หนึ่งในเรื่องราวที่ร้อนแรงที่สุดช่วงนี้คงจะหนีไม่พ้น “ก้าวคนละก้าว” ของพี่ตูนและทีมงาน ที่ออกวิ่งด้วยเป้าหมาย 2,191 กิโลเมตร 700 ล้าน ออกวิ่งกันมาสิบกว่าวันและรับบริจาคเงินเพื่อช่วยสนับสนุนอุปกรณ์ให้โรงพยาบาล ตอนนี้ได้ไปกว่า 200 ล้านบาทแล้ว
วันนี้ผมจะลองพามาดูฝั่งทางประเทศอังกฤษกันบ้าง ว่าเคยมีกิจกรรมคล้ายๆ กันที่ใช้การวิ่งเป็นเครื่องมือเพื่อรณรงค์สร้างความตื่นตัวให้กับสังคมและระดมเงินบริจาคเพื่อแก้ปัญหาอย่างเช่นที่พี่ตูนทำอยู่บ้างหรือไม่
เบน สมิธ (Ben Smith) เป็นเด็กที่มีปัญหาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ส่งเขาไปอยู่ในโรงเรียนประจำ และสังคมในโรงเรียนนั่นเองที่ทำร้ายชีวิตเขาอย่างมาก เขาถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อน ด้วยฐานะทางครอบครัวของเบนที่ยากจนกว่าคนอื่น รวมถึงเสื้อผ้าหน้าผมและเครื่องใช้ส่วนตัวที่ไม่ดีเท่าเพื่อนคนอื่นในชั้นเรียนทำให้เขาถูกเพื่อนๆ เยาะเย้ย การกลั่นแกล้งและคำสบประมาทเหล่านี้ทำให้ให้เบนเสียใจมากและรู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ค่า นอกจากนี้การค้นพบว่าตัวเองเป็นเกย์ในตอนอายุ 12 ปียิ่งทำให้เบนรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น เขาเริ่มแยกตัวออกห่างจากคนอื่น และด้วยความว้าเหว่จากการอยู่ห่างจากครอบครัวโนโรงเรียนประจำ เบนเคยพยายามที่จะฆ่าตัวตายครั้งหนึ่งตอนอายุ 18 ปี
ด้วยความช่วยเหลือจากครอบครัว เบนกลับมาตั้งหลักชีวิตได้อีกครั้ง จนในที่สุดก็ได้ใช้ชีวิตอย่างที่เขาอยากจะเป็น เขามีงานที่ดี มีรถขับ มีบ้าน แต่การทำงานหนักเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัวนี้ กลับทำให้เขาเป็นโรคเส้นเลือดสมองตีบชั่วคราว (Transient Ischemic Attack: TIA) จนเขาต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลตอนอายุ 29 ปี เพื่อนคนหนึ่งแนะนำให้เขาออกวิ่งเพื่อรักษาสุขภาพให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้งหนึ่ง และจากวันนั้นการวิ่งก็ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของชีวิตเบน การวิ่งทำให้เขามีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น และเขาได้เข้าร่วมการวิ่งมาราธอนถึง 18 ครั้ง ในปี 2557
จากปมในวัยเด็กที่ถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียนประจำประกอบกับความรักในการวิ่ง ทำให้เบนตัดสินใจที่จะใช้การวิ่งมาราธอนไปรอบประเทศเป็นสื่อช่วยรณรงค์ให้คนในประเทศอังกฤษตระหนักถึงปัญหาการกลั่นแกล้งในโรงเรียน อีกทั้งยังมีเป้าหมายที่จะระดมเงินทุนจำนวน 250,000 ปอนด์ เพื่อบริจาคให้กับสองหน่วยงานการกุศล Stonewall และ Kidscape เพื่อช่วยให้เด็กคนอื่นๆ ไม่ต้องพบเจอกับปัญหาเดียวกับเขาในวัยเด็ก
วันที่ 1 เดือนกันยายน ปี 2558 เป็นวันที่เบน (ขณะนั้นอายุ 34 ปี) เริ่มทำตามเป้าหมาย เขาวางแผนที่จะวิ่งมาราธอนทุกวัน เป็นจำนวน 401 วันทั่ว 309 จุดรอบเกาะประเทศอังกฤษ เขาถึงกับขายบ้านที่เขามีเพื่อนำมาซื้อรถบ้านและใช้เป็นเงินทุนเพื่อสนับสนุนการวิ่งของเขาตลอด 401 วันเลยทีเดียว เบนบอกว่าเขาเลือกจำนวนวันที่ 401 วัน เพราะเริ่มจากไอเดียว่าจะวิ่งมาราธอนทุกวันไม่มีหยุดเป็นเวลาหนึ่งปี ซึ่งก็คือ 365 วัน แต่เขาอยากปัดเลขให้เป็นจำนวนเต็มและเพิ่มวันสุดท้ายเป็นการเข้าเส้นชัยแบบสวยๆ จึงทำให้เลขสุดท้ายออกมาเป็น 401 วัน
หลังจากทำระยะทางไปทั้งหมด 10,506 ไมล์ (หรือเท่ากับ 16,907.8 กิโลเมตร คุณพระ ไกลกว่าพี่ตูนอีกนะเนี่ย!) เปลี่ยนรองเท้าไปทั้งหมด 22 คู่ กินอาหารพลังงานสูงถึง 6,700 แคลอรี่ทุกวัน น้ำหนักตัวลดลงไป 19 กิโลกรัม และบวกกับการต้องหยุดพักรักษาตัวไป 10 วันระหว่างทางด้วยโรคไส้เลื่อน ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น วันที่ 401 ก็มาถึง เบนก้าวข้ามเส้นชัยที่บ้านเกิดของเขาเองในเมืองบริสทอล และระดมเงินบริจาคเกินเป้าไปได้ถึง 330,000 ปอนด์ ในวันสุดท้ายมีคนร่วมวิ่งไปกับเขาถึง 350 คน
เบนให้สัมภาษณ์ว่าเจ็ดวันแรกของการวิ่งเป็นช่วงที่ลำบากนรกมากๆ เพราะเป็นช่วงที่อากาศร้อน หัวเข่าของเขาบวมจนใหญ่ขึ้นเกือบเท่าตัว และร่างกายก็มีอาการขาดน้ำ แต่เบนไม่ยอมแพ้และกัดฟันสู้วิ่งต่อ เขาใช้ช่วงที่แย่ที่สุดของการวิ่งในอาทิตย์แรกนี้เป็นกำลังใจในวันต่อๆ ไปว่าเขาได้เคยผ่านจุดที่แย่ที่สุดมาแล้วและก็ยังไปต่อได้ เบนยังบอกอีกว่า “ในวันที่แย่มันก็แย่มากจริงๆ แต่ในช่วงวันที่ผมวิ่งได้ดีมันก็ดีสุดยอดเลย ผมว่าแบบนี้นี่แหละดีที่สุดแล้ว”
ปัจจุบันเบนเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิ 401 Challenge และออกเดินทางไปยังโรงเรียนและมหาวิทยาลัยเพื่อแชร์ประสบการณ์ของเขาทั้งชีวิตและการวิ่ง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่และรณรงค์ต่อต้านการกลั่นแกล้งในโรงเรียน
อ้างอิงข้อมูลจาก
www.the401challenge.co.uk/about-ben
www.bbc.co.uk/news/uk-england-bristol-37553060