“แหม พลาดซะได้!”
เจ้า Jimbo ตัวตลกมาสคอตประจำคาสิโนแห่งนี้ทิ้งท้ายแกมหยอกล้อ หลังเห็นชุดไพ่ที่เราเพิ่งเล่นไปทำแต้มได้ 247,691 แต้ม แต่ก็ยังไม่พอจะเอาชนะรอบเมื่อกี้ คอยดูเถอะ ครั้งหน้าฉันจะเล่นไพ่คะแนนสูงจนแกฉีกยิ้มไม่ออก
จะว่าไปแล้วก็ย้อนนึกถึงครั้งแรกที่ได้เดินเข้ามาคาสิโนแห่งนี้ เริ่มจากได้ยินว่าที่นี่มีกฎการเล่นโป๊กเกอร์อันแปลกประหลาดหลุดโลก เราที่แทบจะไม่เคยแตะโป๊กเกอร์เลยมีอันต้องจำใจมา เพราะว่าเพื่อนเจ้ากรรมคะยั้นคะยอเหลือเกินให้มาลองเล่นดูสักครั้ง
ในวันนั้น Jimbo เดินมาต้อนรับอย่างใจเย็น อาจจะเพราะเห็นท่าทีงกๆ เงิ่นๆ ของเราหลังเพิ่งก้าวเท้าเข้าคาสิโน เขาพาเราเดินไปนั่งยังโต๊ะโป๊กเกอร์ พร้อมแนะนำวิธีการเล่นคร่าวๆ ที่น่าสงสัยคือไม่มีผู้เล่นคนอื่นเลย มีแค่แต้มที่คาสิโนตั้งไว้ และเราต้องเอาชนะตัวเลขนั้นให้ได้
300 คือแต้มในตาแรกที่ต้องทำให้ได้ มองดูไพ่ 8 ใบบนมือ ในจำนวนนั้นมีคู่ Ace และคู่ King อยู่ ถือว่าโชคเข้าข้าง ได้ไพ่ดีขึ้นมือตั้งแต่แรกๆ แต่ถ้าเล่นไปเลยตอนนี้จะนับเป็นหน้าไพ่ 2 คู่ ยังไม่พอหรอก ตามกฎแล้วยังพอทิ้งไพ่เพื่อจั่วใหม่ได้ ดังนั้นลองทิ้งไพ่สักสี่ใบดูละกัน อะฮ่า! หนึ่งในสี่ใบที่จั่วใหม่มี King โผล่มาอีกหนึ่งใบ เท่านี้ก็มีฟูลเฮาส์อยู่บนมือ (Ace 2 ใบ King 3 ใบ) ไม่รอช้า ลงไพ่ชุดที่ว่าทันที และคะแนนที่ได้ก็คือ 368 คะแนน ฉันชนะ!
