ตามหาคนที่ใช่ในเวลาไม่กี่นาที?
หากเป็นเมื่อก่อน การจะได้สานสัมพันธ์กับใครช่างยากเย็น ไหนจะเรื่องช่องทางติดต่อ ไหนจะต้องใช้เวลาศึกษาดูใจ ต้องดูแล้วดูอีกกว่าความสัมพันธ์จะคืบหน้า เพราะไม่ชัวร์ว่าคนที่เราเห็นอยู่ตรงหน้าจะนิสัยเข้ากันได้อย่างที่คาดหวังไว้หรือเปล่า
แต่ทุกวันนี้การเดตอาจไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป (แต่จะได้เป็นแฟนไหมอีกเรื่องนะ) แถมเรายังได้รู้จักตัวตนของอีกฝ่ายเกือบทุกด้าน เขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร หรือมองหาความสัมพันธ์แบบไหน ทุกอย่างรวมไว้แค่ปลายนิ้ว อย่างแอปพลิเคชั่นหาคู่ เพียงแค่ความต้องการแมตช์ก็ปิดดีลกันได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตาม การเดตออนไลน์อาจไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน โดยเฉพาะคนที่ชวนคุยไม่เก่งหากยังไม่รู้จักกันจริงๆ ซะก่อน ตอนนี้เลยมีเทรนด์หาคู่แบบใหม่ให้เราได้มีตัวเลือกอีกทาง อย่าง ‘Speed Dating’ ซึ่งเป็นการเดตที่ทำให้เราได้รู้จักคนใหม่ๆ ภายในเวลาไม่กี่นาที แถมยังได้สบตากับคนตรงหน้าจริงๆ ความง่ายและดูจริงใจนี้ จึงเป็นเหตุผลให้ใครๆ เลือกหาคู่ด้วยวิธีการนี้กันมากขึ้น
การพูดคุยกันสั้นๆ ทำให้เราตกหลุมรักได้ยังไง วันนี้เราเลยอยากชวนทุกคนไปรู้จัก Speed Dating กัน พร้อมไปดูว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้การพูดคุยของเราสนุกขึ้น

Speed Dating การเดตสำหรับคนยุคใหม่ที่อยากพบเจอตัวจริง
ก่อนที่จะเตรียมตัวไปเดต เราอยากชวนมาทำความรู้จักเกี่ยวกับ Speed Dating หรือ การเดตด่วน กันหน่อยดีกว่า ว่าสิ่งนี้เริ่มต้นมาจากไหน แล้วทำไมถึงเหมาะกับคนเจนนี้กัน
แรกเริ่มเดิมที งานเดตลักษณะนี้เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1998 ในเทศกาลของชาวยิว ที่ลอสแองเจิลลิส สหรัฐอเมริกา โดย ยาคอฟ เดโย (Yaacov Deyo) ซึ่งทุกปีจะมีการจัดงาน ‘ปูริม’ หรือเทศกาลทางศาสนาของชาวยิวเพื่อเฉลิมฉลอง โดยภายในงานจะมีกิจกรรมจับคู่ให้หนุ่มสาวได้ทำความรู้จักกันด้วย
ในครั้งแรกที่เจอกัน เป็นธรรมดาที่หนุ่มสาวจะมีอาการเคอะเขิน ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงกันบ้าง ดังนั้น ยาคอฟจึงปิ๊งไอเดียคิดค้นเกมละลายพฤติกรรมขึ้นมาใหม่ เพื่อไม่ให้การพูดคุยระหว่างคน 2 คนน่าอึดอัดเกินไป นั่นคือ การให้ผู้เข้าร่วมเปลี่ยนคู่เดตไปเรื่อยๆ ภายในเวลาที่กำหนด (ประมาณ 10 นาที) เมื่อหมดเวลาเขาจะสั่น ‘gragger’ หรือเครื่องส่งเสียงชนิดหนึ่งของชาวยิว เพื่อเป็นสัญญาณให้ทุกคนเริ่มเปลี่ยนคู่ วิธีนี้เองทำให้หนุ่มสาวเริ่มพูดคุยกันอย่างผ่อนคลายมากขึ้น และไม่นานไอเดียเกมนี้ก็ถูกแพร่กระจายออกไปเรื่อยๆ จนกลายมาเป็น Speed Dating อย่างที่เราเห็นในทุกวันนี้
