ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความรักครั้งแรกยังคงเด่นชัดอยู่เสมอ เราน่าจะยังจำความรู้สึกตอนที่เตร่ไปแถวๆ บ้าน จำการขี่จักรยานฝ่าแสงแดดร้อนๆ และใบหน้าเราที่ร้อนผ่าวขึ้นเมื่อเจอใครบางคน คนที่เราแอบชอบ
สุดท้าย กิจกรรมก็มีอยู่เท่านั้น ไปยืนดูประตู ไปเห็นหลังคาบ้าน แค่นี้ก็สุขใจ นอนหลับฝันดี
ความรักมักเป็นเรื่องของความชิดใกล้ ยิ่งรักครั้งแรก เราก็มักจะแอบชอบแอบเล็งคนที่อยู่รอบๆ ตัว เป็นเพื่อนบ้าน เป็นคนในย่านเดียวกันนี่แหละ อาจจะเป็นใครสักคนที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน ลูกๆ ของร้านข้าวหรือร้านของชำที่เรากินประจำ เพื่อนบ้านที่เดินสวนและส่งยิ้มให้กันตามมารยาท
รักครั้งแรกอาจจะเป็นเรื่องยุคสมัย เมื่อก่อนเราใช้ชีวิตและเจอกันในละแวกเดียวกัน ในยุคดิจิทัลไม่แน่ใจว่าวัยเด็กจะอยู่กับการขี่จักรยานไปแถวๆ บ้าน หรือไปแกร่วอยู่ตามร้านขายของชำ ร้านเช่าหนังสือ ไปจนถึงร้านเกมอีกไหม สมัยนี้เราอาจจะตกหลุมรักกันผ่านเฟซบุ๊ก เจอกันตามห้าง ตามที่เรียนพิเศษ ความสัมพันธ์ของคนดูจะไม่ค่อยขึ้นกับละแวกบ้านหรือระยะทางอีกแล้ว
ประสบการณ์การส่องหลังบ้านเลยดูจะเกี่ยวข้องกับชีวิตแบบอนาล็อก เพราะเดี๋ยวนี้ถ้าเราอยากส่องใคร เราก็น่าจะส่องตัวตนของคนๆ นั้นในโลกออนไลน์ ไม่จำเป็นต้องถ่อไปส่องถึงบ้านช่อง เดี๋ยวนี้เรานึกถึงใคร กดมือถือแวบเดียวก็สามารถส่องวิถีชีวิตความเป็นอยู่ผ่านเฟซบุ๊ก ไอจี ได้ทันที
ใกล้ชิด ชิดใกล้ ความสัมพันธ์ที่งอกงามจากเรื่องเล็กๆ
เป็นเรื่องธรรมดาที่สายตาเราจะมองหาคนที่ใช่อยู่เสมอๆ ดังนั้นเลยไม่แปลกที่เรามักจะแอบชอบคนที่อยู่ในละแวกเดียวกันและเจอกันบ่อยๆ มีงานสำรวจที่บอกว่า เรามักจะลงเอยกับคนที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา คือยิ่งได้เจอกัน ใช้เวลาด้วยกัน แถมมีไลฟ์สไตล์ใกล้ๆ กัน ก็ยิ่งทำให้คนสองคนมีโอกาสขุดพรวนความสัมพันธ์ได้มากขึ้น
กลับมาที่ก่อนจะสร้างความสัมพันธ์ ขั้นตอนของการแอบชอบอาจจะเริ่มจากการมองตากัน ทักทาย มีปฏิสัมพันธ์กันตามวาระโอกาส มีทฤษฎีว่าด้วยความสัมพันธ์หนึ่งคือ คนสองคนจะเริ่มหยั่งความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งด้วยการผ่านสถานการณ์ตึงเครียดคับขันไปด้วยกัน
พูดแล้วก็นึกถึงพวกฉากซ้ำๆ ในหนังในละคร คือ โอเค เราเจอหน้าซื้อของกันในเหตุการณ์ปกติ แต่การปิ๊งกันมักเกิดขึ้นเมื่อคนสองคนบังเอิญตกอยู่ในเหตุการณ์ไม่ปกติและมีการช่วยเหลือพึ่งพากันไปได้ ในละครก็มักจะมีฉากแบบ…พายุเข้า มีคนแปลกหน้าเข้ามาเอี่ยว ซึ่งซีนแบบว่าฝนตกฟ้าร้องแล้วสบตากัน ในชีวิตอันแสนสั้นของมนุษย์เรานี้ บางคนก็อาจจะเคยเจอก็ได้เนอะ
