“โอ๊ยยยย…มันจะเปลี่ยนทำไมเนี้ย หาอะไรก็ไม่เจอ!” – เพื่อนคนที่ 1
“มึง…หน้าเพจกูเป็นอะไรวะ?” – เพื่อนคนที่ 2
“พี่มาร์คเล่นผมซะแล้ว” – เพื่อนคนที่ 3
ช่วงนี้ในออฟฟิศบรรยากาศอึมครึม ทุกครั้งที่มีคนเปิดใช้ Facebook ก็จะมีคนกร่นด่าและตั้งคำถามถึงการตัดสินใจครั้งนี้ของพี่มาร์ค ว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจเปลี่ยนหน้าตาของโซเชียลมีเดียที่เราคุ้นเคยกันมาหลายปี
สำหรับคนที่เฟซบุ๊กยังหน้าตาเหมือนเดิม อีกไม่นานคุณก็จะรู้สึกถึงความเจ็บปวดครั้งนี้ด้วยไม่ต้องเป็นห่วง
เมื่อปีก่อนที่ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ได้ประกาศการปรับเปลี่ยนหน้าตาของเฟซบุ๊กในงาน F8 ซึ่งมันไม่ใช่แค่ปรับแต่งหน้าตานิดๆ หน่อยๆ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของบริษัทเลยก็ว่าได้ เพราะอย่างแรกที่หายไปเลยก็คือบาร์สีน้ำเงินที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของบริษัทถูกลบทิ้งไป มี ‘group tab’ ที่โผล่เพิ่มขึ้นมาด้านบนเพื่อให้เราสามารถเชื่อมต่อกับกลุ่มที่เราเป็นสมาชิกอยู่ได้ (เหมือนการโฟกัสนี้จะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ) โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็ค่อยๆ ถูกปล่อยออกมาให้กับผู้ใช้งานได้ลองใช้เรื่อยๆ ในส่วนของสมาร์ตโฟนตั้งแต่ปีที่แล้วในกลุ่มเล็กๆ ก็มีการทดลองใช้ แล้วค่อยๆ ขยายมายัง desktop จนในตอนนี้พวกเขาพร้อมแล้วที่จะปล่อยออกสู่สาธารณะทั้งหมด
สำหรับคนที่ใช้เฟซบุ๊กเป็นประจำจะรู้ว่าปกติแล้วจะมีการปรับแต่งหน้าตา จับนู่นจับนี่มาใส่อยู่เสมอ แต่นั้นเทียบไม่ได้เลยกับครั้งนี้ ดีไซน์เดิม (เรียกว่า ‘classic facebook’) นั้นอาจจะดูคุ้นเคยตา หาอะไรง่าย เพราะเราชินกับมัน แต่ที่จริงแล้วมันเป็นดีไซน์ที่ออกจะเก่าและมีอะไรก็ไม่รู้วุ่นวายไปหมด ยกตัวอย่าง sidebar ที่เอาฟีเจอร์อย่าง Watch หรือ Gaming ไปยัดไว้ข้างในนั้น และหลายส่วนก็มีทางเข้าทางออกหลายทางจนพันกันยุ่งเหยิงไปหมด
ถ้าย้อนกลับไปดูตั้งแต่ช่วงที่เฟสบุ๊คเริ่มเข้าสู่ตลาดสมาร์ตโฟนแรกๆ (ช่วงประมาณปี ค.ศ.2011) ตอนนั้นแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ตโฟนของพวกเขาใช้ภาษา HTML5 ที่เป็นภาษาเดียวกับที่ใช้เขียนเวอร์ชั่น Desktop ซึ่งมันใช้ได้ แต่ปัญหาของมันก็คือว่าความช้าแล้วก็มีข้อบกพร่องเยอะมาก ต่อมาในปี ค.ศ.2012 พี่มาร์กก็บอกวิศวกรของพวกเขาว่าจะเริ่มใหม่ ทุกอย่างต้องเป็น native apps (ภาษาสำหรับระบบปฎิบัติการนั้นๆ) ทั้งหมด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้แม้จะใช้เวลาและทรัพยากรที่เยอะมาก แต่ผลลัพท์ก็เป็นที่น่าพึงพอใจสำหรับทุกฝ่าย สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีสำหรับผู้ใช้งาน Tom Occhino ผู้บริหารฝ่ายวิศกรของบริษัทให้สัมภาษณ์กับ Engadet ว่า
