“ฉันจะเป็นเจ้าแห่งโจรสลัด”
[บทความนี้ เปิดเผยเนื้อหาสำคัญมากๆ ในเรื่อง One Piece]
ประโยคประจำตัวของ มังกี้ ดี ลูฟี่ ตัวละครหลักจาก One Piece มังงะยอดฮิตที่ขึ้นชื่อว่าขายดีที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีมา ด้วยพล็อตเรื่องสนุกสนาน เฮฮา เล่าเรื่องราวการผจญภัยของแก็งโจรสลัดหมวกฟาง และต้องการเดินทางไปยังเกาะสุดท้าย ที่ว่ากันว่ามีมหาสมบัติลับ One Piece ซ่อนอยู่
แต่ในโลกของ One Piece ไม่ได้มีแต่โจรสลัดอย่างเดียวเท่านั้นนะ เพราะแทบทุกเรื่องราว ทุกเหตุการณ์ที่ลูฟี่และสมาชิกแก๊งหมวกฟางต้องพบเจอ ต่างสะท้อนให้เห็นถึงประเด็นทางสังคมที่สำคัญ และคล้ายคลึงกับโลกแห่งความจริง
The MATTER จึงหยิบเอาข้อมูลจากมังงะ One Piece ตั้งแต่เล่ม 1-94 (ตีพิมพ์แล้วในไทย) มาไล่เรียงตั้งแต่เหตุการณ์ต่างๆ ไปจนถึงเหล่าตัวละครสำคัญ ที่สะท้อนให้เห็นถึงประเด็นทางการเมืองที่น่าสนใจของโลกแห่งการผจญภัย
ถ้าพร้อมแล้วก็ออกเรือได้!
รัฐบาลโลก ผู้ผดุงศีลธรรมอันดี
[สปอยล์เนื้อหาสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มติดตาม]
ในการปกครองคนจำนวนมาก จำเป็นต้องมีสิ่งที่จะช่วยให้สังคมอยู่อย่างสงบสุข และเจ้าสิ่งที่มักถูกใช้เพื่ออ้างว่าเป็นรากฐานของการอยู่ร่วมกันนั้น ก็คือคุณธรรม ศีลธรรมอันดีนั่นเอง
ในโลกของ One Piece ผู้ที่กุมนิยามของคุณธรรมเอาไว้ก็คือ รัฐบาลโลก ซึ่งเป็นสถาบันการเมืองที่ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ โดยมีห้าผู้เฒ่าเป็นผู้บริหารองค์กร มีกองทัพเรือเป็นกำลังหลักในการปกครอง และมีไซเฟอร์โพล คอยดูแลงานเบื้องหลังอีกที
รัฐบาลโลกมักประกาศตัวว่า ยึดมั่นในคุณธรรมและความยุติธรรม ดำรงอยู่เพื่อช่วยปกป้องโลกใบนี้ให้ปลอดภัยจากอาชญากรทั้งหลาย แต่ถึงอย่างนั้น การดำเนินงานต่างๆ กลับถูกปิดเป็นความลับจากสาธารณะชน แถมบางครั้ง ก็ใช้อำนาจที่มีลบล้างการมีอยู่ของบางสิ่ง ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่ก็ตาม ภายใต้การกระทำที่มักอ้างเสมอว่า ทำไปเพื่อผดุงคุณธรรม
บัสเตอร์คอล คำสั่งสุดพิเศษจากกองทัพ
[สปอยล์เนื้อหาสำคัญ]
เจ้าหอยทากสีทองที่ทำเอา นิโค โรบินขวัญผวา เพราะอิทธิฤทธิ์ของมันไม่ได้น่ารักตามหน้าตาเอาเสียเลย บัสเตอร์คอล คือชื่อเรียกของแมลงโทรสารโกลเด้น (คล้ายๆ กับโทรศัพท์ในโลกของเรา) ชนิดพิเศษ เพราะเพียงแค่กดปุ่มลงไป แมลงโทรสารซิลเวอร์ที่อยู่กับกองทัพเรือ จะส่งเสียงรวมพลกองทัพ แล้วเกาะหรือสถานที่ที่เรายืนอยู่ก็จะกลายเป็นเป้าโจมตีของกองทัพเรือไปในทันที
บัสเตอร์คอล จึงเป็นปฏิบัติการทางทหารที่ทรงพลานุภาพที่สุด และจะเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์พิเศษ ตัวอย่างที่ผ่านมาในโลก One Piece บัสเตอร์คอลถูกใช้เพื่อกำจัดคนที่ฝ่าฝืนคำสั่งรัฐบาลโลก (แต่ไม่ได้โดนคนเดียวนะ ตายยกประเทศ) ซึ่งรัฐบาลโลกมองว่า เป็นการกำจัดอาชญากร และลบล้างคนที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะเป็นภัยคุกคามต่อรัฐบาลนั่นเอง
