กระทรวงสาธารณสุข ประกาศปรับเกณฑ์วัคซีน Pfizer ในเข็ม 3 ใหม่แล้ว ในวันที่ 2 สิงหาคม 2564 หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงเกณฑ์เดิม ที่ให้เพียงบุคลากรที่ฉีด Sinovac แล้ว 2 เข็มเท่านั้น ทำให้ไม่ทั่วถึงบุคลากรการแพทย์ทั้งหมด
โดยนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ตามมติคณะอนุกรรมการสร้างภูมิคุ้มกันโรค ครั้งที่ 4/2564 วันที่ 1 สิงหาคม เรื่อง คำแนะนำในการให้วัคซีน Pfizer กับบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งจะมีหลักเกณฑ์โดย กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่จะได้รับวัคซีน Pfizer มีดังนี้
1. Sinovac หรือ Sinopharm ครบ 2 เข็ม จะได้ Pfizer 1 เข็ม
2. บุคลากรที่ได้รับวัคซีนแล้วเพียง 1 เข็ม จะได้ Pfizer 1 เข็ม กำหนดระยะห่างระหว่างโดสตามชนิดของวัคซีนเข็มที่1
3. บุคลากรที่ไม่เคยได้วัคซีนเลย จะได้ Pfizer 2 เข็ม ห่างกัน 3 สัปดาห์
4. บุคลากรที่เคยติดเชื้อ COVID-19 และไม่ได้เคยได้วัคซีน จะได้ Pfizer 1 เข็ม
ส่วนกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่ยังไม่พิจารณาให้วัคซีน Pfizer เพราะยังมีภูมิคุ้มกันสูง มีดังนี้
1. ได้รับวัคซีน Sinovac+AstraZeneca
2. ได้รับ AstraZeneca ครบ 2 เข็ม
3. ได้รับวัคซีน Sinovac 2 เข็ม + AstraZeneca
แต่ถึงอย่างนั้น นพ.โอภาส กล่าวว่า จากการพิจารณาพบว่า บุคลากร 3 กลุ่ม ยังคงมีภูมิคุ้มกันที่มากพอ ต่อการป้องกัน COVID-19 โดยจะมีให้การลงทะเบียนเอาไว้ก่อน ก่อนจะมีการพิจารณาข้อมูลทางวิชาการ และดำเนินการฉีด Pfizer ตามข้อมูลวิชาการ และวัคซีนที่จะมีเข้ามาเพิ่มเติม ในระยะต่อไป
โดยโดยสำหรับเกณฑ์ของวัคซีน Pfizer 1.5 ล้านโดสที่ได้รับบริจาคจากสหรัฐฯ นั้น จะแบ่งเป็น
– บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าทั่วประเทศ 700,000 โดส
– กลุ่มเสี่ยงต่ออาการรุนแรงใน 13 จังหวัดสีแดงเข้ม 645,000 โดส
– ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย 150,000 โดส
– การศึกษาวิจัย 5,000 โดส
– สำรองสำหรับควบคุมโรคในพื้นที่ระบาด 3,450 โดส