ตาถัดมาแต้มตั้งไว้ที่ 450 ก่อนเล่น Jimbo เดินมาแนะนำให้ลองไปเดินดูร้านค้าในคาสิโนแห่งนี้ดู ไม่แน่ว่าอาจจะพอมีตัวช่วยให้เอาชนะได้ง่ายขึ้น ทว่าด้วยอารมณ์ที่กำลังติดใจกับชัยชนะ เราลงเล่นในรอบถัดไปทันที
ผลที่ได้คือ เราใช้สิทธิในการทิ้งไพ่ไปจนหมด ซ้ำร้ายหน้าไพ่พอจะเล่นได้ก็ทำแต้มเพียงกระจิดริด ความพ่ายแพ้เลยมาเยือน มิวายต้องไปเริ่มเล่นใหม่ตั้งแต่ต้น
การวนลูปอย่างไม่มีสิ้นสุดเพื่อเอาชนะเจ้ามือคงเป็นชะตากรรมที่เหล่านักพนันต้องพบเจอา เมื่อย่างก้าวเข้ามาคาสิโน Balatro แห่งนี้
ในบรรดาผู้เข้าชิงรางวัลเกมแห่งปี หรือ Game of the Year จากเวที Game Awards ปี 2024 นี้ คงไม่มีเกมไหนเตะตานักเล่นเกมเท่า ‘Balatro’ เพราะเมื่อเทียบกันจากหน้าเกมแล้ว เกมอินดี้เล็กๆ เกมนี้ดูจะห่างชั้นจากเกมฟอร์มยักษ์เกมอื่น ไม่ว่าจะ Black Myth: Wukong, Astro Bot, Metaphor: ReFantazio, Final Fantasy 7 Rebirth หรือภาคเสริมอย่าง Elden Ring: Shadow of the Erdtree
ดูจากภายนอกก็ชวนให้สงสัยว่าเกมนี้มีดีอะไร ทำไมคณะกรรมการจาก Game Awards ถึงเห็นตรงกันและส่งเกมนี้มาเป็นผู้เข้าชิงรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดรางวัลหนึ่งของวงการเกม อีกทั้งก่อนหน้านี้ตัวเกมยังไปคว้ารางวัล Golden Joystick ในสาขาเกมอินดี้ยอดเยี่ยม (Best Indie Game) และผลงานเกมโดดเด่น (Breakthrough) มาแล้วด้วย
แน่นอนว่าถ้า Balatro เป็นแค่เกมเล่นไพ่โป๊กเกอร์ธรรมดาๆ คงจะมาได้ไม่ไกลถึงขนาดนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัวเกมมีความพิเศษขึ้นมาคือการที่ทีมผู้พัฒนาเกม LocalThunk เอากลไกการเล่นแบบเกมประเภท roguelike มารวมเข้ากับระบบการเล่นหลัก จนได้ออกมาเป็นเกมโป๊กเกอร์แบบ deck-building ไอเดียสุดบรรเจิดนี้กลายเป็นส่วนสำคัญที่เปลี่ยนโป๊กเกอร์ที่เราคุ้นเคยกันดีให้ออกมาพิสดารเหนือความคาดหมาย เล่นได้หลากหลายรูปแบบ และเล่นได้ลื่นไหลจนลืมเวลา
เกมจะเริ่มต้นด้วยการให้สำรับไพ่แดง (Red Deck) มาหนึ่งสำรับ เป็นสำรับไพ่ทั่วไปที่มีไพ่ต่ำไพ่สูงครบตามจำนวน 52 ใบ ในเกมนี้ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องแข่งกับใคร เป้าหมายมีเพียงแค่ต้องทำแต้มให้ถึงที่ตัวเกมกำหนดไว้ให้ได้ จำนวนแต้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามระดับความยากที่เรียกว่า Ante รวมถึงในแต่ละ Ante จะถูกแบ่งเป็นการเล่น 3 ตา คือ Small Blind, Big Blind และ Boss Blind เราจะสามารถเลื่อนสู่ความยากระดับถัดไปได้หากจะชนะได้ครบ
