กราบแล้ว กราบอยู่ กราบต่อ กราบอีก!!! … ใครบอกคนไทยไม่เริดขอเถียงสุดใจ โดยเฉพาะไอเดียสุดบรรเจิดของนักสร้างมีม (meme) การเมืองที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก แถมไวปานจรวจ อย่างหลังแลนดิ้งของอดีตนายกฯ ทักษิณแล้วปรากฏตัวเพียงไม่กี่นาที แต่ก็ทำเอาแจ้งเตือนบัญชีโซเชียลมีเดียของใครหลายคนไฟลุกทันที
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ที่การแสดงความเห็นทางการเมืองอยู่ภายใต้การจับจ้องของมือที่มองไม่เห็น โดยเฉพาะในช่วงภายหลังการรัฐประหาร 2557 การวิพากษ์รัฐของคนทั่วไป จึงต้องงัดทุกกลยุทธ์ออกใช้ หนึ่งในนั้นคือมีมล้อเลียน
ด้วยธรรมชาติของมีมที่นำความขบขันมาลดทอนถ้อยคำรุนแรง เพื่อให้เอาชนะความเห็นต่างของผู้คน และสื่อสารไปถึงคนวงกว้าง เราถึงได้เห็นภาพของช่วงพีกๆ ที่เพจทางการเมืองดังใช้มีมแสดงความเห็น จนโด่งดัง อย่างเพจไข่แมว คาราโอเกะชั้นใต้ดิน เป็นต้น
สะท้อนว่า มีมการเมืองไทยมีนัยสำคัญมากไปกว่าความสนุกขบขัน แต่เป็นหนึ่งหน้าบันทึกของสังคม ในวันที่การเมืองยังเป็นเรื่องพูดได้ยาก
หากคุณเป็นตัวละครสำคัญทางการเมือง มีมไม่ต่างกับการบันทึกชีวประวัติ แนวความคิด ไปจนถึงทิศทางก้าวต่อไปบนเส้นทางการเมือง ทั้งของตัวเองและบริวารรอบข้าง อย่างที่เกิดขึ้นกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในตอนนี้ The MATTER จึงถือโอกาสนี้หยิบยกมีมส่วนหนึ่งที่ทำให้อดีตนายกฯ ยังอยู่ อยู่ต่อ และไม่เคยหายไปจากหน้าสื่อให้ดูกัน
กราบแผ่นดิน
ย้อนไปในช่วงพลัดถิ่นครั้งแรก ซึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้ารัฐประหาร 2549 เพียง 10 วัน ทำให้ทักษิณต้องใช้ชีวิตในต่างแดนราว 1 ปี 5 เดือน ก่อนจะเดินทางกลับไทย เมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2551 จนเกิดเป็นภาพประวัติศาสตร์กราบแผ่นดิน
วินาทีที่อดีตนายกฯ ก้าวออกมาจากอาคารผู้โดยสาร สนามบินสุวรรณภูมิ แล้ว ‘ก้มกราบแผ่นดิน’ ก่อนจะสวมกอดสมาชิกครอบครัว ถูกจับภาพโดยสื่อมวลชนทุกสำนักที่ไปรอทำข่าว จนกลายเป็นภาพหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกหัว
และในวันที่โซเชียลฯ เฟื่องฟู ภาพดังกล่าวก็ถูกนำมาพูดถึงบ่อยครั้ง ในแง่ของการเป็นหนึ่งเหตุการณ์ทางการเมืองซึ่งมีแสดงออกที่มีสัญลักษณ์ที่มีความหมายในเชิงภาพ อย่างในบทความวิจัย เรื่อง การเมืองของภาพถ่ายในประวัติศาสตร์การเมืองไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2475 จนถึง พ.ศ. 2562 ได้อธิบายประเด็นนี้เอาไว้ว่า
การกราบแผ่นดินเป็นสิ่งแรกทันทีที่อยู่ต่อหน้าสาธารณชนในการกลับมาถึงไทย เป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดหมาย ถือเป็นการแสดงออกทางสัญลักษณ์ที่ใช้ตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ที่สามารถเข้าถึงความรู้สึกในระดับปัจเจกบุคคลได้ง่าย และตรงไปตรงมา นำมาสู่ผลลัพธ์ทางการเมือง ที่ทำให้คนบางส่วนเห็นถึงความบริสุทธิ์ใจต่อแผ่นดิน และเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับตนเองและผู้สนับสนุนในฐานะคนไทยรักแผ่นดิน ซึ่งเป็นประเด็นโต้แย้งสำคัญในช่วงเวลาดังกล่าว
