หนึ่งสัปดาห์หลังปีใหม่ ยังมุ่งมั่นทำตามเป้าหมายประจำปีที่ตั้งไว้ หรือลืม New Year’s Resolution กันไปแล้ว? เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ Mark Zuckerberg เพิ่งออกมาประกาศเป้าหมายประจำปี เหมือนที่เขาทำมาทุกปีตั้งแต่ปี 2009 ส่วนของปี 2018 นี้เขาบอกว่าเขาจะ “fix Facebook” (มีคนคอมเมนต์ว่า ก็หน้าที่เฮียอยู่แล้วปะ แต่ก็น่ารอดูนะว่าจะยังไง)
ในวาระเฮียมาร์คตั้งเป้าครบ 10 ปีพอดีเป๊ะ เราเลยพาย้อนกลับไปดูกันหน่อยว่า แต่ละปีผู้ชายคนนี้เขาเคยตั้งใจทำอะไรบ้าง
2018 แก้ปัญหาการใช้เฟซบุ๊กในทางที่ผิด
ปีนี้ต่างจากปีก่อนๆ ตรงที่มาร์คไม่ได้ตั้งเป้าหมายประจำปีเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เขาบอกว่าอยากแก้ปัญหาการใช้เฟซบุ๊กในทางที่ผิด ไม่ว่าจะใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความเกลียดชัง แทรกแซงทางการเมือง หรือสร้างความแตกแยก ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องของการปรับนโยบายต่างๆ ในการใช้งาน
อีกประเด็นที่เขาสนใจในปีนี้ คือเรื่องที่ว่าเทคโนโลยีกำลังทำให้เกิดการรวมหรือกระจายอำนาจกันแน่ เพราะที่ผ่านมา หลายคนคิดว่าเทคโนโลยีหรือโซเชียลมีเดีย ทำให้คนธรรมดามีอำนาจ มีสิทธิ์มีเสียงมากขึ้น แต่ตอนนี้พอมีบริษัทด้านเทคโนโลยีใหญ่ๆ ครอบครองพื้นที่อยู่เพียงไม่กี่บริษัท รวมถึงรัฐใช้เทคโนโลยีเฝ้าจับตาผู้คน ก็เริ่มไม่แน่ใจกันแล้วว่าอำนาจนั้นยังเป็นของตัวเองอยู่ไหม แม้จะมี counter-trend อย่าง encryption และ cryptocurrency ที่ดูเหมือนจะกระจายอำนาจกลับสู่มือคน แต่ก็ยังมีปัญหาในเรื่องของการควบคุม มาร์คบอกว่าเขาอยากศึกษาเทคโนโลยีเหล่านี้ให้มากขึ้น และลองดูว่าจะเอามาปรับใช้กับเฟซบุ๊กได้ยังไง
2017 เดินทางไปพบปะผู้คนให้ครบทั้ง 50 รัฐในอเมริกา
ต้นปีที่แล้ว มาร์คบอกว่าเขาตั้งใจจะเดินทางไปพบปะผู้คนให้ครบทุกรัฐใน US เพราะเขารู้สึกว่าเทคโนโลยีมันเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตคนไปมากในช่วงสิบปีที่ผ่านมา หลายคนมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่หลายคนไม่เป็นอย่างนั้น เขาอยากลองไปดูให้เห็นแบบจริงๆ ว่าคนในแต่ละที่อยู่กันยังไง คิดอะไรกันอยู่บ้าง เพราะเป้าหมายของเขา (และเฟซบุ๊ก) คือการเชื่อมต่อผู้คนทั้งโลก และให้ทุกคนได้บอกเล่าสิ่งที่พวกเขาเป็นอยู่
2016 สร้าง AI ผู้ช่วย + วิ่งให้ได้ 365 ไมล์ (587.4 กม.)