“เราต้องปรับตัวอย่างมากเพื่อให้เป็นไปตามสิ่งที่สมาร์ตโฟนต้องการ”
ระหว่างนี้เฟซบุ๊กก็ยังคงมีอัพเดทบนเว็บไซต์เดิมอยู่บ้าง เพราะรู้ว่าตอนนี้ผู้ใช้งานเริ่มหนักไปทางสมาร์ทโฟนกันเยอะขึ้น ความสำคัญของหน้า desktop ก็น้อยลงเรื่อยๆ จึงไม่น่าแปลกใจที่จะทำให้มันช้าและยุ่งเหยิงเหมือนอย่างที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ เพราะเทคโนโลยีบางอย่างที่ใช้บนสมาร์ตโฟนก็ไม่ได้เอามาใช้
แต่ต่อมาภายหลัง พวกเขากลับมองเห็นว่าที่จริงแล้วจะไปโฟกัสแต่กับ
สมาร์ตโฟนก็คงไม่ได้ เพราะถึงแม้ว่าคนจะเข้ามาทางนั้นกันเป็นส่วนใหญ่
แต่ก็มีผู้ใช้งานอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังใช้ desktop อยู่
จากข้อมูลที่พวกเขาไปเก็บมาก็พบว่าผู้ใช้งานบางคนจะเลือกใช้เฟซบุ๊กบนสมาร์ทโฟนหรือ desktop แล้วแต่ว่ากำลังทำอะไรอยู่ สมมติว่าอยากอ่านข่าวหรือดูภาพก็จะใช้สมาร์ตโฟน แต่ถ้าอยากซื้อของจาก Marketplace หรือใช้โพสต์ในกรุ๊บต่างๆ คนกลับใช้ desktop มากกว่า
ด้วยเหตุผลแบบนี้เองที่พี่มาร์คตัดสินใจว่าจะต้องปรับเปลี่ยนหน้าตาของ desktop เวอร์ชั่นให้เข้ากับการใช้งานของลูกค้ามากยิ่งขึ้น อันไหนที่ลูกค้าใช้บ่อยๆ (และที่พวกเขาอยากจะปั้นให้เด่น) ก็ควรเห็นได้ชัดและเข้าถึงได้ง่าย (เริ่มเข้าใจปุ่ม ‘groups’ ว่าทำไมถึงถูกดึงมาไว้เด่นด้านบนเลย) ส่วนอันไหนที่ไม่ใช้ก็เก็บซ่อนเอาไว้เพราะไม่งั้นก็รกที่เปล่าๆ โดย Occhino อธิบายต่อว่า
“เว็บไซต์อันเก่าของเราถูกออกแบบมาสำหรับสิ่งที่คุณเคยใช้บน facebook.com ในอดีต ซึ่งก็ไม่ได้ตรงกับรูปแบบการใช้งานของในปัจจุบันแล้ว”
โดยเฟซบุ๊กตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าดีไซน์ใหม่นี้จะ ‘เร็วขึ้น ทันสมัย และ ตรงประเด็น’ ซึ่งไอ้คำว่าตรง ‘ตรงประเด็น’ (relevant) เนี้ยแหละที่ทำให้เราเห็นบางอย่างที่ลูกค้าใช้งานเยอะๆ และฟีเจอร์ที่เฟซบุ๊กพยายามจะปั้นให้เราใช้งานมากขึ้นมารวมกัน