แม้ว่าจะไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนจากอดีตนายกฯ ถึงเหตุผลเบื้องหลังภาพดังกล่าว แต่ด้วยการถูกนำมาใช้เป็นมีมในภายหลังจนเป็นกระแส จึงทำให้การหวนกลับไทยที่เพิ่งเกิดขึ้น ผู้คนต่างคาดเดาท่าทีไปต่างๆ นานา
และเพียง 3 นาทีกับการปรากฏตัว หลังแลนดิ้งที่สนามบินดอนเมือง ด้วยการโค้งทำความเคารพ วางพวงมาลัย และย่อตัวลงกราบพระฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ก็เพียงพอที่จะกลายเป็นมีมใหม่ทางการเมืองที่ถูกส่งต่อกัน
ถูกทักษิณซื้อไปแล้ว
ด้วยการบริหารอย่างเป็นระบบ เด็ดขาด กล้าตัดสินใจ จนพาประเทศข้ามผ่านช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจด้วยทฤษฎีทักษิโณมิกส์ (Thaksinomics) ในช่วงเวลาที่ทักษิณนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 แม้จะถูกโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นระบอบทักษิณ แต่ในสายตาของนานาชาติเขาก็เป็นผู้นำประเทศที่ได้รับการยอมรับอยู่พอตัว
ถึงทำให้ครั้งเกิดการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ซึ่งหลายประเทศพากันออกมาแสดงความผิดหวัง ผ่านองค์กรยักษ์ใหญ่ และสำนักข่าวต่างประเทศ อย่าง CNN BBC เป็นต้น และนั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นของวาทกรรมทางการเมืองว่า ‘ถูกทักษิณซื้อไปแล้ว’ ที่ถูกใช้โต้ตอบนานาชาติ ซึ่งมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เห็นด้วยกับข้อความนั้น
เช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองของเหล่าคนเสื้อแดง ที่หนีไม่พ้นวาทกรรมถูกจ้างมา จนพัฒนามาเป็นมีมถูกทักษิณซื้อไปแล้วจนทุกวันนี้
แต่ก็ใช่ว่าอดีตนายกฯ จะใส่ใจ เพราะตลอดช่วงเวลาที่ในชีวิตในต่างแดน เขาไม่ได้ห่างหายไปจากความสนใจ และไม่เคยหยุดส่งสัญญาณทางการเมืองผ่านสื่อต่างประเทศเลย แถมยังได้รับกระแสตอบรับที่ดีอยู่ตลอด
อย่างช่วงก่อนเลือกตั้งใหญ่ ที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับเหล่าชาวช่อง ด้วยการมาออกรายการไกลบ้าน ก็มีซีนพูดปิดท้ายคลิปของฟาโรส ที่ว่า “เชื่อป่ะ เดี๋ยวต้องมีคนพูดว่า ช่องนี่โดนทักษิณซื้อไปแล้ว” พร้อมเสียงหัวเราะอร่อยสุดๆ ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่ามีมนี้แมสขนาดไหน
จากจุดเริ่มต้นที่มุ่งโจมตีบรรดาสื่อมวลชน จนถูกใช้ล้อเลียนถึงทุกความเห็นที่เป็นทางบวกต่ออดีตนายกฯ แต่ธรรมชาติของมีมที่ยิ่งเว่อร์ยิ่งปัง ถึงได้ต่อยอดไปถึงมีมว่า ‘ทักษิณซื้อได้ทั้งจักรวาล’
ดูเหมือนว่า ความตั้งใจสร้างภาพตัวร้ายให้กับอดีตนายกฯ ของวาทกรรมตั้งต้น จะถูกความตลกร้ายของผู้คนในสังคมลดทอนลงเรื่อยๆ
อะไรๆ ก็กู
จะว่าไปมีม อะไรๆ ก็กู อาจอนุมานได้ว่าเป็นภาคต่อของวาทกรรมถูกทักษิณซื้อไปแล้วก็อาจจะเป็นได้ ด้วยความตลกร้ายที่ไม่ว่าจะปัญหาฝนตกรถติด ไปจนถึงประเด็นการเมืองใหญ่ ก็สามารถกล่าวโทษไปถึงทักษิณได้
อย่างที่ พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของทักษิณ อ้างถึงโพสต์ในโซเชียลมีเดียที่เขียนเหน็บแนมเอาไว้ ตามความช่วงหนึ่งว่า ‘กู้ชาติ ก็เพราะทักษิณขายชาติ ทำรัฐประหาร ก็เพราะทักษิณสร้างความแตกแยก ตั้ง คตส. [คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ] ก็เพราะทักษิณโกง ร่างรัฐธรรมนูญ ปี 50 ก็เพราะทักษิณเป็นเผด็จการรัฐสภา…’
