ทริปเที่ยวเกาหลีใต้ นอกจากไปติ่ง ดูคอนเสิร์ต ไปกินอาหารเกาหลี หรือไปช้อปปิ้งแล้ว ตอนนี้หลายๆ คน คงเลือกที่จะจองสตูดิโอช่างสักเกาหลี เพื่อไปสักด้วย แต่ถึงช่างสัก การสักในเกาหลีจะโด่งดังและเป็นที่นิยมมากขนาดไหน แต่มันกลับเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศ ช่างสักเองยังคงต้องทำงานแบบหลบๆ ซ่อนๆ ไม่สามารถทำงานได้อย่างเปิดเผย แม้จะเป็นอาชีพที่ทำเงินได้มากมายก็ตาม
เนื่องจากช่างภาพของ The MATTER ได้มีโอกาสไปสักกลับช่างสักชื่อดังของเกาหลีใต้ เราจึงถือโอกาสไปเยี่ยมชมสตูดิโอสัก ในย่านอิแทวอน พร้อมทั้งพูดคุยถึงประเด็นงานของเขา วงการการสักในเกาหลีที่ยังเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และมูฟเมนนต์ที่กำลังขับเคลื่อนไป เพื่อให้การสักนี้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายในอนาคตของเกาหลีใต้กัน
สตูดิโอสักในเกาหลี แทบจะไม่สามารถเปิดตัวว่าเป็นสตูดิโอได้อย่างเปิดเผย จากการเคยไปสตูดิโอสัก 3-4 แห่งในเกาหลีนั้น ทุกแห่งล้วนแต่เป็นห้องในตึก หรือข้างหน้าเปิดเป็นร้านกาแฟ หรือร้านทำเล็บ และมีห้องสตูดิโอข้างในแบบไม่เปิดเผย เช่นเดียวกับสตูดิโอ Lighthouse แห่งนี้ ที่ตั้งอยู่ชั้น 3 ของตึก ที่ด้านล่างเป็นร้านกาแฟ
การ่า หรือ Gara tattoer ช่างสักที่มีผู้ติดตามในอินตาแกรมถึง 2.3 แสนคน คือช่างสักที่เราได้มาพูดคุยด้วย โดยเขานิยามตัวเองว่า ทำงาน Black work หรืองานที่อาจเรียกได้ว่าไม่ได้รับการรับรองด้วยกฎหมาย และเขาแนะนำงานของเขากับเราว่า คอนเซ็ปต์ของเขาส่วนใหญ่พูดถึงชีวิต และความตาย งานสักของการ่านั้นเรียกได้ว่าเป็นงานค่อนข้างละเอียด และเป็นการสักโทนสีดำ ซึ่งฝีมือของเขาเอง ก็พิสูจน์ได้จากการที่มีลูกค้ามากมาย ไม่เพียงแค่คนเกาหลีเท่านั้น แต่ยังมีนักท่องเที่ยว และชาวต่างชาติ รวมไปถึงเซเลบ และแร็ปเปอร์ในวงการเพลงเกาหลี ที่มาเยือนสักถึงสตูดิโอเขาแล้วเช่นกัน
พูดถึงประเด็นการสัก ที่ยังเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เกาหลีได้กลายเป็นประเทศเดียว และประเทศสุดท้ายในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ที่การสักยังเป็นเรื่องผิดกฎหมายอยู่ หลังในปี 2020 ศาลสูงของญี่ปุ่นได้ตัดสินให้การสักเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย “ในอดีต การสักเป็นสัญลักษณ์ของแก๊งสเตอร์ที่ผู้คนหวาดกลัว แต่ว่ามุมมองของคนเกาหลีเองก็เปลี่ยนไปแล้ว กลายเป็นแฟชั่น หรือการตกแต่งร่างกาย ตอนนี้ มันเป็นเรื่องโด่งดัง และไม่ใช่ว่าเป็นสัญลักษณ์ของด้านมืด หรือแก๊งสเตอร์อีกต่อไป” การ่าเล่า
ความคิด และมุมมองของคนต่อรอยสักในเกาหลีเองก็เปลี่ยนไปมาก และตอนนี้เองก็เรียกได้ว่า เราแทบจะเห็นคนหนุ่มสาวเกาหลีที่มีรอยสักได้ทั่วไปแล้วด้วย “เราสามารถรู้ได้ว่ามุมมองเชิงลบต่อรอยสักยังคงมีอยู่ในยุคพ่อแม่ของเราโดยตามโพสต์ต่างๆ ในโซเชียล แต่ถึงอย่างนั้น การจะเห็นคนที่มีรอยสักตามรถไฟฟ้า หรือรถเมล์ก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้วในเกาหลี ในสภาเองก็มีการถกเถียงเกี่ยวกับการทำให้การสัก และรอยสักเป็นเรื่องถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งยังมีวิทยานิพนธ์ หรืองานวิชาการมากมายที่มาโต้แย้ง ผมจึงคิดว่าเรากำลังมาถูกทางอย่างค่อยเป็นค่อยไป”
