“หัวเมืองฝ่ายเหนือแตกพ่าย ผู้แพ้จำต้องส่งเชลยศึกไปยังหงสาวดี แม้กระทั่งบุตรชายคนโตของเจ้าฟ้าเมืองสองแควก็ไม่ได้รับการละเว้น ทว่าหลังจากได้พบกับบุตรชายวังหน้าแห่งหงสาฯ โยงใยแห่งโชคชะตาก็เริ่มผูกผันพัลวัน จากสองเจ้าฟ้าน้อยเมืองศัตรู สู่มิตรสหายวัยเยาว์ในเงื้อมเงาสงคราม มิตรภาพที่ผลิบานระหว่างสองแผ่นดินซึ่งไม่อาจรวมเป็นหนึ่งจะถึงคราวสิ้นสุดในวันใด เมื่อวันที่ทั้งสองต้องหันคมดาบเข้าหากัน ห้ำหั่นในฐานะศัตรู มิตรภาพในวันวานจะยังคงอยู่ หรือถึงคราวร่วงโรย?” – แนะนำเรื่องอโยธยาเอยาวดี
ช่วงที่ผ่านมา #อโยธาเอยาวดี กลายเป็นเทรนด์สำคัญใน X แฮชแท็กดังกล่าวเป็นชื่อของการ์ตูนที่เผยแพร่ใน readAwrite โดยผู้เขียนที่มีนามแฝงว่า Amulin เดิมผู้เขียนวาดเป็นเพียงการ์ตูน 3 ช่องไว้ตั้งแต่ปี 2565 ระหว่างเขียนเรื่องบุษาเสี่ยงตรีน แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไรต่อเนื่องจากคิดว่างานยังไม่ดีพอ และ ‘กลัวทัวร์ลง’ แต่การ์ตูน 3 ช่องกลับถูกรีทวิตแชร์วนไปทุกปี จนในที่สุดผู้เขียนก็เขียนออกมาอย่างจริงจัง
ความฮือฮาของการ์ตูนอโยธาเอยาวดี คือการดัดแปลงตามขนบมังงะแบบญี่ปุ่น/เว็บตูนแบบเกาหลี โดยการเล่าเรื่องสั้นๆ ในแต่ละตอน มีติดแท็กว่าเป็น Slice of life, พีเรียด รวมถึง ‘โชเน็นไอ’ (Shonen-ai) และปรากฏการณ์ดังกล่าวยังดูจะสอดคล้องไปกันได้กับประเด็นซีรีส์วายไทยที่กลายเป็นป๊อบคัลเจอร์มาในระยะหนึ่งแล้วด้วย

ภาพจาก อโยธยาเอยาวดี readAwrite
งานวิจัยโลกของวาย: การดัดแปลงขนบบอยเลิฟซี่ปุ่นในซีรีส์วายไทย เมื่อปี 2562 ชี้ให้เห็นถึงปรากฏการณ์ ‘วาย’ ที่ทำให้ซีรีส์วายกลายเป็นความเป็นปกติใหม่ (new normal) ในพื้นที่สื่อไทย โดยชี้ให้เห็นปัจจัยสำคัญ 4 ประการคือ
- ความตั้งมั่นของสาววาย (embeddedness) ที่สามารถหลอมรวมเป็นป๊อบคัลเจอร์ไทย ซึ่งประกอบด้วยปฏิบัติการอ่านเขียนวาย และปฏิบัติการจิ้น และวัฒนธรรมแฟนฟิกที่ไม่ได้แยกจากกัน
- การสั่นคลอนภูมิทัศน์สื่อไทย ตั้งแต่รักแห่งสยามในปี 2550 เริ่มฉาย หนังเรื่องดังกล่าวได้ทำให้ปทัสถาน 2 เพศ และชี้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เกย์เริ่มกล้าแสดงตัวตนออกมายังที่สาธารณะ
- โอกาสทางธุรกิจ เปลี่ยนจากตลาดเฉพาะ (niche market) มาสู่ตลาดบันเทิงมวลชน ที่มีทั้งสาววายและวัยรุ่นชายรักเพศเดียวกัน ซึ่งส่วนมากเป็นชนชั้นกลางในเมือง นอกจากรายได้ในการแพร่ภาพแล้ว ยังสัมพันธ์กับกิจกรรมพบปะกลุ่มแฟนคลับและสินค้ารูปแบบต่างๆ
- สมาร์ตโฟนและโซเชียลมีเดีย ทำให้ลดอุปสรรคการเข้าถึงตลาด ด้วยรูปแบบการเผยแพร่ซ้ำ และเรียกดูตามสั่งได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาสถานีโทรทัศน์แบบเดิม โซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊กและ X ยังสร้างปฏิสัมพันธ์ และกิจกรรมเสมือนให้เราสามารถแสดงความคิดเห็น หรือตัดฉากที่ชื่นชอบมาแลกเปลี่ยนกัน ทั้งยังเปิดให้ผู้ชมนอกประเทศเข้าถึงสื่อวายที่อาจมีแฟนซับหรือคำบรรยายใต้ภาพ ซึ่งแปลโดยกลุ่มแฟนในต่างประเทศด้วย
ในการนำบุคคลทางประวัติศาสตร์ไทยมาใช้ในงานสร้างสรรค์นั้นก็มีความสุ่มเสี่ยง ผู้เขียนคงตระหนักดีจึงเขียนเตือนไว้ตั้งแต่แรกว่า