คือว่าในชีวิตจริง เหตุการณ์คับขันและเจ้า ‘ความตึงเครียดในความรู้สึก’ อาจจะไม่ได้ cinematic ใหญ่โตมโหฬารเหมือนอย่างในสื่อบันเทิง การช่วยเหลือเป็นที่พึ่งทางใจในยามคับขันที่อาจเป็นเรื่องจิ๋วๆ เช่น การเดินไปส่ง ช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ การรับฟังในยามทุกข์ใจ สุดท้ายบางทีการกระทำเล็กๆ พวกนี้แหละที่ค่อยๆ ก่อตัวจนกลายเป็นความรัก
แอบรักเพื่อนบ้าน… ในตอนที่เป็นผู้ใหญ่
ประสบการณ์แอบชอบเพื่อนบ้านและการไปยืนดูหลังคาบ้านอาจจะเป็นความทรงจำที่ยังสดใสและทำให้เขินนิดๆ ได้ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่ถ้าเราดันไปแอบชอบเพื่อนบ้านในตอนที่เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว คราวนี้เรื่องหัวใจอาจจะไม่โรแมนติกเท่าไหร่เหมือนตอนที่เราอายุสิบเจ็ดสิบแปด
ในคอลัมน์คำถามจากทางบ้าน เหล่าผู้คนที่ไปรักกับเพื่อนบ้านดูจะเจอปัญหากันหลายคน ส่วนใหญ่การตกหลุมรักมักจะเกิดจากความชิดใกล้ จากการช่วยเหลือกันเล็กๆ น้อยๆ คงด้วยความ ‘สบายๆ’ ของการอยู่บ้านก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายดูอบอุ่นนุ่มนวลไปโดยปริยาย หลายครั้งรักข้างบ้านมักเป็นเรื่องของพ่อเลี้ยงเดี่ยว แม่เลี้ยงเดี่ยว หรือกระทั่งการไปแอบรักคนมีเจ้าของ
ตัดเรื่องความรักต้องห้ามออกไป เว็บไซต์ด้านความสัมพันธ์ก็มักจะบอกว่าความรักกับเพื่อนบ้านถือเป็นเรื่องที่ไม่แนะนำเท่าไหร่ หลักๆ แล้วมักจะพูดถึง ‘ความใกล้กันจนเกินไป’ การไม่มีพื้นที่ส่วนตัว การเจอกันบ่อยๆ อาจนำไปสู่ความจำเจเบื่อหน่าย ไปจนถึงถ้าเกิดความสัมพันธ์ไม่เวิร์ก ด้วยความที่บ้านใกล้กันก็อาจจะลำบากใจไปตลอด
จะว่าไป เจ้าความเสี่ยงทั้งหมดที่ว่ามาก็ดูจะเป็นความเสี่ยงของความสัมพันธ์โดยทั่วไป คือถ้าความสัมพันธ์ที่จะยั่งยืนได้ คนสองคนก็ต้องบริหารปัญหาเรื่องความใกล้ชิดและความจำเจให้ได้ในท้ายที่สุดอยู่ดี
การแอบชอบคนแถวบ้านถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์และความทรงจำที่ทำให้เรายิ้มได้ หลายคน แม้เวลาจะล่วงไปเนิ่นนานแค่ไหน แต่เมื่อโชคชะตาเล่นตลกให้กลับมาเจอคนที่เราแอบรักครั้งแรก หรือกระทั่งบังเอิญผ่านและได้เห็นบ้านหลังเดิมๆ ที่เคยเทียวมาส่อง หัวใจดวงน้อยๆ ของเราก็อาจจะยังคงเต้นแรง เรียกเอาความรู้สึกชาๆ เขินๆ กลับขึ้นมาอีกครั้ง
วันหยุดแบบนี้ ลองแอบกลับไปดูบ้านที่เคยไปส่องสมัยเด็กๆ ดู ถือเป็นการออกกำลังหัวใจให้กลับมาสูบฉีดอีกครั้ง
อ้างอิงข้อมูลจาก