กฎการเล่นเบื้องต้นนั้นค่อนข้างเข้าใจง่าย เพราะพื้นฐานก็คือเกมโป๊กเกอร์ดีๆ นี่เอง การเล่นไพ่เดี่ยวให้คะแนนต่ำสุด เรียงลำดับไปจนถึงชุดไพ่รอยัลสเตรทฟลัชที่ให้คะแนนสูงสุด การคำนวณคะแนนจะมาจากการนำตัวเลข Chips และ Mult มาคูณกัน โดยไพ่แต่ละใบจะมีคะแนน Chips ตามตัวเลขบนหน้าไพ่ ส่วนไพ่ Jack, Queen และ King จะมีคะแนน 10 Chips และไพ่ Ace มีคะแนน 11 Chips สำหรับตัวเลข Mult จะเป็นตัวคูณที่มาจากส่วนอื่น ฟังแล้วอาจดูสับสน แต่ Balatro จัดการกับการความน่ามึนหัวตรงนี้ด้วยการคำนวณตัวเลขให้เสร็จสรรพ และถ้าใครยังไม่เคยสัมผัสโป๊กเกอร์มาก่อน เกมก็มีหน้าต่างข้อมูลวิธีการเล่นชุดไพ่แต่และแบบให้คลิกดูได้ตลอดการเล่น
ความน่ามหัศจรรย์ของ Balatro เริ่มต้นหลังจากที่เราสามารถเข้าถึงร้านค้า (Shop) ได้แล้ว เมื่อเอาชนะในแต่ละตาได้สำเร็จ เราจะได้เงินมาจำนวนหนึ่งเพื่อใช้จ่ายไปกับการอัพเกรดแต้มการเล่นหน้าไพ่หรือดัดแปลงสำรับไพ่ให้เป็นไปตามต้องการ จุดเด่นหลักที่ผู้เขียนคิดว่าเจ๋งที่สุดคือการที่ตัวเกมมีระบบไพ่ Joker ซึ่งสามารถซื้อได้จากร้านค้า
ไพ่ Joker เหล่านี้จะไม่ไปรวมอยู่ในสำรับและมีพื้นที่แยกเป็นของตัวเองชัดเจน และจะอยู่กับผู้เล่นไปจนกว่าจะขายทิ้งหรือโดนทำลาย ไพ่ Joker แต่ละใบจะมีความสามารถแตกต่างกันไป เช่น Mad Joker จะให้แต้มคูณ Mult +10 หากหน้าไพ่ที่เล่นมี 2 คู่, Four Fingers จะทำให้สามารถเล่นฟลัชหรือสเตรทได้โดยใช้ไพ่แค่สี่ใบแทนที่จะเป็นห้าใบ หรือ Sock and Buskin ที่จะนับคะแนนไพ่ face card (Jack, Queen, และ King) ซ้ำอีกครั้ง
Joker บางใบอาจถึงขั้นเปลี่ยนวิธีการเล่นตลอดทั้งเกมหรือเปลี่ยนกฎการเล่นโป๊กเกอร์ไปเลยก็มี เช่น Baron ที่คะแนน Mult จะคูณ 1.5 หน่วย ตามจำนวนไพ่ King ที่ถืออยู่บนมือ ทำให้การเล่นไพ่เดี่ยว โดยถือไพ่ King ไว้ในมือให้ได้มากที่สุด ก็อาจจะทำให้แต้มที่ออกมามีคะแนนสูงกว่าการเล่นหน้าไพ่รอยัลสเตรทฟลัช (ซึ่งถือว่าเป็นหน้าไพ่ที่แข็งแกร่งที่สุดในกฎการเล่นโปกเกอร์ปกติ) เสียด้วยซ้ำ