จากข้อมูลถึงเล่ม 94 ด้วยพลานุภาพที่รุนแรง ทำให้ผู้ที่มีอำนาจในการใช้บัสเตอร์คอลมีเพียงน้อยนิด จอมพลเรือ สามพลเรือเอก และห้าผู้เฒ่าเท่านั้น
ร้อยปีแห่งความว่างเปล่า ประวัติศาสตร์ที่ห้ามตามหา
[สปอยล์เนื้อหาสำคัญ]
“อดีตเป็นของมนุษย์ทุกคน ไม่มีใครมีสิทธิมาห้ามไม่ให้คนเรา ล่วงรู้ประวัติศาสตร์ในอดีตได้”
หนึ่งในไฮไลท์หลักของโลก One Piece เมื่อประวัติศาสตร์ที่โดยทั่วไปแล้ว ควรเรียงร้อยต่อกันอย่างดี กลับกลายเป็นหลุมดำไปถึง 100 ปี แถมใครก็ตามที่อยากศึกษาประวัติศาสตร์ที่หายไปนี้ จะถูกหมายหัวว่าเป็นอาชญากร ซึ่งการตามหาช่องว่างของประวัติศาสตร์ที่หายไป ก็ทำให้นักโบราณคดีหลายคน ต้องถูกกำจัดทิ้งไปแล้ว
การศึกษาประวัติศาสตร์ที่หายไป ทำได้โดยการอ่านข้อความที่จารึกไว้อยู่บนหินโพเนกลีฟ ซึ่งเป็นศิลาจารึกขนาดใหญ่ ที่ทำลายทิ้งไม่ได้ และถูกซ่อนไว้ตามที่ต่างๆ ทั่วโลก และข้อความที่จารึกไว้บนโพเนกลีฟนั้น ไม่ใช่ว่าใครที่พบเจอก็อ่านได้ เพราะอักษรที่จารึกข้อความเหล่านั้น เป็นภาษาโบราณที่ตายไปแล้วจึงยากที่จะถอดรหัสออกมาได้ ใน One Piece มีเพียงกลุ่มนักโบราณคดีที่เกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น ที่สามารถอ่านข้อความนี้ออก (ภายหลังมีแต่โรบินคนเดียวที่อ่านได้)
แต่ยังไม่ทันที่นักโบราณคดีทั้งหลายจะได้บอกเล่าประวัติศาสตร์ที่ถูกทำให้หายไปนี้ รัฐบาลโลกก็ลงมือกำจัดเสียก่อน โดยก่อนที่นักโบราณคดีจะตาย เขาได้ฝากข้อสันนิษฐานเอาไว้ว่า บรรพบุรุษรุ่นก่อน จำเป็นต้องจารึกเรื่องราวลงบนหินที่ทำลายไม่ได้ เพราะหากเขียนไว้บนกระดาษ ก็อาจถูกทำลายทิ้งได้ง่ายๆ ซึ่งแปลว่าบรรพบุรุษเหล่านี้ต้องมีศัตรูอยู่แน่นอน และศัตรูที่ว่าก็น่าจะมีชีวิตอยู่ในประวัติศาสตร์ต่อจากนั้น และหากนับช่วงเวลาย้อนกลับไปก็จะพบว่า สิ่งที่ถือกำเนิดต่อจาก 100 ปีแห่งความว่างเปล่า ก็คือ รัฐบาลโลก ผู้สั่งห้ามศึกษาอดีตนั่นเอง
แน่นอนว่า ยังไม่ทันที่เหล่านักวิชาการจะได้พิสูจน์ข้อสันนิษฐานเหล่านี้ รัฐบาลโลกก็สั่งเก็บชีวิตของพวกเขาไปเสียก่อน ยิ่งกว่านั้นประชาชนที่อาศัยอยู่บนเกาะทุกคน แม้จะไม่ใช่นักโบราณคดี และไม่รู้เรื่องประวัติศาสตร์ใดๆ เลยก็ตาม ก็ถูกกำจัดทิ้งทั้งหมด เพราะรัฐบาลไม่ต้องการให้มีผู้รอดชีวิตกลับไปเล่าเรื่องราวใดๆ ต่อไป
คณะปฏิวัติ ปลดแอกผู้คนจากการปกครองเบ็ดเสร็จ
[สปอยล์เนื้อหาสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มติดตาม]
อ้างอิงจากคำพูดของ นิโค โรบิน คณะปฏิวัติ คือขุมพลังที่คิดจะโค่นล้มรัฐบาลโลก และความคิดนั้น ได้แผ่ขยายไปตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทำให้เกิดความวุ่นวายในประเทศที่มีราชาปกครอง หลายประเทศเป็นอันต้องล่มสลายไป ทำให้รัฐบาลโลกพยายามควานหาตัวของดราก้อน ชายที่เป็นหัวหน้าของคณะปฏิวัติ และเป็นพ่อของลูฟี่ โดยมอบฉายาว่า ‘อาชญากรที่ชั่วร้ายที่สุดในโลก’ ให้กับเขา
