เกมออฟโทรนส์เป็นซีรีส์แฟนตาซีที่… ไม่ค่อยเหมือนที่คิดไว้เท่าไหร่ เราอาจจะคุ้นกับโลกที่มีเวทมนตร์ มีมังกร แต่ว่ามันก็ไม่ได้มืดดำ เต็มไปด้วยเกมของอำนาจที่เข้มข้น และการฆ่าฟันกันจนตัวละครตัวโปรดทั้งหลายตายกันเป็นใบไม้ร่วง โลกแฟนตาซีของลุงมาร์ติน ถ้าไม่นับเรื่องเหนือธรรมชาติ แกนเรื่องของ การแย่งชิงอำนาจ ไปจนถึงดิ้นรนของการเป็นมนุษย์คนหนึ่ง มันก็คือเรื่องที่ ‘จริงยิ่งกว่าจริง’
ในดินแดนที่ฆ่าได้ฆ่า เผาได้เผา ตัวละครทั้งหลายต่างเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่พลิกผัน และต้องตัดสินใจอย่างถูกต้องเหมาะสม การดิ้นรนในดินแดนของอำนาจจึงอยู่ที่การเติบโตและลงสนามในเกมแห่งอำนาจอย่างชาญฉลาดเพื่อเอาชีวิตรอด ชีวิตจริงของเราถึงจะไม่มีมังกรหรือการเอาดาบใหญ่มาตัดหัวกันต่อหน้า แต่เราทั้งหมดต่างก็กำลังพยายามเติบโตและดิ้นรนอยู่ในโลกที่ไร้ความปราณี ไม่ต่างอะไรกับผู้คนในอาณาจักรทั้ง 7
ดังนั้น ถึงจะเป็นโลกในจินตนาการจากเรื่องแต่ง แต่ก็เป็นเรื่องราวที่ประกอบขึ้นบนความคิด ความรู้ และประสบการณ์ของบุคคลอย่างนักเขียนแฟนตาซีระดับโลก ที่เราสามารถนำมาเป็นบทเรียนเพื่อเรียนรู้และทำความเข้าใจ ‘ปลดล็อก’ ชีวิตของเราได้ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปปลดล็อกกับ (อดีต) นักเขียนแฟนตาซีแถวๆ นี้ ที่กำลังเป็นที่กล่าวถึง
The MATTER ได้รวบรวมคำพูดของเหล่าตัวละครสำคัญๆ ในซีรีส์ ที่แฝงไว้ซึ่งปรัชญาสอนชีวิตอันคมคาย
“You know nothing, Jon Snow.” – Ygritte
ก่อนที่จะเรียนรู้อะไร ต้องเริ่มที่การรู้ว่าตัวเองยังไม่รู้อะไรเลย เป็นปรัชญาสำคัญของคนจะสามารถเรียนรู้และเติบโตขึ้นอย่างคมคายได้ หนึ่งในประโยคที่ใครๆ ก็เอามาล้อจอน สโนว์ จากคำพูดที่อีกริตต์คนรักนอกกำแพงของจอนได้โยนใส่หน้าพ่อหนุ่มสุดซื่อบื้อของเรา บางทีชีวิตเราก็ต้องการคนที่มาตอกความจริงใส่หน้าเราว่า ไอ้การที่แกคิดว่าแกน่ะเก่ง แน่ และรู้รอบทุกอย่างแล้ว จริงๆ แกนี่มันยังไม่รู้อะไรเลย การตอกไปแบบนี้จึงเป็นเหมือนการเปิดดวงตาเห็นธรรม ทำให้เราสามารถที่จะเติบโตและเติมเต็มความรู้ต่างๆ ต่อไปได้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด เป็นการลดอหังการของมนุษย์เรา
“When you play the game of thrones, you win or you die. There is no middle ground.” – Cersei Lannister
อำนาจเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ปรารถนา แต่เกมแห่งอำนาจเป็นเกมที่อันตรายและต้องชีวิตเข้าเป็นเดิมพัน เซอร์ซี แลนนิสเตอร์ เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่อยู่ท่ามกลางเกมแห่งอำนาจ สิ่งที่เธอหรือใครก็ตามที่ก้าวเข้าสู่สงครามแย่งชิงอำนาจต้องแลก ไม่ได้มีเพียงแค่ชีวิตของเธอเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชีวิตและสวัสดิภาพของผู้คน และครอบครัวที่เธอรักด้วย การเล่นเกมของอำนาจเป็นเกมที่ผู้เล่นต้องเด็ดขาด พร้อมกับเตรียมรับผลที่ไม่หอมหวานของมันไว้เสมอ
“There is only one god, and his name is Death. And there is only one thing we say to Death: ‘Not today’.” — Syrio Forel
เหล่าฮีโร่ในนิทานของเราต้องไม่ตาย!…ไม่ใช่สำหรับในเกมออฟโทรนส์ และแน่นอนว่าไม่ใช่ในชีวิตจริง ‘มนุษย์ทุกคนต้องตาย’ เป็นสัจธรรมที่ปรากฏให้เราได้ปลงเมื่อตัวละครที่เรารักตายลงไป นั่นสินะ ใครบอกว่าเป็นตัวเอกแล้วตายไม่ได้ คนก็เป็นคนคนหนึ่งที่สุดท้ายก็ตายตกไปตามชะตากรรม แต่ว่าจากคำพูดของโฟเรล อาจารย์ดาบของอาร์ยา ก็ความตายนี่แหละเป็นสิ่งแน่นอน ดังนั้นเราก็ใช้ชีวิตไปให้มันเต็มที่ ดิ้นให้เต็มแรงแล้วบอกกับความตายว่า อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่วันนี้ วันที่เรายังมีชีวิตอยู่
“There’s a beast in every man, and it stirs when you put a sword in his hand.” — Jorah Mormont
ฤดูหนาวกำลังจะมาเยือน ความมืดและความหนาวเหน็บของอากาศ อาจจะไม่เย็นเยือกเท่าหัวใจของมนุษย์ ในโลกที่ไม่ได้มีแค่ฝ่ายร้ายและฝ่ายดี สัจธรรมอย่างหนึ่งคืออำนาจสามารถดึงความชั่วร้ายของมนุษย์ออกมาได้ คำพูดของจอราห์ มอมอนต์บอกให้รู้ว่าภายในตัวเราทุกคนต่างมีปีศาจซุกซ่อนอยู่ โดยเฉพาะเมื่อเรามีอำนาจและโอกาสในมือ การใช้ชีวิตและการตัดสินใจต่างๆ ที่สัมพันธ์กับผู้คนอื่นๆ จึงต้องทำอย่างระมัดระวังตัวระมัดระวังใจ ซึ่งก็ไม่ใช่แค่กับคนอื่นเท่านั้น แม้แต่ปีศาจในใจของเราเอง ก็เป็นสิ่งที่ต้องเลี้ยงดูอย่างระวัง
“By what right does the wolf judge the lion?” — Jaime Lannister