ในร้านค้ายังเสนอขาย Tarot Card หรือไพ่ทาโรต์ ที่แต่ละใบมีหน้าตาอ้างอิงจากสำรับใหญ่ (Major Arcana) ของไพ่ทาโรต์จริงๆ แม้ Tarot Card จะเป็นไพ่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง ทว่าความสามารถก็ถือว่าไม่น้อยหน้าไพ่ Joker เพราะจุดเด่นหลักคือไพ่เหล่านี้คือการดัดแปลงสำรับไพ่ได้ตามต้องการ อย่าง ไพ่ The Star (XVII) ที่เปลี่ยนไพ่สามใบให้เป็นสัญลักษณ์ข้าวหลามตัด, ไพ่ Strength (XI) เลือกไพ่สองใบเพื่อเพิ่มอันดับไพ่—จาก Queen เป็น King, หรือไพ่ The Hanged Man (XII) ที่สามารถตัดไพ่สองใบออกจากสำรับได้เลยทัน
นั่นเท่ากับว่าเราสามารถสร้างสำรับไพ่ในฝันได้ดั่งใจนึก ไม่ว่าจะสำรับที่ไพ่ทั้งหมด 52 ใบ มีแต่ไพ่ King หรือสำรับที่มีไพ่ไม่ถึง 20 ใบ เพื่อเพิ่มโอกาสจั่วได้ไพ่ที่ต้องการ ไม่พอแค่นั้น ในร้านค้ามีอีกไอเทมอัพเกรดที่น่าสนใจคือ Vouchers ที่หากซื้อแล้วจะได้รับประโยชน์ถาวร ทั้งการเพิ่มจำนวนครั้งในการเล่นไพ่ หรือลดระดับความยากของด่านเลยก็มี
ด้านตัวช่วยทำแต้มก็มีไพ่ดาวเคราะห์ หรือ Planet Card ให้เลือกซื้อ ซึ่งไพ่ดาวเคราะห์นี้จะไปเพิ่มเลเวลให้กับ Chips และ Mult ของการเล่นไพ่แต่ละประเภท ไพ่ Jupiter เพิ่มเลเวลให้การเล่นไพ่ฟลัช Mars เพิ่มเลเวลให้การเล่นโฟร์การ์ด การเล่นแต่ละครั้งจึงไม่ได้จำเป็นต้องจำกัดอยู่ที่หน้าไพ่ประเภทเดียว
และด้วยการผสมผสานกับแนวเกมแบบ roguelike เข้าไป การแพ้ให้เจ้ามือคาสิโนในครั้งที่ผ่านมาจึงไม่ใช่อะไรที่สูญเปล่า แต่เป็นการเดิมพันเพื่อปลดล็อก Joker ใบใหม่ ปลดล็อกสำรับไพ่ใหม่ๆ ที่เอื้อให้ผู้เล่นมีทางเลือกเพื่อเอาชนะในการเล่นครั้งถัดไปได้มากขึ้น
ความน่าทึ่งของ Balatro จึงอยู่ที่ความเป็นไปได้ไม่รู้จบ ความสนุกขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ บวกกับการคิดคำนวณในหัวนิดหน่อยของผู้เล่น ว่าจะเลือกสำรับไพ่ไหน ดัดแปลงสำรับไพ่อย่างไร จะนำไพ่ Joker ใดมาทำคอมโบ
ตัวเกมมีสำรับไพ่อยู่ 15 สำรับ มี Joker ทั้งหมด 150 ใบ รวมถึงกลไกการเล่น เช่น Tarot Card Planet Card และกลไกอื่นที่ผู้เขียนยังไม่ได้พูดถึง แต่เท่านี้ก็มากพอที่จะนึกออกถึงความเป็นไปได้ในรูปแบบการเล่นอันที่ไม่มีขีดจำกัด
การเล่น Balatro แต่ละครั้งจึงไม่เหมือนกันเลยสักครั้ง
ในครั้งหนึ่งที่เล่นเกมนี้ ผู้เขียนเลือกใช้ Checkered Deck สำรับไพ่ที่ครึ่งหนึ่งเป็นไพ่โพธิ์ดำ และอีกครึ่งหนึ่งเป็นไพ่โพธิ์แดง ช่วงแรกของเกมเป็นไปตามที่วางแผนไว้ สำรับที่มีแค่สองสัญลักษณ์ทำให้ง่ายต่อการเล่นฟลัช (สัญลักษณ์/สีเดียวกัน) ผ่านไปสักพัก Joker ชื่อ Lucky Cat ดันโพล่ขึ้นมาในร้านค้า เห็นแล้วก็ไม่รอช้า ซื้อเลยทันที ความเก่งของเจ้า Joker