ตัดกลับมาที่ Speed Dating ในปัจจุบัน แม้จะมีวิธีการคล้ายเดิม แต่ก็มีการปรับบริบทให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ จากที่เคยเป็นกลุ่มคนในศาสนา ก็ถูกตีความให้กว้างขึ้น อย่างการหาคู่ของคนโสดทั่วไป โดยส่วนใหญ่เจ้าของงานมักเป็นบริษัทจัดหาคู่มารับหน้าที่เป็นเหมือนแม่สื่อ คอยคัดเลือกผู้เข้าร่วม และจัดสถานที่ให้หนุ่มสาวได้มาทำความรู้จักกัน
ไม่ใช่แค่นั้น แต่ผู้จัดงานยังต้องคอยดูและจัดกลุ่มให้คนที่มีไลฟ์สไตล์ ความชอบ และรสนิยมทางเพศคล้ายๆ กัน หรือแบบเดียวกันให้มาเจอกัน ทุกวันนี้ Speed Dating จึงมีหลากหลายกลุ่มให้เราได้เข้าร่วมตามความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นชาวแซฟฟิก เกย์หุ่นหมี หรือคนโสดที่มีความสนใจอะไรบางอย่างเหมือนกัน
ส่วนกติกาก็ยังคล้ายเดิม นั่นคือแต่ละคู่จะมีเวลาพูดคุยกันสั้นๆ ประมาณ 3-7 นาที ก่อนจะต้องเปลี่ยนคู่พูดคุยเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่ง หลังจากจบกิจกรรม หากสนใจคนไหนเราก็สามารถโน้ตไว้ได้ ถ้าอีกฝ่ายสนใจเหมือนกัน เราจะได้รับช่องทางติดต่อกลับมาเพื่อสานสัมพันธ์กันภายหลัง เรียกได้ว่า นอกจากจะได้เลือกคู่เดตที่ตรงปกแล้ว กิจกรรมนี้ยังทำให้เราได้รู้จักนิสัยใจคอกันเบื้องต้นกันก่อนตัดสินใจด้วย
ในเมื่อแอปพลิเคชั่นก็สามารถทำได้ไม่ต่างกัน แล้วทำไมคนหนุ่มสาวยังเลือกที่จะมาเจอหน้ากันมากกว่านะ? สาเหตุที่ Speed Dating เป็นที่นิยมของคนรุ่นใหม่มากขึ้นในช่วงหลังๆ อาจเป็นเพราะความเหนื่อยล้าจากการใช้แอปฯ หาคู่ จากการสำรวจของ Ofcom สำนักงานสื่อสารของสหราชอาณาจักร ปี 2024 ระบุว่า ผู้ใช้แอปฯ หาคู่ อย่าง Tinder, Hinge, Bumble และ Grindr กำลังทยอยลดลง เช่น Tinder ที่มีผู้ใช้ลดลง 23% หรือผู้ใช้ Bumble ลดลง 26%
มาริโก วิซเซอร์แมน (Mariko Visserman) อาจารย์ด้านจิตวิทยา จากมหาวิทยาลัยซัสเซ็ก อธิบายปรากฎการณ์นี้ว่า เป็นเพราะคนกําลังออกเดตรู้สึกเหนื่อยจากการมีทางเลือกมากเกินไป แม้จะเป็นข้อดีที่ทำให้เราได้เจอคนหลากหลาย แต่อีกด้านอาจทำให้เราไม่กล้าตัดสินใจ กลัวว่าจะเลือกได้ไม่ดีพอ หลายคนจึงใช้พลังงานอย่างมากในการปัดขวาแต่ละครั้ง เพราะไม่อยากโดนเท ไม่อยากเจอคนไม่จริงใจหรือใครที่ไม่ตรงปก จนทยอยเลิกเล่นแอปฯ หาคู่เหล่านี้ไป