“งานชิ้นนี้เป็นเรื่องราวที่แต่งขึ้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ภาษา วัฒนธรรม การแต่งกาย ฯลฯ ตัวละครในเรื่องเป็นการหยิบยืมชื่อของบุคคลจากโลกคู่ขนานมาอีกทีไม่ใช่บุคคลที่เราคุ้นเคย
**กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน**”
‘โลกคู่ขนาน’ จึงเปิดโอกาสให้ผู้เขียนได้สร้างแฟนตาซีของเรื่องเล่าใหม่จากตัวละครและพล็อตเดิม แต่ด้วยความระมัดระวัง ผู้เขียนก็ได้เขียนย้ำไว้ว่า “หลักฐานทางประวัติศาสตร์ควรอ่านหลายฉบับประกอบกัน ไม่ควรตัดสินจากเพียงข้อความเดียว” และ “ย้ำว่าตัวละครในเรื่องเป็นการสร้างขึ้นใหม่ โดยอ้างอิงจากบุคคลในโลกคู่ขนาน ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลในประวัติศาสตร์”
อย่างไรก็ตาม หากเรานำตัวเลขจากงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 29 ช่วงเดือนตุลาคม 2567 ซึ่งจัดโดยนายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) อาจจะเห็นถึงอะไรบางอย่าง งานจัดขึ้นเป็นจำนวน 11 วัน มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 1.4 ล้านคน คนมางานส่วนใหญ่อายุ 12-35 ปี นับเป็น 69% เป็นเพศหญิง 63.78% เพศชายเพียง 26.91% LGBTQ+ 6.90% และอื่น ๆ 2.41% อันดับหนังสือขายดีคือ การ์ตูนและมังงะ 40%, นิยาย 30% ตัวเลขนี้จึงสะท้อนกำลังซื้อที่เป็นคนรุ่นใหม่ เป็นผู้หญิงที่บริโภคการ์ตูนและมังงะที่มีความต้องการอยู่ในตลาดนี้อยู่แล้ว
ธเนศ วงศ์ยานนาวา เคยกล่าวถึง ‘การอ่านในยุคดิจิทัล’ ว่าเป็นแบบการคลิกลิงก์ไปยังข้อความต่างๆ หรือ hypertext ที่พร้อมจะทำให้เกิดการย้ายตัวบทไปสู่ตัวบทใหม่ๆ แม้การย้ายข้ามตัวบทใหม่ๆ นี้แสดงให้เห็นถึงความไม่ต่อเนื่องของการอ่าน แต่กลับแสดงให้เห็นถึงการเชื่อมกับตัวบท ทำให้ hypertext ไม่มีลำดับขั้น ไม่มีก่อนหลังและต่ำสูง ที่ส่งผลต่อ ‘ความเป็นเสรีประชาธิปไตยในการอ่าน’ การอ่านจึงประดุจเป็นการอ่านวรรณกรรม ทุกสิ่งเป็นไปได้ ไม่มีจำกัด หรือข้อห้าม การอ่านทำให้เรื่องราวเคลื่อนไปสู่ความเป็นวรรณกรรม หรือกล่าวได้ว่ามันเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันได้ด้วย
เมื่อเราจะอ่าน อโยธยาเอยาวดี ในฐานะ hypertext การอ่านตัวบทจึงนำไปสู่การจินตนาการต่อและการเชื่อมโยงกับตัวบทและการสร้างสรรค์อื่นๆ นอกจากจะเผยแพร่ในเว็บไซต์ readAwrite แล้ว ผู้เขียนยังแชร์ในเฟซบุ๊กของตนเองด้วย จนช่องคอมเมนต์ในนั้นกลายเป็นพื้นที่แสดงออกและแลกเปลี่ยนของแฟนการ์ตูน
สำหรับชาว X ในตอนนี้ก็มีการได้นำอนิเมชั่นก้านกล้วย มาแชร์ต่อ หรือการแชร์สารคดีเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และบุคคลประวัติศาสตร์ในยุคดังกล่าวของรายการต่างๆ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีงานสร้างสรรค์ของแฟนการ์ตูนด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การตัดต่อภาพการ์ตูนเข้ากับเพลง ยอมจำนนฟ้าดิน ของโบวี่, หรือใส่คลิปที่ตนเองเล่นดนตรีบรรเลงอย่างเปียโนหรือขิม บางคนก็นำมาใส่กลอนไทยที่แต่งอย่างสละสลวย ส่วนติ๊กตอกก็นับเป็นช่องทางที่มีผู้ใช้งานนำภาพไปตัดต่อใส่กับเสียงเพลงต่างๆ จนยิ่งทำให้อโยธาเอยาวดี รู้จักกันไปในวงกว้างมากยิ่งขึ้น
