เร้าฉันสิ เร้าฉันอีกหน่อยจนกว่าความชื้นฉ่ำท่วมท้นพื้นที่ลับตา เหมือนเม็ดฝนนอกหน้าต่างนั่นกลั่นหยาดใหญ่ไล้ไปตามกระจกใสเป็นทาง
หากความเกร็งแข็งของแก่นกายเป็นตัวชี้ว่า กำลังเจอสิ่งเร้าบางอย่างจนร่างกายต้องเผลอตอบสนองไปอย่างควบคุมไม่ได้ ความชื้นแฉะชุ่มฉ่ำของเนินนรีซึ่งกินพื้นที่ไปจนถึงรอยแยกระหว่างขา ก็อาจเป็นสัญญาณทางกายว่า พื้นที่นี้พร้อมรับแรงกระแทกเข้าแล้วล่ะ
แข็งหรือแฉะเท่ากับมีอารมณ์ เราจดจำสิ่งนี้กันมาอย่างขึ้นใจ เมื่อร่างกายมันฟ้องขนาดนี้แล้ว ทำไมมันจะไม่ใช่ล่ะ แต่จริงๆ แล้วร่างกายของเรานั้นไม่ได้ทำงานเที่ยงตรงเสมอไป คอมพิวเตอร์ยังมีอ๊องๆ เอ๋อๆ ร่างกายเราก็มีสิทธิ์ทำงานแบบเบลอๆ ได้เหมือนกัน บางครั้งเราก็ไม่มีอารมณ์ แต่ถูกกระตุ้นก็ชื้นแฉะได้ เช่นกันกับตอนที่เรามีอารมณ์อย่างท่วมท้น แต่น้องสาวคนดีกลับไม่มีท่าทีจะฉ่ำแฉะ ยังแห้งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือน้ำหล่อลื่นน้อยเกินจะเริ่มเกมได้ก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน แบบนี้เกิดขึ้นเพราะอะไรบ้างนะ?
ใต้สะดือใดๆ ล้วนขับเคลื่อนไปด้วยฮอร์โมน
น้ำหล่อลื่น ประจำเดือน การตั้งครรภ์ ความชื้นแฉะ ล้วนแล้วแต่ทำงานไปตามฮอร์โมน ซึ่งเป็นเหมือนชุดคำสั่งที่ส่งไปประจำการยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้ระบบนั้นของร่างกายทำงานได้ราบรื่นอย่างที่ควรจะเป็น สำหรับผู้หญิงจะมีฮอร์โมนตัวแม่ 2 ตัวที่สำคัญกับระบบสืบพันธุ์เอามากๆ ได้แก่ เอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone)
เริ่มกันที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งส่งตรงจากรังไข่ มีบ้างจากต่อมหมวกไต แต่ส่วนใหญ่ก็มาจากรังไข่นี่แหละ โดยมันจะทำหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโตทางเพศ หน้าอกหน้าใจ สะโพกผาย ฟีลสาวสะพรั่ง ประจำเดือน และการตั้งครรภ์ ส่วนโปรเจสเตอโรนมาจากรังไข่เหมือนกัน ทำหน้าที่เตรียมความพร้อมให้มดลูกสำหรับไข่ที่จะมาฝังตัว ตอนไข่ตกจึงทำหน้าที่หนักหน่อย และจริงๆ ฮอร์โมนทั้ง 2 ตัวแม่นี้ก็ทำงานร่วมกันจนทำให้หน้าที่คล้ายกันพอสมควร
ร่างกายของสาวๆ จึงต้องการฮอร์โมนของทั้งคู่ทำงานเป็นดูโอ้ให้อยู่ในภาวะที่สมดุล น้อยไปก็ไม่ได้ มากไปก็ไม่ดี ผลข้างเคียงถ้าดูโอ้คู่นี้มีขาดๆ เกินๆ ก็จะทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ อารมณ์แปรปรวนจาก PMS ระบบสุ่ม นอนหลับยาก และช่องคลอดแห้ง ซึ่งเป็นปัญหากวนใจที่เราหยิบมาคุยกันในวันนี้
อารมณ์เสวก็มี กีแห้งได้ยังไง?