อย่างไรก็ตาม แม้จะเลิกเล่นแอปฯ หาคู่ คนหนุ่มสาวก็ยังตามหาความรักที่เหมาะกับตัวเองกันอยู่ดี อย่างการเข้าร่วมงานที่ได้พบปะเจอหน้ากัน จากการสำรวจของ Eventbrite ผู้จำหน่ายบัตรอีเวนต์ พบว่า คนโสดในอเมริกาเลือกเข้ากิจกรรมหาคู่อย่าง Speed Dating เพิ่มขึ้นถึง 42% ตั้งแต่ปี 2022-2023 โดยให้เหตุผลว่า เพราะชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่มักอยู่บนหน้าจอเป็นหลัก พวกเขาจึงเริ่มโหยหาการการพูดคุยหรือได้สบตากันจริงๆ
ดังนั้น ไม่แปลกเลยที่ Speed Datng จะกลายเป็นกิจกรรมที่เหล่าหนุ่มสาวในเมืองให้ความสนใจ แถมยังเป็นการสัญญาณที่ชัดเจนอีกด้วยว่า การมีปฏิสัมพันธ์กับคนจริงๆ ก็ยังเป็นเรื่องสำคัญ ต่อให้จะสามารถคุยผ่านออนไลน์ได้ก็ตาม

เราตกหลุมรักกันใน Speed Dating ได้จริงไหม?
แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้ทำความรู้จักกัน แต่ด้วยบรรยากาศและผู้คนในงานที่ถูกคัดเลือกมา อาจทำให้เรามีโอกาสเจอคนที่ใช่ได้เหมือนกันนะ
แซนเดอร์ ลินเดน (Sander Van Der Linden) ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ อธิบายถึงเรื่องนี้ว่า ในงาน Speed Dating ที่เราต้องทำความรู้จักหลายๆ คนในเวลาสั้นๆ เป็นสถานที่ที่ทำให้เราได้เลือกคนที่ใช่ได้รวดเร็วกว่า และช่วยให้เราคัดกรองตัวเลือกหลายๆ ตัวเลือกในคราวเดียว ในขณะที่การหาคู่ออนไลน์มักใช้เวลานานกว่า ไหนจะส่องโปรไฟล์ หรือรวบรวมความกล้าก่อนจะทักไป
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ให้เห็นอีกว่า สิ่งที่ทำให้เราตัดสินเลือกใครสักคนใน Speed Dating มักเป็นเรื่องความคุ้นเคย เช่น คนที่มีอายุ ส่วนสูง อาชีพ การศึกษาใกล้เคียงกัน จะมีโอกาสถูกเลือกไปเดตง่ายกว่า นอกจากนี้ ยิ่งมีจำนวนคู่ให้เปรียบเทียบน้อย หรือจัดในกลุ่มเล็กๆ เท่าไหร่ ยิ่งทำให้เราตัดสินใจเลือกออกเดตง่ายขึ้นเท่านั้น เพราะสมองเรามักถูกดึงดูดด้วยข้อมูลที่คุ้นเคย เพื่อช่วยให้เราประหยัดเวลาเมื่อต้องรับข้อมูลมากๆ โดยเฉพาะในงาน Speed Dating ที่เราต้องทำความรู้จักหลายๆ คนในเวลาอันรวดเร็ว
สิ่งที่ทำให้หลายคนเลือกออกเดตกับใครสักคนจาก Speed Dating ยังเป็นเพราะงานนี้ทำให้เรารู้จักอีกฝ่ายแบบลึกซึ้งขึ้นด้วย ไม่ใช่แค่ชอบหรือไม่ชอบอะไร แต่เรายังได้เห็นท่าทาง บุคคลิก สีหน้า แววตา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่อการตัดสินใจเลือกเดตทั้งสิ้น
