แน่นอนว่า COVID-19 สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อพฤติกรรมผู้บริโภคหลายอย่าง แต่ถ้าเราลองหันไปโฟกัสกันประเด็นเรื่อง ‘พื้นที่’ มันก็ยิ่งจะทำให้เห็นปรากฏการณ์บางอย่างที่น่าสนใจเหมือนกัน
เมื่อผู้คนต้องใช้ชีวิตบนหลักการของ Social Distancing ทั้งการรักษาระยะห่างระหว่างกัน รวมถึงการหลีกเลี่ยงการใช้พื้นที่ส่วนรวมแบบที่เราคุ้นชิน เริ่มกลายเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยกันมากขึ้นทุกวัน ในอีกทางหนึ่งนั้น พื้นที่ส่วนรวม หรือการแชร์พื้นที่แบบเมื่อก่อน ก็ย่อนได้รับผลกระทบไม่น้อยเลยทีเดียว
หนึ่งในภาพที่ชัดเจนมาก คือการที่ผู้คนใช้บริการธุรกิจประเภท ‘Co-working space’ กันมากยิ่งขึ้น รวมถึงบริการที่เราเคยแชร์พื้นที่ระหว่างกันก็เริ่มถูกใช้น้อยลง เพราะเป็นกังวลกันว่าอาจเสี่ยงต่อ COVID-19
พอเป็นแบบนี้ กลายเป็นคำถามว่า ในโลกที่เราต้องอยู่กับ COVID-19 นั้น การแชร์พื้นที่ระหว่างกันจะน้อยลง และทำให้เราโหยหา (หรือกึ่งๆ แย่งชิง) พื้นที่ส่วนตัวกันมากยิ่งขึ้นกันนะ?
โลกยุค COVID-19 กับจุดเปลี่ยนของการใช้พื้นที่ร่วมกัน
มีผลสำรวจจากเว็บไซต์ Coworker ที่สำรวจความเห็นของ Co-working Space จำนวนมากกว่า 14,000 แห่งจาก 172 ประเทศทั่วโลก โดยพบว่า COVID-19 ได้ส่งผลกระทบต่อการให้บริการพื้นที่อย่างหนักพอสมควร
ผลกระทบ 5 อันดับแรกคือ
-อีเวนต์ถูกยกเลิก (71.04%)
-การใช้ห้องประชุมถูกยกเลิก (65.99%)
-ยกเลิกสถานะสมาชิก (34.68%)
-พฤติกรรมของสมาชิกผู้ใช้บริการเปลี่ยนไป (24.24%)
-ธุรกิจต้องปิดตัว (20.2%)
สถานการณ์เช่นนี้ดูไม่ต่างจากในประเทศไทยเรามากนัก
“ในช่วงการแพร่ระบาดที่ทำให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง” มารุต ชุ่มขุนทด ซีอีโอและผู้ก่อตั้งคลาสคาเฟ่ (Class Café) พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคไว้ใน Techsauce Virtual Conference 2020
ในฐานะผู้ทำธุรกิจด้าน Co-working space มารุต อธิบายเพิ่มเติมถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงไปของการใช้พื้นที่ของผู้คนเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า
“โควิด กำลังค่อยๆ ฆ่าวิถีชีวิตของการแชร์กันทุกอย่าง ออกไปอย่างช้าๆ Co-working กลายเป็น Work from Home เพราะอยู่ใครอยู่มันดีกว่ามา Join กัน ยังไม่ต้องพูดถึง เทรนด์ใหม่ อย่าง Co-living space การใช้พื้นที่ร่วมกัน หรือ ยิ่งกว่านั้น โครงการ คอนโดเท่ที่มี พื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน มีห้องรับแขกร่วมกัน มี Co-Kitchen ร่วมกัน ยิ่งเกิดคำถามหนักขึ้น”
เขาตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เมื่อผู้คนพยายามหลีกเลี่ยงการใช้พื้นที่ร่วมกัน อาจจะทำให้ ‘พื้นที่’ หรือ ‘Space’ ในโลกหลังจากนี้จะกลายเป็นสิ่งที่หรูหรา (Luxury) ยิ่งมีฐานะร่ำรวยมาก พื้นที่ส่วนตัวก็อาจจะยิ่งมากขึ้น และยิ่งทิ้งห่างจากคนที่ไม่มีมากขึ้นกว่าเดิม
การแสวงหาพื้นที่ส่วนตัวในยุค COVID-19
ในทางหนึ่ง เรารู้กันแล้วว่า COVID-19 ทำให้เราระมัดระวังการใช้พื้นที่ร่วมกันมากขึ้น ในทางกลับกัน สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปฏิกิริยาต่อเนื่อง คือผู้คนเริ่มแสวงหาบริการต่างๆ ที่พวกเขาสามารถใช้ได้อย่างส่วนตัว หรือใช้ได้เป็นคนเดียวมากขึ้นด้วย
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ คือปรากฏการณ์ในญี่ปุ่น โดยมีรายงานว่า ผู้คนหันมาเรียนขับรถ เพื่อขอใบขับขี่รถยนต์ส่วนตัวกันมากกว่าปกติ
สิ่งนี้บอกอะไรกับเรา?
มิชิโตชิ โซโนดะ จากโรงเรียนสอนขับรถในญี่ปุ่นบอกว่า หลายคนที่มาเรียนขับรถเป็นครั้งแรกมีความรู้สึกว่า พวกเขาเริ่มหาหนทางหลีกเลี่ยงการใช้บริการสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า หรือรถบัส โดยหันมาเลือกที่จะใช้รถส่วนตัวกันแทน
“การใช้รถส่วนตัว มันไม่เหมือนกับรถไฟหรือรถบัส เพราะคุณจะไม่ต้องไปสัมผัสกับคนอื่น” โซโนดะ ระบุ เขายังอธิบายอีกด้วยว่า กลุ่มคนที่เข้ามาเรียนขับรถมากขึ้นนั้น ครอบคลุมไปทั้งคนที่เป็นทั้งแม่บ้าน ตลอดจนพนักงานบริษัท
ไม่ใช่แค่ในเอเชียที่เกิดปรากฏการณ์ทำนองนี้ หากเหลียวตาไปมองทางฝั่งยุโรปเราก็อาจจะเห็น ‘พิธีกรรม’ ใหม่ๆ และการหวนกลับมาให้ความสำคัญของพื้นที่ส่วนตัวกันมากกว่าเดิม
ยกตัวอย่างเมืองมิลานในประเทศอิตาลี แต่เดิมเคยมีธรรมเนียมที่เรียกว่า ‘Aperitivo’ หรือกิจกรรมนั่งดิ้งก์สังสรรค์กันทั้งในยามบ่ายและหัวค่ำ ตามร้านอาหารหรือคาเฟ่ต่างๆ อย่างไรก็ดี เจ้า Aperitivo นี่เองที่ต้องหายไปเป็นสิ่งแรกๆ เมื่อเมืองมีนโยบาย Social Distancing ถึงอย่างนั้น ผู้คนก็เปลี่ยนไปสังสรรค์กันผ่านโลกออนไลน์ในห้องนอน หรือห้องพักของตัวเองแทน โดยหลายคนเรียกมันว่า ‘Smart Aperitivo’ แทน
นี่อาจจะแปลว่า ผู้คนได้หันมาให้ความสนใจกับกิจกรรมบางอย่างภายในพื้นที่ส่วนตัวกันมากยิ่งขึ้นผ่านช่องทางของโลกออนไลน์
หรือในกรณีของการทำงานในออฟฟิศหลังจากยุค COVID-19 ก็อาจจะเปลี่ยนไป บทความชิ้นหนึ่งจาก Wall Street Journal ตั้งคำถามด้วยว่า แนวคิดเรื่อง Open Floor Office หรือการจัดห้องออฟฟิศแบบเปิดโล่งกว้าง ไม่มีประตูหรือคอกกั้นระหว่างพนักงาน ก็อาจจะต้องถึงคราวจบลง เพราะผู้คนจะหวาดกลัวว่า มันทำให้การแพร่กระจายเชื้อไวรัสในออฟฟิศเกิดขึ้นมากกว่าเดิมรึเปล่า
