแห่งนิรันดร์ ยิ่งบีบให้ทั้งตัวละครและผู้ชมต้องเฟ้นหาคำตอบที่ดีที่สุดภายใต้เวลาที่จำกัด เพราะคงไม่มีใครอยากตัดสินใจเลือก แล้วต้องแบกรับความเสียใจไปตลอดกาล ระหว่างที่ภาพยนตร์ค่อยๆ พาตัวละครแต่ละคนออกไปสำรวจความรู้สึกของกันและกัน ก็เปิดพื้นที่ให้ผู้ชมได้ตกผลึกความคิดและไตร่ตรองคำตอบของตัวเองไปพร้อมกับเรื่องราวบนจอ ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า Eternity ไม่ได้ทำงานแค่ในฐานะภาพยนตร์รอมคอม แต่ยังสามารถทำงานกับความรู้สึกของผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน
คำตอบสุดท้ายที่เราเลือกจึงไม่ใช่แค่การบอกเราว่าเราเลือกใคร แต่ยังทำให้เราได้รู้จักตัวเองมากขึ้นด้วย จากเหตุผลเบื้องหลังของการเลือก ความต้องการที่แท้จริงของเราในความสัมพันธ์ ตลอดจนสิ่งที่เราคาดหวังที่จะได้รับจากการมีความรักกับใครสักคน
แม้ในตอนท้ายของภาพยนตร์จะมีคำตอบชัดเจนอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความคำตอบนั้นถูกต้องสำหรับผู้ชมอย่างเราเพราะท้ายสุดภาพยนตร์ก็แค่ทำหน้าที่เป็นเหมือนผู้ช่วย ที่คอยชี้แนะให้เราได้รู้จักตัวเองข้างในได้มากขึ้นเท่านั้น
เพราะการรู้จักและรู้ใจตัวเองให้ได้มากที่สุด ก็อาจเป็นวิธีที่จะช่วยให้เราเข้าถึงความหมายที่แท้จริงของความรักได้มากขึ้น
แล้วหลังจากดูเรื่องนี้จบ คำตอบไหนที่อยู่ในใจทุกคนกันล่ะ?