เป้าหมายของคณะปฏิวัติ คือการต่อสู้กับระบอบการปกครองของรัฐบาลโลกที่รวบอำนาจไว้เพียงผู้เดียว และกำจัดอำนาจอันมิชอบของเผ่ามังกรฟ้าที่มักกดขี่ข่มเหงผู้คนทั่วไปอยู่เสมอ
ทหารเรือ เครื่องมือปกครองคน
[สปอยล์เนื้อหาสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มติดตาม]
“โจรสลัดเป็นคนเลว? ทหารเรือเป็นคนดี? ความหมายของความดีความเลว ‘มันเปลี่ยนไปตามยุคสมัย’ … คนที่มีอำนาจสูงสุดนั่นแหละ
ในการปกครองคน บางครั้ง soft power อย่าง การประนีประนอมหรือการเกลี้ยกล่อม ก็ไม่เพียงพอ ในโลกของ One Piece ขุมพลังที่เป็นดั่ง hard power ในการปกครองคน ก็คือกองทัพเรือเนี่ยแหละ
สัดส่วนของโลก One Piece เต็มไปด้วยน้ำทะเลปกคลุมเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ทหารเรือเป็นกลุ่มที่มีอำนาจสำคัญอย่างมากในเรื่องนี้ ตามลำดับขั้นของเรื่องแล้วกองทัพเรือเป็นเหมือนเครื่องมือให้กับรัฐบาลโลก หากรัฐบาลโลกมีคำสั่งอะไรมา ทหารเรือก็ต้องปฏิบัติตาม แต่ตัวละครที่มาจากกองทัพเรือมีความหลากหลายสูงมาก บางคนก็ยินยอมทำตามที่รัฐบาลโลกสั่งแต่โดยดี บางคนก็เชื่อมั่นในความยุติธรรมเดียวกับที่รัฐบาลโลกประกาศไว้ หรือบางคนก็เลือกที่จะทำตามความถูกต้องของตัวเอง มากกว่าฟังคำสั่งจากรัฐบาล
เผ่าเงือก เผ่าพันธุ์แห่งการถูกเหยียด
[สปอยล์เนื้อหาสำคัญ]
คนที่ไม่ได้ติดตาม One Piece มักงุนงงกับตัวละครรูปร่างหน้าตาประหลาดๆ ที่ดูไม่เหมือนคนเลย ซึ่งก็ต้องบอกว่า One Piece เป็นการ์ตูนที่มีชนเผ่าหลากหลายมากๆ หนึ่งในชนเผ่าที่โดดเด่นของเรื่องก็คือ เผ่าเงือก ซึ่งมีเชื้อสายของมนุษย์และสัตว์น้ำผสมกันอยู่ ทำให้สามารถอาศัยอยู่ได้ทั้งบนบก และในน้ำ แถมยังพลังกำลังเกินมนุษย์ธรรมดาทั่วไปอีกด้วย แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ผิดแผกเกินมนุษย์ไปมากเนี่ยแหละ ทำให้ชาวเงือกถูกรังเกียจ ต่อให้มนุษย์เงือกจะมีพละกำลังมากมายขนาดไหน ก็ยังสู้มนุษย์ที่มีจำนวนมากกว่าไม่ได้
หลังจากที่พวกลูฟี่กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง อาณาจักรริวกู ดินแดนของชาวเงือกที่ถูกเปรียบเทียบว่าเป็นดั่งสวรรค์ คือเป้าหมายในการผจญภัยของแก็งหมวกฟาง แต่ประวัติศาสตร์ของเกาะแห่งนี้ กลับเต็มไปด้วยการถูกกดขี่และเหยียดชัง จากเหล่ามนุษย์ทั่วไป มนุษย์เงือกหลายคนถูกจับไปขายเป็นทาสบ้าง หรือถูกทำร้ายเพราะความอัปลักษณ์บ้าง จนเผ่าเงือกไม่สามารถขึ้นไปบนพื้นโลกได้เลย ต้องอาศัยอยู่เพียงใต้น้ำทะเลลึกเท่านั้น