ในเชิงวิชาการมีสิ่งที่เรียกว่า ‘แฟนศึกษา’ ซึ่งมองว่าวัฒนธรรมแฟนเป็นเครื่องส่องสะท้อนการบริโภคและวัฒนธรรมมวลชน (pop culture) และมีข้อถกเถียงว่าแฟนไม่ใช่ผู้บริโภคที่เฉื่อยชาและถูกควบคุมโดยผู้ผลิต แต่แฟนยังเป็นผู้บริโภคที่ตื่นตัว และมีบทบาทในการผลิตสร้างวัฒนธรรมในการบริโภคของตนมาด้วย เช่น แฟนซีน (fanzine) คือนิตยสารที่ทำขึ้นมาโดยกลุ่มแฟนเอง เพื่อเผยแพร่เนื้อหาในสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบ, แฟนฟิก (fanfic, fan fiction) คืองานเขียนโดยเหล่าแฟน พวกเขาจะนำเค้าโครงเรื่องเดิมมาดัดแปลง ตัดต่อ หรือเน้นจุดสนใจใหม่และเผยแพร่กัน
เหล่าแฟนการ์ตูนอโยธยาเอยาวดี ก็มีพื้นที่และการสร้างสรรค์คล้ายกับแฟนซีน ตรงที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนกัน แชร์ภาพจากต้นฉบับที่นำมาประกอบเพลง หรือการวาดขึ้นใหม่ (ไม่แน่ใจว่ามีใครแต่งแฟนฟิกขึ้นมาหรือยัง) แต่เราก็เห็นแฟนๆ เริ่มกังวลว่า ตอนจบของเรื่องจะเป็นโศกนาฏกรรมหากล้อจากเหตุการณ์จริงทางประวัติศาสตร์ นั่นอาจทำให้เราได้เห็นแฟนฟิกที่เลือกตอนจบให้แปลกออกไปก็ได้
นอกจากนั้นในด้านการตลาดและความเป็นสินค้าของตัวละคร ความนิยมจากการ์ตูนที่ยังเขียนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้อ่านเข้าถึงและ ‘อิน’ กับตัวละคร จนมีสินค้าหนึ่งเป็นที่นิยมในเวลาอันรวดเร็วนั่นคือ ‘น้ำหอมกุหลาบมอญ’ จากการ์ตูนตอนที่ 4 ‘กุหลาบมอญ’ จนมีกระแสทำให้ผู้อ่านต้องการสัมผัสกลิ่นดังกล่าว และถึงกับทำให้น้ำหอมกลิ่นกุหลาบมอญแทบจะขาดตลาดไปเลย
อันที่จริงแล้วนิยายอิงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสองแผ่นดินกับความรัก ไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมในสังคมบ้านเราเลย ผู้ชนะสิบทิศ ก็เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ชื่อดังผลงานของยาขอบ ที่เล่าเรื่องจะเด็ดหรือบุเรงนอง นักรบนักรักผู้มากความสามารถ ในเวลาอีกไม่นานก็มีเลือดสุพรรณ ละครเวทีอิงประวัติศาสตร์ ที่นำเสนอความรักระหว่างหญิงสาวชาวไทยกับนายทหารหนุ่มชาวพม่า ซึ่งก็จบอย่างโศกนาฏกรรม แต่ทั้ง 2 เรื่องดังกล่าวล้วนอยู่บนโลกทัศน์แบบ ‘ชาย-หญิง’ อโยธยาเอยาวดี จึงถือเป็นมรดกของพลังวรรณกรรมที่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ชาติไม่ได้เป็นไปแบบมึงฆ่ากู กูฆ่าแค้นมึงมากนัก
อย่างไรก็ตาม แม้อโยธยาเอยาวดี จะพาเราไปไกลจากเดิมพอสมควรบนเพดานความสัมพันธ์ทางเพศ จนถึงตอนที่ 16 อโยธยาเอยาวดี ก็ยังคงให้ภาพการ์ตูนที่วางอยู่บนพล็อตโลกคู่ขนานของประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้น
ดังนั้น จักรวาลความเป็นไปได้อื่นๆ จึงน่าจะเปิดกว้าง และท้าทายต่อความรู้และความเชื่อเกี่ยวกับประวัติศาสตร์แบบชาตินิยมได้มากกว่านี้ แบบที่เราอาจจะเห็นได้จากพล็อตซีรีส์ และหนังอิงประวัติศาสตร์จำนวนมากที่ชิงไหวชิงพริบทางการเมืองได้เข้มข้นกว่านี้ หรือการเล่าจากมุมมองตัวละครอื่นๆ ได้กว้างกว่านี้
อ้างอิงจาก
อาจินต์ ทองอยู่คง, แฟนบอล: ปฏิบัติการทางวัฒนธรรมของแฟนสโมสรฟุตบอลไทย