มีการทดลองของ แดน อาเรียลลีย์ (Dan Ariely) นักจิตวิทยาและทีมวิจัย ที่ขอให้คนโสดทั้งหมด 47 คน ระบุคุณสมบัติของคู่เดตที่อยากแต่งงานด้วย ผลคือ ผู้ทดลองมักระบุคุณสมบัติที่จับต้องได้จากประสบการณ์ที่มี เช่น เป็นคนที่ทำให้หัวเราะได้ มากกว่าคุณสมบัติที่มองเห็นได้ง่ายๆ อย่างการชอบแมว หรือชอบเล่นฟุตบอล
Speed Dating จึงเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ทำให้เราได้พบกับคนที่ตามหา อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้จักตัวตนของอีกฝ่ายมากขึ้น แบบที่ไม่มีทางรู้ได้เลยจากสิ่งที่เจ้าตัวเขียนขึ้นเองบนหน้าโปรไฟล์

ทำยังไงถ้าอยากให้ Speed Dating ราบรื่น
ถึงตรงนี้เราอาจจะต้องบอกว่า Speed Dating เป็นเพียงกิจกรรมที่ทำให้เราได้ทำความรู้จักคนใหม่ๆ รูปแบบหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้การันตีว่าทุกคนจะได้เจอหวานใจในอนาคตเสมอไป เพราะยังมีปัจจัยอีกมากมายที่ทำให้เราเลือกไปต่อกับคนตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นนิสัยที่เข้ากันได้ หรือไลฟ์สไตล์ที่ไปด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม การที่เราจะทำความรู้จักกับใคร การสื่อสารก็ยังเป็นสิ่งสำคัญจริงไหม ยิ่งใน Speed Dating ที่ใช้เวลาพูดคุยสั้นๆ ด้วยแล้ว ก็อาจทำให้หลายคนรู้สึกประหม่า ไม่แน่ใจว่าควรพูดคุยยังไงดี วันนี้เราเลยนำเคล็ดลับเล็กๆ มาฝาก เผื่อไว้ไปปรับใช้กับการเดตกัน
เป็นตัวเอง
แน่นอนว่าทุกคนต่างก็อยากแสดงด้านดีของตัวเองเวลาที่เจอคนใหม่ๆ ยิ่งในการเดตด้วยแล้ว เพราะอยากให้อีกฝ่ายรู้สึกดีกับเรามากเป็นพิเศษ จนอาจเผลอทำอะไรที่ไม่เป็นตัวเองออกไป เช่น แต่งตัวในสไตล์ที่ไม่ใช่ตัวเอง หรือพยายามคุยเรื่องที่ตัวเองไม่ถนัด สุดท้ายแทนที่อีกฝ่ายจะรู้สึกประทับใจ อาจรู้สึกอึดอัดมากกว่าเดิม
ดังนั้น การสร้างความประทับใจ จึงอาจไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่เกินตัว แต่แค่เป็นตัวของเอง ยิ้มแย้มให้กับอีกฝ่าย ให้เกียรติกัน เท่านี้อาจช่วยทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย และให้อีกฝ่ายได้รู้จักตัวตนของเราจริงๆ ได้แล้ว
หาคำถามสนุกๆ เตรียมไว้