เมื่อมีการกดขี่ ก็ต้องมีคนที่ไม่ยอมนิ่งเฉย หนึ่งในนั้นคือ ราชินีโอโตฮิเมะ ราชินีผู้เป็นที่รักของชาวเงือก ที่คอยล่ารายชื่อให้คนมาลงนาม เพื่อจะนำไปใช้เรียกร้องให้เกิดการแก้ไขกฎหมาย ให้เหล่ามนุษย์เงือกมีสิทธิทัดเทียมมนุษย์ธรรมดา ส่วนอีกคน คือ ฟิชเชอร์ ไทเกอร์ นักเดินทางผู้มีชื่อเสียงของชาวเงือก เขาใช้วิธีต่อสู้ด้วยกำลัง เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเผ่าเงือกที่ถูกกดขี่ และยังบุกรุกดินแดนศักดิ์ สถานที่ที่ทาสทั้งหลายถูกใช้แรงงานนรก และปลดปล่อยทาสเหล่านั้น
ถึงแม้วิธีการของทั้งสองจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่เป้าหมายที่มีร่วมกัน คือการเรียกร้องสิทธิให้กับมนุษย์เงือก ชนเผ่าที่ถูกกดขี่ในสังคมมาโดยตลอด ให้มีโอกาสทัดเทียมกับมนุษย์ หรืออย่างน้อยที่สุด ได้มีโอกาสขึ้นมาใช้ชีวิตอยู่ใต้แสงอาทิตย์เสียที
ของเล่น คืนความสุขให้พลเมือง
[สปอยล์เนื้อหาสำคัญ]
ความสงบสุข คือสิ่งแรกที่ปรากฎในตอนที่แก็งหมวกฟางเดินทางไปถึงเกาะเดรสโรซ่า ประเทศที่ใครก็ตามต้องหลงใหลไปกับหมู่มวลดอกไม้ อาหารสุดโอชา การเริงระบำ และร่างของเล่นที่มีชีวิตที่คอยสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้ผู้คนในประเทศ
แต่เบื้องหลังของเหล่าของเล่นที่คอยเล่นมุกตลก เรียกรอยยิ้มให้ผู้คนนั้น แท้จริงก็คือกลุ่มคนที่ถูกลูกน้องของโดฟลามิงโก ราชาของประเทศลบทิ้งไป ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา เช่น ขัดขวางผลประโยชน์บางอย่าง หรือตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับราชานั่นเอง ซึ่งเมื่อกลายเป็นของเล่นไปแล้ว ก็ไม่สามารถบังคับร่างกายตัวเองได้อีก ถึงแม้ว่าจะยังมีสติสัมปชัญญะอยู่ครบถ้วนก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้น ใครก็ตามที่ถูกทำให้กลายเป็นตุ๊กตา จะถูกลบ ‘การมีอยู่’ ซึ่งหมายถึง ความทรงจำ เรื่องราว หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวเองไป ทำให้ในเมืองเต็มไปด้วยคนที่หลงลืม (แบบไม่รู้ตัว) การมีอยู่ของคนรัก พ่อ แม่ หรือคนสนิท เรียกได้ว่า เป็นประเทศที่ลบความขัดแย้ง และเรื่องราวต่างๆ ที่จะสร้างความไม่สงบให้หายไปเสีย แล้วให้ของเล่นมาสร้างรอยยิ้ม เพื่อคืนความสุขให้ประชาชนนั่นเอง
ผลสไมล์ ต่อให้หิวตายก็ต้องฉีกยิ้มไว้
[สปอยล์เนื้อหาส่วนสำคัญมากๆ]
ถ้าใครติดตาม One Piece มาถึงภาควาโนะ คุนิ แล้ว ก็คงรู้ความสามารถที่แท้จริงของเจ้าผลสไมล์กันแล้ว ซึ่งต้องบอกว่า สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นสไมล์ (รอยยิ้ม) จริงๆ เพราะนี่คือ ผลปีศาจเทียมที่สร้างขึ้นเลียนแบบผลปีศาจสายโซออน (แปลงร่างเป็นสัตว์ได้) เพื่อสร้างกองทัพที่ยิ่งใหญ่ ตามที่ไคโด หนึ่งในสี่จักรพรรดิต้องการ
แต่การทดลองนี้ไม่สมบูรณ์ กลายเป็นว่าผลปีศาจเทียมที่จะมอบพลังตามที่หวัง มีเพียง 10% ของการทดลองเท่านั้น ส่วนอีก 90% นอกจากจะไม่มอบพลังตามที่ผู้สร้างคาดหวังแล้ว ยังทำให้เกิดผลข้างเคียงชนิดที่ว่า ใครก็ตามที่กินผลสไมล์เข้าไป จะทำสีหน้าอื่นไม่ได้เลย นอกจากหัวเราะ!