สาเหตุของหลักของกีแห้งที่ไม่ได้แปลว่าไม่มีผัว แต่หมายถึงกีแห้งในเชิงกายภาพไม่ใช่เชิงเปรียบเปรย มาจากฮอร์โมนที่ไม่สมดุล อาจจะลดน้อยลงจนน่าใจหาย หรือมากล้นเกินไปจนร่างกายอ๊อง แต่แล้วสิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นในตอนไหนได้บ้างล่ะ?
เราจะคุ้นเคยว่า สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อถึงวัยทอง คือฮอร์โมนน้อยลงจนทำให้หมดประจำเดือน โอกาสตั้งครรภ์น้อยลง ในช่วงที่ยังมีประจำเดือนฮอร์โมนเอสโตรเจนอยู่ที่ 10-800 pg/ml แต่พอบอกลาประจำเดือนแล้ว ฮอร์โมนเอสโตรเจนของเรามักจะน้อยลงกว่า 30 pg/ml
แต่สาวจ๋าอย่าเพิ่งชะล่าใจ สิ่งนี้ยังสามารถเกิดได้กับวัยว้าวุ่นได้เหมือนกัน ด้วยการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเกิดจากผลข้างเคียงของยาจิตเวช ความดัน หรือเคมีบำบัด ภาวะช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อ หรือการระคายเคืองสิ่งที่มาสัมผัสอย่างผ้าอนามัย หรือสบู่ล้างมิจิ
แม้ฮอร์โมนลดน้อยลงแล้วกีสับสน แต่ฮอร์โมนล้นก็ใช่ว่าจะดี นั่นเลยทำให้คนที่ฝังยาคุมเกิดผลข้างเคียงเรื่องช่องคลอดแห้ง จากการได้รับโปรเจสเตอโรนเป็นเวลานานนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม นอกจากจะไม่มีน้ำหล่อลื่นมาเพิ่มความรื่นรมย์ในตอนมีเซ็กซ์แล้ว ภาวะช่องคลอดแห้งยังอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ระคายเคือง ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะขัด มีตกขาว สารพันปัญหาที่ทำให้ช่องคลอดแห้งอาจเกิดขึ้นได้เสมอ นี่เลยเป็นคำตอบว่า ทำไมบางครั้งที่เรารู้สึกว่ามีอารมณ์เสวท่วมท้น แต่น้องสาวกลับแห้งผาก นั่นก็เพราะฮอร์โมนอาจกำลังปั่นป่วนจนไม่อาจตอบสนองอย่างที่ควรจะเป็นได้
หากอาการยังไม่หนัก ไม่ส่งผลกับชีวิตประจำวัน เราอาจสามารถใช้เพียงเจลหล่อลื่นช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นระหว่างมีเซ็กซ์ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้ารายครั้งไป แต่ถ้าอยากได้ผลในระยะยาวที่ไม่ต้องคอยใช้เจลอยู่เรื่อยๆ เราอาจจะต้องปรับการใช้ชีวิตนิดหน่อย ด้วยการกินอาหารที่ช่วยเสริมสร้างฮอร์โมนอย่างน้ำมะพร้าว กล้วยหอมและถั่วเหลืองที่มีฮอร์โมนไฟโตเอสโตรเจน จะช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนของสาวๆ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายและงดสูบบุหรี่
และถ้าหากรู้สึกว่าอาการนั้นไม่ได้สร้างความไม่คล่องตัวแค่ในตอนมีเซ็กซ์ แต่ส่งผลถึงชีวิตประจำวันด้านอื่นด้วย สิ่งนี้ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะรักษาด้วยการใช้ฮอร์โมนทดแทน มีทั้งแบบกินและทา และเลเซอร์ Fractional CO2 ที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อให้ส่วนนั้นโอบอุ้มความชื้นได้ดียิ่งขึ้น
จะเปียกฉ่ำ จะแห้งผาก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่อารมณ์ร่วมเท่านั้นด้วยความซับซ้อนของร่างกาย สิ่งที่เห็นไม่ได้บอกสิ่งที่เป็นอย่างตรงไปตรงมานัก กีฉ่ำเพราะโดนสัมผัส แต่อารมณ์ยังจุดไม่ติดก็เป็นไปได้ อารมณ์ฉ่ำแต่กีแห้งก็เป็นไปได้
การเลือกถามถึงความสมัครใจ ถามไถ่ถึงความพร้อม จะช่วยให้เราเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าได้ โดยไม่ต้องเดาอะไรไปเองเลย
อ้างอิงจาก