เขายังบอกกับเราอีกว่าในตอนนี้ จำนวนคนที่อยากเป็นช่างสักในเกาหลีเอง ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ “ช่างสักที่มียอดติตามมากกว่า 1 แสนคนขึ้นไปในโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และพวกเขาก็ภูมิใจกับมัน พวกเขาได้ร่วมงานกับแบรนด์ต่างๆ ไม่เพียงแค่กับแบรนด์เกาหลี แต่รวมถึงแบรนด์ต่างชาติ ในงานแฟชั่น ในวงการความงาม ในฐานะหุ้นส่วนธุรกิจ ทั้งในปี 2015 ช่างสักยังเป็นอาชีพที่ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล New Job Award โดยกระทรวงแรงงานด้วย ยังไม่นับว่า ช่วงนี้จำนวนนักเรียนในโรงเรียนสอนศิลปะที่ใฝ่ฝันจะเป็นช่างสักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และบางสถาบันก็เปิดสอนสำหรับการเป็นช่างสักด้วย”
“ผมพูดได้ว่ามันเป็นเรื่องน่าผิดหวัง กับการที่การสักเป็นเรื่องผิดกฎหมาย” การ่าบอกกับเราเมื่อถามถึงประเด็นนี้ “จนถึงตอนนี้ อาชีพที่สามารถใช้เข็มกับร่างกายมนุษย์ได้อย่างถูกกฎหมายมีเพียงแค่หมอเท่านั้น แต่จำนวนช่างสักในเกาหลี ในปี 2021 มีมากกว่า 2 หมื่นคน และตลาดนี้สามารถทำเงินได้มากถึง 2 แสนล้านวอน (ประมาณ5.4 พันล้านบาท) รวมถึงถ้าเรารวมช่างสักเพื่อความงามแล้ว จะมีมากถึง 2 แสนคน และทำเงินได้มากกว่า 1 ล้านล้านวอน (ประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเมื่อเราพิจารณาจากจำนวนประชากรเกาหลี 50 ล้านคน ตัวเลขดังกล่าวถือว่ามหาศาล
จากตลาดที่ขยายตัวมากขึ้น การ่าบอกกับเราอีกว่า มันทำให้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเด็น และการโต้แย้งให้การสักเป็นงานที่ถูกกฎหมายได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่มันก็ยังไม่สำเร็จ “ในความเป็นจริง ช่างสักที่ทำการสักให้กับเซเลบบริตี้เกาหลีถูกศาลตัดสินให้จ่ายเงิน 5 ล้านวอน (ประมาณ 1.3 แสนบาท) เป็นค่าปรับเพราะทำงานที่ผิดกฎหมาย แม้ว่าเซเลบจะช่วยยื่นคำร้อง แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย” เขาเล่า
ในประเด็นนี้ คิมโดยุน หรือ Doy หนึ่งในช่างสักชาวเกาหลี ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง และผู้นำสหภาพแรงงานช่างสัก ก็ให้ข้อมูลว่า มีสมาชิกสหภาพแรงงานอย่างน้อย 6 คนจากทั้งหมดกว่า 700 คน ถูกตัดสินจำคุก และอีกหลายคนต้องจ่ายค่าปรับ เนื่องจากกฎหมายปัจจุบันห้ามไม่ให้พวกเขาสักโดยไม่มีใบอนุญาตทางการแพทย์ โดยบทลงโทษรวมถึงจำคุกสูงสุด 2 ปี หรือปรับสูงสุด 10 ล้านวอน (ประมาณ 2.7 แสนบาท)
อย่างที่รู้กันว่า แม้จะผิดกฎหมาย แต่ช่างสักเกาหลีค่อนข้างโด่งดัง คนไทยเองหลายคนก็มักดูช่างสักเกาหลีเป็นแรงบันดาลใจ หรือเซฟไว้รอมาสักที่เกาหลี การ่าเองก็บอกกับเราเช่นกันว่า เขามองว่าช่างสักเกาหลีมีความสามารถมาก “ผมรู้สึกว่า ช่างสักเกาหลีเริ่มเป็นที่รู้จักทั่วโลก และอันดับของช่างสักเองก็ไต่ขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ อันที่จริง ต้องขอบคุณความคิดริเริ่มที่น่าชื่นชมของช่างสักชาวเกาหลีในผลงานของพวกเขา ลูกค้าถึงยอมจ่ายในราคาที่แพงเพื่อมาสักถึงที่เกาหลี แต่ถึงอย่างนั้น ในประเทศเรา ช่างสักกลับถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากร และเราไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ด้วยเหตุนี้หลายคนเลยย้ายไปต่างประเทศ ที่ดูเหมือนว่าสตูดิโอสักต่างชาติก็ยินดีที่จะช่วยเหลือพวกเขา ทำให้ช่างสักได้วีซ่า เพราะความต้องการตัวช่างสักเกาหลีในต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น” การ่าบอกกับเราว่า ช่างสักย้ายไปเพื่อสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยกว่า และแน่นอนว่าการสนับสนุนศิลปินสักที่มีศักยภาพเป็นเรื่องที่ดี แต่เกาหลีทำไม่ได้ ดังนั้นมันเลยทำให้ศิลปินสักไหลออกไปยังประเทศอื่นๆ ซึ่งเขามองว่าเป็นสถานการณ์น่าเสียใจมาก