ใบนี้คือ มันจะเพิ่มตัวเลขการคูณแต้ม Mult ไปเรื่อยๆ ตามจำนวนการแสดงผลของไพ่ Lucky Card ที่เราเล่น ซึ่ง Lucky Card ที่ว่าก็ได้มาจากการใช้ไพ่ทาโรต์ The Magician (I) เปลี่ยนการ์ดในสำรับให้เป็น Lucky Card (การเล่น Lucky Card มีโอกาส 1 ใน 5 ที่จะได้ Mult +20 และโอกาส 1 ใน 15 ที่จะได้เงิน $20 หากติดโอกาสอย่างใดอย่างหนึ่งก็นับว่าแสดงผล)
แผนการหลังจากนั้นจึงเป็นการดัดแปลงสำรับเพื่อเล่น Lucky Card ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้แต้มคะแนนทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากเลือกไพ่ King เป็น Lucky Card แล้วเพิ่มจำนวนไพ่ใบเดียวกันนั้นด้วยไพ่ทาโรต์ Death (XIII) ซึ่งมีความสามารถคล้ายการก๊อปปี้การ์ด ระหว่างนั้นก็โชคดีขึ้นไปอีก เพราะได้ Oops! All 6s ไพ่ Joker ที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้ Lucky Card แสดงผลมากขึ้นมาครอบครอง ต่อมาก็ดัดแปลงสำรับและรวบรวม Joker มาทำคอมโบไปเรื่อยๆ จนในท้ายที่สุด จากในตอนแรกที่ทำแต้มสูงสุดได้เพียงหลักร้อย แต้มที่ทำได้สูงสุดในตอนจบก็สูงถึง 28,600,000,000,000,000 หรือที่เกมแสดงผลออกมาเป็นค่า 2.860e16 (ตัวเลขหลัง e แทนเลขยกกำลังของ 10 ที่ต้องคูณเข้ากับตัวเลขข้างหน้า e ในกรณีนี้คือ 2.86 x 1016)
ความฟินของการได้เห็นตัวเลขอันมหาศาลนี่แหละ คือรางวัลที่เกม Balatro จะมอบให้กับผู้เล่น
แต่ถึงจะได้แต้มคะแนนมากสักแค่ไหน ผู้เล่นก็ดูจะไม่ชนะเกมนี้จริงๆ อยู่ดี แน่ล่ะว่าเมื่อเอาชนะเกมที่ความยากหรือ Ante ระดับ 8 ได้ ตัวเกมจะขึ้นหน้าสถิติและข้อความ “YOU WIN!” พร้อมมีเจ้า Jimbo เสนอหน้ามาแสดงความยินดี ทว่าหากเลื่อนสายตาลงมาเล็กน้อยจะปุ่มที่ขึ้นว่า “Endless Mode” ให้คลิก นั่นคือตัวเกมจะอนุญาตให้เราใช้สำรับที่เอาชนะมาได้นั้น เพื่อเล่นต่อในระดับที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะไม่สามารถทำแต้มได้ไหว
ตรงนี้เองที่ Balatro แสดงถึงธรรมชาติของการพนันในโลกความเป็นจริงได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งจากระบบการเล่นแบบวนลูปซ้ำๆ เสียงซาวน์แทร็กหลอนหูให้บรรยากาศคล้ายกำลังโดนสะกดจิตตลอดเวลา เสียงกรุ๊งกริ๊งของการคำนวณตัวเลขที่ชวนให้สารเอ็นดอร์ฟินหลั่ง อาร์ตสไตล์ของเกมแบบ pixel art 2D ที่ให้ความรู้สึกเดียวกับเรากำลังนั่งอยู่หน้าตู้สล็อตแมชชีนในคาสิโนแห่งหนึ่ง และที่ร้ายที่สุด คือการถูกหลอกว่าเราสามารถเอาชนะบ่อน เอาชนะระบบได้ ทั้งที่ความเป็นจริงไม่มีทางที่เราจะเอาชนะเจ้ามือได้เลย