อีกคำถามที่หลายคนถามก็คือเรื่องของแถบสีน้ำเงินอันเป็นสัญลักษณ์ของบริษัทที่หายไป Dan Lebowitz หัวหน้ากลุ่มนักออกแบบผลิตภัณฑ์ของบริษัทอธิบายว่าหน้าตาแบบใหม่นั้นจะช่วยดึงดูดให้เราสนใจสิ่งทีควรสนใจมากกว่าและการที่ปรับให้มันเรียบง่ายกว่าเดิมนั้นช่วยให้เปลี่ยนเป็น ‘dark mode’ ที่มีคนเรียกร้องกันมาเยอะมากได้อย่างรวดเร็วขึ้น บาร์ข้างบนก็จะมีไอคอนห้าอันตรงกลาง คือ Home, Watch, Marketplace, Groups และ Gaming ส่วน Search Bar ถูกย่อขนาดลงมาแล้วยัดไปทางซ้ายมือติดกับไอคอนสีฟ้าอันใหม่ของเฟสบุ๊ค
ตรงกลางของหน้าจอถัดลงมาก็จะเห็น ‘Story’ ที่ได้รับความนิยมมากในอินสตาแกรม (แต่สำหรับเฟซบุ๊กเองกลับไม่ได้รับความสนใจเท่าไหร่) ถัดลงมาก็เป็นช่องสร้างโพสต์ของเรา ต่อด้วยการสร้างห้องวีดีโอแชทกับเพื่อนแล้วก็เป็น news feed ที่เราคุ้นเคยกันดี ส่วนบาร์ด้านซ้ายก็เปลี่ยนให้ไอคอนใหญ่ขึ้น แถมพื้นที่ขอบก็ถูกตัดออกจนหมดทั้งด้านซ้ายและขวา
ในส่วนของปุ่มที่ถัดจาก Home คือ ‘Watch’ ที่เฟซบุ๊กพยายามจะผลักให้คอนเทนต์ที่เป็นวีดีโอได้รับการเข้าถึงมากยิ่งขึ้นแม้ว่าผู้ใช้งานอาจจะไม่ได้เป็นพื้นที่สำหรับการเสพพวกวีดีโอคอนเทนต์เท่าไหร่นัก แต่ด้วยการย้ายปุ่มมาวางตรงนี้ก็จะทำให้ผู้ใช้งานที่ใช้หน้าจอที่ใหญ่สำหรับ desktop ได้ชมคอนเทนต์วีดีโอก็น่าจะทำให้ประสบการณ์ดีกว่าหน้าจอมือถือ (คือมันก็คงไม่ใช่จะมาแทน Netflix หรืออะไรแบบนี้หรอก แค่คงดีกว่าเดิมหน่อยหนึ่ง)
ต่อมาก็ ‘Marketplace’ ซึ่งเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น เป็นทางเลือกของการซื้อขายของออนไลน์ โพสต์ขาย โพสต์ตามหา จากข้อมูลของเฟซบุ๊กที่เก็บมาพบว่าคนซื้อของกันผ่านสมาร์ตโฟนมากขึ้นก็จริง แต่จะเป็นไอเทมที่มีราคาไม่สูงมากถ้าเทียบกับการซื้อขายผ่าน desktop ที่ไอเทมที่ซื้อกันจะราคาสูงกว่า เหตุผลอาจจะเป็นเพราะว่าการตัดสินใจซื้อบนสมาร์ทโฟนอาจจะดูรายละเอียดไม่สะดวก ภาพเล็กไป หรือระหว่างที่ดูสินค้าก็แชทคุยกับคนขายไปด้วย ฯลฯ ผู้ใช้งาน Marketplace เลยซื้อของชิ้นใหญ่ๆ ด้วย desktop มากกว่า
ต่อมาก็เป็น ‘Groups’ ที่หลายคนเริ่มหันมาให้ความสนใจมากขึ้นแล้ว
ตอนนี้เมื่อเข้ามาที่หัวข้อนี้เฟซบุ๊กจะสร้าง feed ของกรุ๊ปที่เราอยู่ในนั้น
เป็นเหมือน message board เรื่องที่เราสนใจ
เพราะฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่าต่อไปโพสต์ที่อยู่ตามกลุ่มจะถูกผลักมาอยู่ในนี้และทำให้สมาชิกนั้นเห็นง่ายขึ้นด้วย ส่วนคนที่เป็นแอดมินของกรุ๊ปก็จะเห็นพวก setting และ เมนูต่างๆ ที่ถูกย้ายมาอยู่ทางด้านซ้ายมือให้เข้าถึงง่ายขึ้น (Member Requests, Activity Log, Pending Posts, Insights ฯลฯ) สำหรับ Page Managers เองก็ถูกย้ายมาอยู่ทางซ้ายมือ เข้าไปปุ๊บก็จะเห็นพวกการตั้งค่า กล่องข้อความ insights ต่างๆ ทางซ้ายมือ ซึ่งทำให้หาง่ายและเข้าใจง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน (แต่ก็อาจจะต้องใช้เวลาสักพักถึงจะเริ่มรู้สึกได้)