ด้วยความที่ไม่ถูกกฎหมายคุ้มครอง ช่างสักรายนี้บอกกับเราว่า หลายครั้งช่างสักเองก็เจอกับปัญหาเช่นกัน “เพราะคนรู้ว่าการสักเป็นสิ่งผิดกฎหมาย หลายๆ อย่างจึงเกิดขึ้น เช่น ลูกค้าไม่ยอมจ่ายเงินหรือขู่เราโดยบอกว่าจะแจ้งความ เป็นเรื่องน่าผิดหวังที่แม้ว่าผู้คนจะไม่จ่ายเงินสำหรับศิลปะการสัก แต่เราก็ไม่มีทางจัดการกับเรื่องนี้ได้” ไม่เพียงแค่การ่า โดยุนเองก็เคยให้สัมภาษณ์เช่นกันว่า ช่างสักหญิงบางคนเอง ก็ถูกคุกคามทางเพศ และอาชญากรรมอื่นๆ แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่แจ้งตำรวจ เพราะกลัวว่าจะถูกรายงานว่าทำงานผิดกฎหมาย
สหภาพแรงงานช่างสัก ที่มีสมาชิกกว่า 700 คน และคอยขับเคลื่อน เพื่อให้การสักเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย โดยนอกจากนี้ การ่ายังเล่าว่า “เพื่อนร่วมงานบางคนของผมได้จัดนิทรรศการเพื่อเปลี่ยนความคิดของผู้คนที่มีต่อรอยสัก พวกเราพยายามทำในสิ่งที่ทำได้ เพื่อปรับปรุงให้วงการ และสภาพแวดล้อมการทำงานของวงการศิลปินการสักดีขึ้น”
ประเด็นการสักที่ยังไม่ถูกกฎหมายในเกาหลีนั้น เป็นเพราะกฎหมายอนุญาตให้คนที่มีใบอนุญาตทางการแพทย์เท่านั้น ที่ทำงานที่เกี่ยวกับเข็มได้ ทั้งยังมีคนที่กังวล และแย้งว่าการทำให้การสักถูกกฎหมายอาจมีผลกระทบทางการแพทย์ ซึ่งการ่าก็มองว่า การทำให้ถูกกฎหมายนั้น เป็นเรื่องดีทั้งกับทั้งช่างสัก และลูกค้า “หลักการทางการแพทย์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับช่างสักส่วนใหญ่ในเกาหลี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการสักเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ทำให้มีช่างสักบางคนที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมด้านการแพทย์อย่างเพียงพอ ซึ่งแน่นอนว่ามีผลเสียต่อลูกค้า ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะฟังเสียงของเราและดำเนินการโดยเร็วที่สุด เพื่อให้การสักมีความปลอดภัยและเพื่อสุขภาพของลูกค้า”
แต่ถึงอย่างนั้น ควักแยรัม ทนายความที่ว่าความให้ช่างสักที่ถูกดำเนินคดี ก็ได้ยืนยันว่า แม้ช่างสักจะมีใบอนุญาต แต่การสักก็ยังเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในเกาหลีอยู่ดี เพราะเครื่องสักและหมึกไม่เคยได้รับการรับรองและขึ้นทะเบียนเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพราะไม่มีประเทศใดในโลกที่ผลิตและส่งออกอุปกรณ์สัก โดยกำหนดให้การสักเป็นวิธีปฏิบัติทางการแพทย์ ดังนั้นยังไง การสักก็จะถูกกฎหมายในเกาหลีได้ เมื่อมีการแก้กฎหมายเท่านั้น
“ผมต้องการทำงานอย่างถูกกฎหมายโดยไม่ต้องกังวลใดๆ” นี่คือความฝัน และเป้าหมายที่การ่าบอกกับเรา ในฐานะช่างสัก “ผมคิดว่าการสร้างตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมรอยสักของเกาหลีที่มืดมนไปสู่สิ่งมุมมองที่ดีขึ้น ควรเป็นขั้นตอนแรก และเพราะสถานการณ์ที่การสักเป็นสิ่งผิดกฎหมายในปัจจุบัน ช่างสักมีฝีมือจำนวนมากกำลังย้ายออกจากประเทศนี้ ผมหวังว่าสักวันหนึ่งการสักจะกลายเป็นสิ่งถูกกฎหมายในเกาหลี และคนที่ต้องไปต่างประเทศจะกลับมาที่ประเทศของเราเพื่อแสดงความสามารถของพวกเขาโดยไม่มีอุปสรรค และปัญหาใดๆ”
Photographer: Asadawut Boonlitsak
Graphic Designer: Krittaporn Tochan
Proofreader: Runchana Siripraphasuk