กลายเป็นว่า ข้อถกเถียงที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานว่าเราควรมี Open Office หรือ ควรมีคอก-กำแพง กั้นระหว่างกัน มันกลับมาได้ข้อสรุปกันเพราะ COVID-19 นี่แหละ
เพราะถึงแม้บริษัทจะต้องยืนบนฐานคิดว่า การมี Open Office จะส่งเสริมบรรยากาศการทำงานได้ดีกว่า แต่ถ้าเปิดพื้นที่แล้วทำให้คนติดเชื้อไวรัสกันได้ง่ายขึ้น การทำงานมันก็ไปต่อไม่ได้แน่ๆ
พื้นที่ส่วนตัวภายในบ้าน ที่เรามักจะมองว่า มันคือที่พักผ่อนจากเวลางานเป็นหลัก ได้กลายเป็นพื้นที่ที่เส้นแบ่งระหว่าง เวลาพักผ่อน กับ เวลางาน มันพร่าเลือนลงมากขึ้นทุกวัน พอเป็นแบบนี้ ความสำคัญของพื้นที่ส่วนตัวมันเลยทวีความสำคัญมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
จาก ‘บ้าน’ ที่เราคิดว่าแทบทุกตารางเมตรคือพื้นที่ส่วนตัวของเราอยู่แล้ว แต่เมื่อเราต้องใช้ชีวิตร่วมกับสมาชิกคนอื่นๆ แบบ 24 ชั่วโมงและตลอดทั้งสัปดาห์ (โดยไม่รู้ว่าสถานการณ์แบบนี้มันจะยาวนานแค่ไหน) ห้องนั่งเล่นของเราเคยทำงานได้สบายๆ คนเดียว เมื่อพื้นที่นี้ต้องใช้งานมันพร้อมกับ พ่อ แม่ พี่น้อง หรือสมาชิกคนอื่นๆ แล้ว พื้นที่แบบนั้นก็มีความเป็นส่วนตัวที่ลดลงไปอีก
ความกระอักกระอ่วนจากการใช้พื้นที่ส่วนตัวร่วมกับคนอื่นๆ ในบ้าน แบบตลอดทั้งวันและลากยาวไปนานๆ มันก็เกิดขึ้นได้กับหลายๆ คน
มันจึงกลายเป็นว่า COVID-19 ทำให้พวกเราก็ยิ่งโหยหาย ‘พื้นที่ส่วนตัวในพื้นที่ส่วนตัว’ อีกทีหนึ่งด้วยเหมือนกัน พื้นที่ส่วนตัวแบบไมโครมากๆ จึงดูจะเป็นสิ่งที่พวกเราต้องการเป็นอย่างยิ่ง
ในช่วงหลังๆ มานี้ เริ่มมีการพูดถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘New Normal’ หรือชีวิตปกติในรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นหลังจาก COVID-19
สิ่งที่เรายังต้องคอยดูกันต่อไปคือ ‘พื้นที่ส่วนตัว’ ของคนในสังคมจะเปลี่ยนไปอย่างไรกันบ้าง เมื่อพวกเราค้นพบ New Normal?
อ้างอิงจาก
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/874231
https://www.facebook.com/marutc/posts/10158423043825337
https://www.coworker.com/mag/survey-how-coworking-spaces-are-navigating-covid-19
https://www.nytimes.com/interactive/2020/04/03/us/coronavirus-stay-home-rich-poor.html
https://www.weforum.org/agenda/2020/03/coronavirus-locked-down-italy-urban-space/
https://www.wsj.com/articles/your-open-floor-collaborative-office-could-help-spread-coronavirus-11583784275