ส่วนสุดท้ายคือ ‘Gaming’ ที่เฟซบุ๊กพยายามจะทำให้เป็น livestreaming สำหรับคอเกมเมอร์ทั้งหลาย คู่แข่งโดยตรงเลยก็จะเห็น Twitch และ YouTube Gaming ซึ่งเฟซบุ๊กมีสัดส่วนในตลาดเพียงแค่ 8.5% เท่านั้น แน่นอนว่าการที่เฟซบุ๊กทำปุ่มขึ้นมาเพื่อ Gaming โดยเฉพาะก็คงเห็นอะไรบางอย่างว่าตลาดนี้น่าจะโตไปได้อีก เพราะมีการเซ็นสัญญากับสตรีมเมอร์ดังๆ อย่าง Jeremy “Disguised Toast” Wang, Gonzalo “ZeRo” Barrios และ Ronda Rousey อีกด้วย
ส่วนอื่นๆ ก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงอีก อย่างปุ่ม + มุมขวาบนที่ให้เราสามารถสร้างโพสต์ สร้างเพจ สร้างสตอรี่ ฯลฯ ถัดไปก็เป็นปุ่ม messenger แล้วก็ notifications โดยรวมแล้วประสบการณ์การใช้งาน (ตามที่เฟสบุ๊คกล่าวอ้าง) น่าจะลื่นไหลขึ้น
แต่ฟีดแบ็กที่กลับมาก็มีหลายแบบ ทั้งบอกว่าใช้งานได้ดี ทั้งบอกว่าอยากเจอคนที่ออกแบบดีไซน์เพราะมีคำถามมากมายว่าทำไมถึงทำร้ายกันแบบนี้ ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่การเปลี่ยนแปลงแบบนี้สำหรับบริษัทขนาดใหญ่อย่างเฟซบุ๊ก ผู้ใช้งานต้องเกิดคำถาม ความสับสน จนกระทั่งความขุ่นข้องหมองใจ เป็นเรื่องธรรมดา ก็เหมือนกับตอนที่เฟซบุ๊กเริ่มออกแบบ ‘News Feed’ ในช่วงแรกที่มีคนต่อต้านถึงขั้นอยากลบบัญชีไปเลยก็มี แต่สุดท้ายคนก็ชินแล้วมันก็อยู่กับเราจนถึงทุกวันนี้
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผลในตัวมันเอง แม้ว่าผู้ใช้งานทุกคนอาจจะไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมดก็ตาม มันอาจจะทำให้ประสบการณ์การใช้งานลื่นไหลมากขึ้น โหลดเร็วขึ้น เข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น เป้าหมายของพวกเขาไม่ได้ทำเพื่อให้คนแห่กลับมาใช้ desktop (เหมือนตอนที่ไปทำ native ของสมาร์ทโฟน) แต่เป็นการทำให้การใช้งานที่เรียบง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นบน desktop มากกว่า การปรับโฉมใหม่ครั้งนี้ก็เป็นสัญญาณอันดีว่าบริษัทเองก็ไม่ได้ลืมผู้ใช้งานกลุ่ม desktop ที่ยังเป็นส่วนสำคัญของสังคมออนไลน์อยู่
สำหรับผู้ใช้งานเองก็คงกร่นด่า กัดฟันใช้ไปสักพัก เดี๋ยวก็คงชิน จนวันหนึ่งในอนาคตถ้าเฟซบุ๊กตัดสินใจจะเปลี่ยนอีกเราก็คงวนกลับมาตั้งคำถามเดิมๆ อีกครั้งว่า “พี่มาร์กคิดอะไรอยู่?”
อ้างอิง