สิ่งสำคัญอีกอย่างใน Speed Dating คือการพูดคุยที่ลื่นไหล เราอาจไม่ต้องถึงกับเตรียมบทพูดมาจากบ้าน แต่แค่ลองเตรียมคำถามสนุกๆ ไว้เริ่มบทสนทนาสักหน่อย เช่น คำให้เลือกตอบ อย่างเกม Coffee or Tea เพื่อให้อีกฝ่ายอธิบายตัวเองจากคำตอบนั้น ซึ่งนอกจากทำให้บทสนทนาเป็นธรรมชาติ และรู้จักมุมอื่นๆ ของอีกฝ่ายมากขึ้น ยังนำไปสู่คำถามอื่นๆ เช่น คาเฟ่ที่ชอบ เครื่องดื่มเมนูโปรด หรือนิสัยเวลาออกไปข้างนอกได้ด้วย
ถามให้เหมาะสม
บางครั้งเราอาจอยากรู้จักอีกฝ่ายให้มากขึ้นไปอีก จนเตรียมคำถามลึกซึ้งมาโดยเฉพาะ เช่น ช่วยอธิบายชีวิตในคำเดียวหน่อย เดือนที่แล้วมีเรื่องน่าตื่นเต้นอะไรบ้าง แม้คำถามเหล่านี้จะช่วยให้เรารู้จักอีกฝ่ายได้มากขึ้น แต่สำหรับเดตที่ใช้เวลาสั้นๆ แบบนี้ อาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถูกคาดหวังให้ตอบอะไรเด็ดๆ ไม่กล้าตอบอะไรง่ายๆ เพราะกลัวจะถูกมองว่าชีวิตตัวเองน่าเบื่อ และใช้เวลาคิดมากเกินไป จนสุดท้ายเราก็อาจเสียพูดคุยไปโดยที่ไม่ได้รู้จักอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นเลย
อย่าพูดแต่เรื่องตัวเอง
ไม่ว่าใครต่างก็ชอบให้มีคนรับฟัง ยิ่งโดยเฉพาะในเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 5 นาทีด้วยแล้ว การได้ฟังแต่เรื่องคนอื่นคงไม่ใช่วิธีที่ทำให้อีกฝ่ายประทับใจเท่าไหร่ แม้ว่าจะต้องพรีเซนต์ตัวเองให้น่าสนใจ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องฮาร์ดเซลล์ขนาดนั้น การผลัดกันเป็นทั้งผู้พูดและผู้ฟังจะช่วยให้ทั้ง 2 ฝ่ายรู้สึกสบายใจมากกว่า
รับฟังให้รู้จักถึงนิสัยใจคอ
แม้เราจะมีธงในใจไว้แล้วว่าไทป์ที่เราชอบเป็นแบบไหน แต่ก็อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจตั้งแต่แวบแรก ด้วยบุคลิก รูปร่าง หน้าตา หรือการศึกษา เพราะนั่นจะทำให้เราพลาดการได้ทำความรู้จักคนที่เหมาะสมกับเราจริงๆ ก็ได้
ดังนั้น พยายามเปิดใจและฟังเรื่องราวของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ เพื่อให้เราได้รู้จักตัวตนข้างในจริงๆ แม้ภายนอกอาจจะไม่ใช่คนแบบที่เราคาดหวังไว้ แต่บางทีเขาอาจมีนิสัย หรือไลฟ์สไตล์ที่เข้ากับเราสุดๆ ก็ได้นะ
สุดท้ายนี้ แม้ Speed Dating ครั้งนี้จะจบลงโดยที่เราไม่ถูกชูส หรือไม่ได้ชูสใครเลยก็ตาม ก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะมันเป็นการรวมตัวของกลุ่มคนเล็กๆ เท่านั้น ยังมีอีกหลายจังหวะเวลา และโอกาสที่ทำให้เราได้เจอคนที่ใช่จริงๆ
อย่างน้อยการได้พูดคุยกับคนใหม่ๆ ก็ถือประสบการณ์ที่ดี แถมยังทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้นด้วยว่าจริง ๆ แล้วเราต้องการอะไรจากความสัมพันธ์
อ้างอิงจาก