“ก็อย่างที่เขาว่ากัน เจ้ามือชนะเสมอ!” หนึ่งในคำเยาะเย้ยของเจ้า Jimbo หลังผู้เล่นแพ้ให้กับเกม
ยอมรับว่ากระทั่งผู้เขียนเองก็หลงติดอยู่ในวังวนของเกมนี้อยู่พักใหญ่ เริ่มเล่นเกมคืนวันศุกร์ เงยหน้ามาอีกทีเช้าวันเสาร์ สนุกลืมวันลืมคืน นับตัวเลขเวลาเล่นรวมกันก็ปาไปเกิน 200 ชั่วโมง! และกลับมาใจชื้นได้มานิดหน่อยเมื่อไปเห็นผู้เล่น Balatro ท่านอื่นในโลกอินเทอร์เน็ต ที่ก็มีสภาพไม่ต่างจากตัวเราสักเท่าไหร่ สถานการณ์แบบนี้เองเป็นเหตุให้ผู้เล่นหลายคนแซวว่าเกมนี้เป็นเหมือนไทม์แมชชีน เพราะสนุกจนลืมตัว ไทม์วาร์ปข้ามวันเวลากันไปเลย
ข้อดีคือ Balatro ไม่มีทางเป็นการพนันจริงๆ ได้เลย แม้เกมโดยตัวมันเองจะอิงจากเกมการพนันก็ตาม โดยเฉพาะการที่เราไม่จำเป็นต้องเสียเงินเป็นหมื่นเป็นล้านเพื่อให้ได้ลิ้มรสความสนุกและความเสพติด Balatro คือเกมหลักร้อยในราคาที่จ่ายแล้วจบในครั้งแรก และเป็นครั้งเดียวที่ผู้เล่นจะเสียเงิน หลังจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะหลุดจากความบันเทิงของเกมนี้ได้ตอนไหน
น่าเหลือเชื่อกว่านั้นคือ LocalThunk ผู้พัฒนาเกมที่ใช้เวลานอกงานหลักมาพัฒนาเกมนี้แทบจะไม่ได้สัมผัสกับเกมโป๊กเกอร์มืออาชีพจริงๆ เลย พวกเขายังออกตัวต่อต้านการพนันอย่างชัดเจน ถึงขั้นที่หนึ่งในทีมพัฒนาออกมาประกาศผ่าน X ว่า “ฉันเกลียนความคิดที่ว่า Balatro จะกลายเป็นการพนันเอามากๆ มากถึงขนาดที่พินัยกรรมล่าสุดของฉันกำหนดให้ห้ามขาย IP เกม Balatro หรือจดใบอนุญาติใดๆ แก่บริษัทเกมการพนันหรือคาสิโนเด็ดขาด”
ฟังแล้วดูเหมือนว่าผู้พัฒนาจะเข้าใจภัยร้ายของการพนัน และศักยภาพเกมของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
โดยรวมแล้ว Balatro คือเกมที่สนุกและออกแบบมาได้เป็นอย่างดี เกมนำเสนอความแปลกใหม่ออกมาได้แม้กระทั่งกับการละเล่นที่สามัญที่สุดอย่างโป๊กเกอร์ โดยเฉพาะการนำแนวทางแบบ roguelike มาเป็นหัวใจที่ทำให้เกมเล่นได้ไม่มีเบื่อ ที่ขาดไปคงจะมีเพียงเนื้อเรื่องของเกม ทิ้งไว้ให้ผู้เล่นได้จินตนาการเอาเอง
ดังเช่นที่ผู้เขียนจินตนาการเอาไว้ในตอนต้น ถึงอย่างนั้น แค่ระบบการเล่นเพียงอย่างเดียวก็นับได้ว่ามากพอที่จะส่งให้ Balatro ได้ไปยืนเคียงข้างผู้ชิงตำแหน่ง Game of the Year เกมอื่นๆ ได้อย่างสมศักดิ์ศรี
อ้างอิงจาก