ความร้ายกาจของเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ผลสไมล์ แต่คือการที่ผลไม้ทดลองพวกนี้ ถูกส่งไปยังเมืองเอบิสึ เมืองที่รับของเหลือจากนครหลวง เพราะทรัพยากรธรรมชาติเป็นพิษจนเอามาประทังชีพไม่ได้ เมื่อผลไม้ที่ดูสด สะอาด ถูกทิ้งไว้ที่เมืองนี้ ผู้คนที่หิวโหยก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากกินผลสไมล์เข้าไป แน่นอนว่า หลังจากนั้น ต่อให้คนในครอบครัวตาย หรือต้องเจอกับเรื่องทุกข์ระทมแค่ไหน คนในเมืองนี้ก็ไม่สามารถแสดงความโศกเศร้าออกมาได้
เมืองหลวงของประเทศ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรต่างๆ มากมาย จนกลายเป็นแดนสวรรค์ของผู้คนที่อาศัยอยู่ ส่วนเมืองรอบนอกก็ต้องรองรับของเสียและมลพิษต่างๆ มา ทรัพยากรธรรมชาติที่ควรกระจายให้ทั่วถึง กลับกระจุกตัวอยู่แค่ในเมืองหลวง แถมพวกเขายังทำได้แค่หัวเราะ เพื่อไม่ให้เหล่าชนชั้นนำของประเทศเห็นแล้วขัดหูขัดตากับความโศกเศร้าอีกต่างหาก
เผ่ามังกรฟ้า ชนชั้นนำผู้สร้างโลก
[สปอยล์เนื้อหาสำคัญ]
ย้อนกลับไปเมื่อ 800 ปีก่อน เหล่าราชาทั้ง 20 องค์ จากอาณาจักรต่างๆ ในโลก One Piece ช่วยกันสร้างองค์กรขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า รัฐบาลโลก ซึ่งกลายมาเป็นองค์กรที่ควบคุมดูแลโลกมาจนถึงปัจจุบัน และราชาทั้งหลายก็ย้ายสำมะโนครัวเข้าไปอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ (มาถึงตรงนี้ เหลือแค่ 19 ราชวงศ์แล้ว) ส่วนลูกหลานของราชาเหล่านี้ ถูกขนานนามว่า เผ่ามังกรฟ้า
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เผ่ามังกรฟ้าอาศัยอยู่ เรียกว่า แมรี่จัวร์ ถ้าออกนอกแมรี่จัวร์ เผ่ามังกรฟ้าจะสวมฟองอากาศไว้ที่หัว เพราะไม่อยากใช้อากาศหายใจร่วมกับมนุษย์ธรรมดา และหากเผ่ามังกรฟ้าเดินผ่านไปที่ไหน คนที่อยู่ในละแวกนั้น ต้องหยุดทำกิจกรรมทุกอย่าง คุกเข่า และก้มหัว จนกว่าเผ่ามังกรฟ้าจะเดินผ่านไป
วีรกรรมของเผ่ามังกรฟ้า มีมาให้เห็นบ่อยๆ ในเรื่องช่วงหลังของ One Piece ตั้งแต่การบังคับ ขู่เข็ญ ใช้แรงงานทาส หรือการฆ่าคนตายโดยไม่ต้องรับโทษใดๆ นอกจากนี้ เผ่ามังกรฟ้ายังได้รับการคุ้มครองอย่างดีจากรัฐบาลโลก ชนิดที่ว่า ถ้าใครทำให้เผ่ามังกรฟ้าไม่พอใจ ก็เตรียมตัวถูกถล่มโดยพลเอกสุดแกร่ง จากศูนย์บัญชาการหลักกองทัพเรือได้เลย