ในปีนั้น มาร์คตั้งเป้าว่าจะพัฒนาปัญญาประดิษฐ์หรือ AI สำหรับช่วยดูแลบ้านและเป็นผู้ช่วยในที่ทำงาน (อารมณ์เดียวกับ J.A.R.V.I.S ใน Iron Man น่ะ) โดยผู้ช่วยนี่จะต้องสามารถรับคำสั่งการด้วยเสียง ควบคุมส่วนต่างๆ ของบ้านได้ เปิดประตูต้อนรับเพื่อนที่มากดกริ่งหน้าบ้านได้ และแสดงข้อมูลต่างๆ ในรูปแบบ Virtual Reality ในที่ทำงานได้ด้วย ซึ่งเราก็ได้เริ่มเห็นเฟซบุ๊กมีการเอา AI เข้ามาใช้เรื่อยๆ ตั้งแต่ปีนั้น (เพราะเฮียแกก็อยากมีไว้ใช้เอง) นอกจากพัฒนา AI เฮียแกยังตั้งใจวิ่งให้ได้ระยะทางรวม 365 ไมล์ (587.4 กิโลเมตร) หรือวันละ 1 ไมล์ในปีนั้นด้วย
2015 อ่านหนังสือให้ได้ 1 เล่มทุกสองสัปดาห์
มาร์คตั้งเป้าไว้เป็นเรื่องของการอ่านหนังสือ เพื่อที่จะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ความเชื่อ วัฒนธรรมที่แตกต่างหลากหลายของคนทั่วโลก ซึ่งเขาก็เปิดเพจ ‘A Year of Books’ เพื่อแชร์หนังสือที่เขาอ่านด้วย และไม่รู้ว่าเกี่ยวกับปณิธานการอ่านการเขียนของมาร์คไหม แต่ในปีเดียวกัน เฟซบุ๊กก็ได้ขยายแพลตฟอร์มเป็น publisher ด้วยการเริ่มฟังก์ชั่น Instant Articles ด้วย
2014 เขียนโน้ตขอบคุณคนอื่นทุกวัน
ในปีนั้น มาร์คบอกว่า ในเมื่อเราอีเมลหรือแชทหากันได้ตลอด ก็ทำให้บอก ‘ขอบคุณ’ กันได้ง่ายมาก ดังนั้นเราน่าจะลองเขียนโน้ตขอบคุณให้กันทุกวัน ซึ่งโน้ตขอบคุณของเฮียแกในปีนั้น ก็มีที่ส่งถึง Jan Koum ที่ขาย WhatsApp ให้ในราคา 22 พันล้านเหรียญ และส่งให้ Palmer Luckey ที่ขาย Oculus VR ให้ในราคา พันล้านเหรียญด้วย แหม่
2013 ออกไปเจอคนที่ไม่ได้ทำงานที่เฟซบุ๊กวันละคน
มาร์คผู้ได้ชื่อมีเป็น Introvert ขั้นสูง ในปีนั้น เขาได้พยายามผลักดันตัวเองให้ออกไปคุยกับคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่คนในที่ทำงานแบบตัวเป็นๆ (อัพเลเวล Extrovert นั่นเอง) เพราะเขามองว่าการได้พบเจอและพูดคุยกับคนที่ไม่ได้ทำงานร่วมกัน น่าจะช่วยเปิดมุมมองใหม่และทำให้ได้เรียนรู้แนวคิดที่แตกต่างได้บ้าง
2012 เขียนโปรแกรมทุกวัน
จริงๆ แล้ว การเขียนโปรแกรมนี่เป็นสิ่งที่เฮียแกโปรดปรานมาตลอด แต่เพราะมัวยุ่งๆ นู่นนี่นั่นกับเฟซบุ๊ก มาร์คเลยไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำในสิ่งที่รักเท่าไหร่ ในปีนั้น เขาเลยตั้งเป้าว่าจะทำสิ่งที่เขารักทุกๆ วัน อย่างน้อยวันละหนึ่งบรรทัดก็ยังดี แถมยังเป็นสกิลที่ทำให้เขาได้พูดคุยหรือมีปฏิสัมพันธ์กับคนในองค์กรได้อีกด้วย
2011 กินอาหารมังสวิรัติหรือเนื้อสัตว์เฉพาะท่ีฆ่าเองกับมือ
อยู่ดีๆ ปีนั้นเฮียแกก็ลุกขึ้นมาประกาศว่าจะเป็นมังสวิรัติ หรือถ้าต้องกินเนื้อสัตว์ ก็ต้องเป็นเนื้อสัตว์ที่เฮียแกฆ่าเองกับมือ (เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ผ่านขั้นตอนการทรมานมั้ง) กลายเป็นว่าปีนั้น มาร์คเลยได้กินแต่อาหารที่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงกระโจนเข้าไปเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องการทำฟาร์มและการดูแลสัตว์เพื่อกินเนื้อแบบยั่งยืน เอ้า ชีวิตดีไปอีกแน๊
2010 เรียนภาษาจีนกลาง
จริงๆ ในปีนั้น เฟซบุ๊กยังไม่ได้เข้าไปในประเทศจีนนะ (จริงๆ ตอนนี้ก็ยัง) แต่มาร์คตั้งเป้าไว้ว่าเขาจะเรียนภาษาจีนกลาง (แมนดาริน) เพราะเขาเองสนใจวัฒนธรรมจีนอยู่แล้ว บวกกับญาติของแฟนเขาก็พูดจีนด้วย ซึ่งสองสามปีถัดมา มาร์คก็ให้สัมภาษณ์เป็นภาษาจีนกับหลายสื่อเลย
2009 ผูกเนคไททุกวัน
ปีนั้น มาร์คบอกว่าตั้งใจจะผูกเนคไททุกวัน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความเอาจริงเอาจังกับเฟซบุ๊ก หลังจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2008
เห็นเป้าหมายเฮียแกแต่ละปีแล้ว ก็กลับมาย้อนดูของตัวเองบ้าง 10 ปีที่ผ่านมา เราตั้งใจทำอะไรและทำอะไรสำเร็จไปบ้างนะ? อืมมมมมมมมมมม์
ที่มาภาพ work.qz.com
อ้างอิงจาก
– facebook.com
– fastcompany.com