เจมี แลนนิสเตอร์ ชายหนุ่มสุดหล่อแต่ดูจะเป็นคนที่ถูกครหามากที่สุดคนหนึ่ง เขาคือ อีตาคนที่ผลักเด็กไม่มีทางสู้ตกตึก ฆ่าพระราชาองค์ก่อน แถมมีชู้กับฝาแฝดของตัวเอง ถึงอย่างนั้นเจมีเองก็ดูจะไม่ได้เลวจนสมควรตายอะไรขนาดนั้น เพราะสิ่งที่ทำ ก็ลงมือในนามของ ‘ความรัก’ – คำพูดตอนที่เจมีผลักเด็กตกหอคอย สิ่งที่เราเรียนรู้ได้คือ ไม่มีใครที่ดำหรือขาวอย่างหมดจด ตัวละครทุกตัวต่างมีแรงจูงใจและมี ‘ศีลธรรม’ เป็นของตัวเอง เจมีจึงกล้าตั้งคำถามกลับไปยังสตาร์คว่า แล้วหมาป่ามีสิทธิอะไรที่จะมาตัดสินสิงโต นั่นสิ เพราะว่าสตาร์คเองถึงจะดูดีกว่า แต่สุดท้ายทั้งสองต่างก็ดิ้นรนและทำบางเรื่องที่อาจไม่ถูกต้อง ดังนั้นในโลกที่เรามักตัดสินคนอื่นเสมอ เมื่อเราเจอกับความซับซ้อนของคนและแรงจูงใจ ก็อาจทำให้เราคิดเรื่องต่างๆ อย่าถี่ถ้วนขึ้น ก่อนที่จะบอกว่านี่คือดีหรือเลว
เพราะเราต่างมีวิถี และความถูกต้องในแบบของตัวเอง
“A bruise is a lesson… and each lesson makes us better.” – Arya Stark
จากเด็กหญิงในตระกูลขุนนาง ชะตาชีวิตพลิกผันจนเธอต้องฟกช้ำดำเขียว และแน่ล่ะ เมื่อเวลาและเหตุการณ์ต่างๆ ผ่านไป ร่องรอยฟกช้ำของสาวน้อยก็ได้หล่อหลอมและขัดเกลาให้เธอแข็งแกร่งและแหลมคมขึ้นตามประสบการณ์ ชีวิตก็เหมือนกัน เราต่างเรียนรู้และเติบโตจากบทเรียนที่ทุบตีเราอยู่ทุกวัน ในความโหดร้ายของชะตากรรม ส่งให้เราต่างแข็งแกร่งและเติบโตขึ้น
“Let me give you some advice, bastard. Never forget what you are. The rest of the world will not. Wear it like armor, and it can never be used to hurt you.” — Tyrion Lannister
เราต่างมีความผุพังในตัวเอง ตัวละครทั้งหลายในเกมออฟโทรนส์ ไม่ได้สวยงามสมบูรณ์แบบเหมือนในนิยาย ตัวละครทุกตัวมีความผุพัง มีความพิการ แต่ในขณะเดียวกันต่างก็มี ‘ความเฉพาะตน’ ที่เป็นพลังและตัวตนให้กับตัวละครแต่ละตัวอย่างหลากหลาย ชีวิตเราก็เป็นแบบนี้ ไม่มีใครที่สมบูรณ์พร้อม สิ่งที่เราทำได้ก็อย่างที่ทีเรียนบอก ไม่ว่าเราจะเป็นใคร จงสวมกอดตัวตนของเราไว้และใช้มันเป็นพลัง อย่าให้คนอื่นใช้จุดอ่อนของเราเข้าทิ่มแทงตัวเอง อย่าเกลียดตัวเอง และอย่าพยายามอยากเป็นคนอื่น
“Life is not a song, sweetling. You may learn that one day to your sorrow.” – Littlefinger (Petyr Baelish)
โลกแห่งอาณาจักรทั้ง 7 ก็เป็นแบบนี้ ชีวิตไม่ใช่บทเพลงหรือนิยายรสหวาน ไม่ต่างอะไรกับโลกที่เราอยู่ทุกวันนี้ โลกไม่เคยมีแค่แง่งามและความสุข ไม่ใช่ปุ๋ยสำคัญสำหรับการเติบโต เราต่างต้องเรียนรู้ที่จะมองเห็นความดำมืด เรียนรู้ที่จะรวดร้าว และในความรวดร้าวนั่นแหละที่เป็นบทเรียนที่กำลังสั่งสอนให้เราเติบโตขึ้น
อ้างอิงข้อมูลจาก