จากมีมอะไรๆ ก็กูที่ถูกใช้ทางการเมือง เมื่อถูกนำไปล้อกับชีวิตประจำวันของใครหลายคน ถึงได้แพร่หลายไปทั่วบ้านทั่วเมือง ทั้งบรรดาพ่อบ้านที่บ่นศรีภรรยา หรือลูกน้องที่บ่นเจ้านาย
ทั้งการใช้มีมอื่นตอบโต้ก็ยิ่งเพิ่มความสนุก และทำให้มีมนั้นๆ ยังคงถูกส่งต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งส่วนหนึ่งก็ไม่ได้มาจากคำพูดที่เกิดขึ้นจริง อย่าง ‘เกิดเรื่องอะไรเหี้ยๆ ให้โทษกูได้เลยไมต้องเกรงใจ’
ช่างแม่มัน
“Let it be, let it be, let it be, let it be
ช่างแม่มัน ช่างแม่มัน ช่างแม่มัน ช่างแม่มัน”
เชื่อว่าหลายคนยังคงจดจำ Let It Be เพลงตำนานของวง The Beatles ที่ถูกอดีตนายกฯ ทักษิณ ขับร้องด้วยไฮไลท์เนื้อแปลงท่อนฮุก ที่ติดหูตามชื่อเพลง ‘Let It Be’ เป็นว่า ‘ช่างแม่มัน’ ที่ติดหูยิ่งกว่า จนถูกนำมาใช้เป็นมีมในเวลาต่อมา
ยืนยันด้วยเสียงตอบรับของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ร่วมฟังเพลงเวอร์ชั่นนั้นแบบสดๆ จากเวทีปราศรัย ในเมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา เมื่อ 14 เมษายน 2555
ทั้งนี้อดีตนายกฯ เล่าเหตุผลที่อยากร้องเพลงนี้บนเวทีว่า “มันเป็นเหมือนเพลงของคนเก็บกด ต้องอยู่เมืองนอกนาน หาคำตอบไม่เจอ”
และดูเหมือนเหตุผลดังกล่าวจะถูกใจใครหลายคน ไม่เว้นปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่หยิบเวอร์ชั่นนั้นมาร้องลงโซเชียล พร้อมอารมณ์จัดเต็ม ในวันที่เกิดกรณีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยึดที่ดินเขาสนฟาร์มไก่ หลังคณะทำงานของกรมป่าไม้ และสปก. ตรวจพบว่าบุกรุกป่าสงวนฯ 46 ไร่ และที่ดิน สปก.อีก 691 ไร่
‘Whisper words of wisdom, let it be จะเป็นจะตายก็ช่างแม่มัน ช่างแม่มัน’ ได้ยินเพลงนี้ทีไร หลายคนคงสลัดฉบับแปลงเนื้อไม่หลุดเสียที
ทำไมดักดานขนาดนี้
ในช่วงที่คลับเฮาส์เป็นที่นิยม กลุ่มการเมือง CARE คิด เคลื่อนไทย ได้ใช้พื้นที่นี้จัดวงเสวนาอยู่บ่อยครั้ง และหนึ่งคนที่ร่วมสนทนาอยู่ตลอด คือ โทนี่ วู้ดซัม นามแฝงของทักษิณ ในการใช้งานแอปพลิเคชั่นดังกล่าว
จนครั้งที่โทนี่ ร่วมเสวนาในตอนล็อกดาวน์แล้วยังไงต่อ ซึ่งพูดถึงการล็อกดาวน์และแนวทางการจัดการวัคซีนของไทย เขาก็ได้แสดงความเห็นวิจารณ์ไปพอสมควร แต่ความน่าสนใจกลับไปอยู่ช่วงที่พูดถึงสื่อช่องหนึ่งที่อ้างว่า เขาถือหุ้นอยู่ในบริษัทผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่
“เมื่อก่อนว่าผมมีหุ้น ปตท. ถ้าไปหาผมเจอหุ้นหนึ่งนะ เจอว่าผมมีหุ้นในเทมาเส็ก หรือในไฟเซอร์เนี่ย หรือ ปตท.เนี่ย ผมจะให้หุ้นละล้าน ถ้าไม่มีหาไม่เจอ ช่วยเอาผ้าอนามัยปิดปากแทนแมสก์แล้วกัน…มันแย่จริงๆ ผมฟังเขานั่งออกรายการ ผมแบบ ตายห่า ทำไมมนุษย์คนหนึ่ง มันดักดานขนาดนี้ เห็นแล้วสมเพชจริงๆ”
ด้วยถ้อยคำชี้แจงที่หลับตาฟังยังรู้ว่าเดือดนี้เอง ที่ทำให้มีมทำไมดักดานขนาดนี้ ปรากฏในโลกออนไลน์ทันที
ในวันที่สังคมไทยยังสนทนาเรื่องการเมืองได้ไม่เต็มปาก มีมการเมืองก็น่าจะยังมีบทบาทต่อไป โดยเฉพาะกรณีของอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่กลับไทยยังไม่ถึงสัปดาห์ก็มีเรื่องให้เซอร์ไพรส์ได้ตลอด แต่ยิ่งมีมเยอะเท่าไหร่ ยิ่งตอกย้ำว่าตัวละครนี้ไม่เคยหายไปจากหน้าการเมืองไทยเลย … แต่พูดแบบนี้ ก็ไม่ได้แปลว่าทักษิณ ซื้อ The MATTER ไปนะค้า