เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ปวดหัว ปวดคอ ปวดชาไปทั้งหัวใจ เมื่อหัวหน้าสั่งแก้งาน เมื่อยามคิดงานไม่ออก หรือเมื่ออ่านหนังสือสอบไม่ทัน คุณมีวิธีคลายเครียดเฉพาะหน้า ให้ใจมันเย็นลงสักเพียงแค่ลมหายใจเดียวอย่างไรกันบ้าง?
บนโลกนี้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์และหน้าจอโทรศัพท์กลายเป็นจุดวางสายตาแทบจะทุกนาทีของมนุษย์เมื่อยามตื่น อาการปวดหัว หรือตึงเครียดอาจจะมาปรากฏให้เรารู้สึกได้อยู่บ่อยๆ เพราะความเครียดที่สะสมจากการใช้สายตาอย่างหนักกับการจ้องหน้าจอ แถมยังไม่นับความกดดันต่างๆ นานา ที่นำพามาจากการงานและการเรียน จึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่เราจะได้เห็นมีมตลกในอินเตอร์เนตพูดคุยกันถึงเรื่องอาการการปวดหลังที่เกิดขึ้นได้กับหนุ่มสาวออฟฟิศวัยทำงาน อาการนั่งทำงานไปปวดหลังไป คอ บ่า ไหล่ เกิดอาการตึงเครียดจนคุณสามารถขานเรียกตนเองว่า เป็นคนตัวตึง ได้ โดยไม่ต้องสรา้งวีรกรรมใด
คงจะเป็นกลไกการเอาตัวรอดของมนุษย์ตามธรรมชาติ เมื่อใดก็ตามที่เกิดปัญหา เราจะพยายามปกป้องรักษาตัวเอง สัญชาตญาณการเอาตัวรอดบางอย่างของมนุษย์เรามันคงจะเรียกร้องว่า ถ้าปวดหัว ปวดหลัง มากนัก ก็หาอะไรสักอย่างมาบรรเทาความเครียดให้มันคลายลงเสีย และหนึ่งในความโชคดีของการได้อาศัยอยู่ในประเทศแถบเอเชีย ก็คือ เรามีผลผลิตทางวัฒนธรรมและสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่า
ยาดม!
ยาดมที่ทุกการสูดจะทำให้หอม เย็น ชื่นใจ คลายเครียด ต่างแบรนด์ต่างยี่ห้อก็มีหลากหลายกลิ่นที่ต่างกันออกไป แต่ยาดมหงส์ไทย กระปุกเขียวสะท้อนแสง คงเป็นไอเทมที่ทั่วทุกออฟฟิศหรือนักเรียนทั้งประเทศไทยรู้จักเป็นอย่างดีกับกิตติศัพท์การสูดดมแล้วเย็นชื่นใจตั้งแต่จมูกไปจนถึงก้านสมอง
เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมา แร็ปเปอร์ชื่อดังจากเกาะอังกฤษ เซนทรัล ซี (Central Cee) ให้สัมภาษณ์กับ British Vogue ถึงของที่เขามีไว้ใช้ติดตัว ไอเท็มทั่วไปที่เราคาดหวังจากนักร้องต่างปรากฏให้เห็นในวิดิโอสัมภาษณ์ทั้ง หูฟัง พาสปอร์ต สมุดโน็ตบันทึก แต่หนุ่มสาวชาวไทยทุกคนต่างคงต้องตะลึงเมื่อ เซนทรัล ซีเงื้อมมือหยิบกระปุกเขียวสะท้อนเเสงที่เราต่างคุ้นเคยออกมาจากกระเป๋าหลุยส์ใบโตของเขา
ใช่แล้ว เซนทรัล ซีก็ติดยาดมหงส์ไทยเหมือนกัน! เขาบอกว่า “อังกฤษน่าจะทำยาดมแบบนี้บ้าง…ถ้าผมใช้อันนี้หมด ผมต้องสั่งเข้ามาจากไทยแล้ว”
นอกจากรันวงการหนุ่มสาวออฟฟิศ วัยทำงาน วัยเรียนและคนทั่วไป ดูเหมือนกับว่ายาดมหงส์ไทยกำลังจะไปรันวงการแรปถึงอังกฤษแล้ว เราคงต้องขอพบหน้าเพื่อพูดคุยกับต้นตอความเย็นชื่นใจไปถึงก้านสมองนี้เสียหน่อย กับ ธีระพงศ์ ระบือธรรม ผู้ก่อตั้ง เจ้าของ และผู้คิดค้น ยาดมหงส์ไทย
“ก่อนผมจะมาทำหงส์ไทยนี่ผมทำมาหลายอย่าง ผมทำงานประจำมาตั้งแต่อายุ 13 เคยเป็นเด็กหยิบของอยู่ที่บ้านหม้อ ทำงานโรงพิมพ์ ทำงานบริษัทแคตตาล็อก ทำงานบริษัทจัดหาชุดยูนิฟอร์ม เคยเป็นทหารด้วยนะ แล้วก็ไปทำงานสารคดีท่องเที่ยว ทำงานอู่รถ…แต่เอาเป็นว่างานที่ทำมันไม่ค่อยจะพอกิน ก็ต้องหาอาชีพเสริม ก็เดินขายของไปทั่ว
“ผมเริ่มรับของไปเร่ขายตามตลาด เริ่มจากน้ำพริกแคปหมู พอตลาดน้ำพริกแคปหมูเริ่มซาลงก็เปลี่ยนไปทำพิมเสนน้ำเร่ขายตามปั๊มน้ำมันและมินิมาร์ทแทน เมื่อกิจการพิมเสนน้ำดูเหมือนว่าจะไปได้ดี ก็โดนกลไกของตลาดเข้าโจมตี
“ตอนนั้นกิจการผมดีเลย ดีมากๆเลยนะ พิมเสนน้ำเนี่ย แต่ผมโดนตีเรื่องราคา สมมติว่าผมทำส่งอยู่ที่ขวดละ 30 บาท มีคนมาส่งราคาถูกกว่าผมที่ 25 บาท 15 บาท …เจ้าของร้านเขาก็ต้องเลือกคนที่เขามาส่งที่ราคาถูกกว่า ซึ่งจริงๆ ผมก็ทำได้นะราคา 15 บาท 25 บาท คือผมทำให้ราคามันถูกลงได้ ผมรู้ว่าต้องทำยังไง แต่ผมไม่ทำ ถ้าจะให้ผมทำของที่มันคุณภาพด้อยลงผมไม่ทำหรอก แล้วสุดท้ายผมก็ต้องถอยนะ เพราะพวกเจ้าของร้านเขาต้องไปรับเจ้าที่ถูกกว่า อันนี้ผมก็เข้าใจเขา”
“พอผมหายไปสัก 2 ปี ได้ ผมมีอันจะต้องกลับไปที่ร้านที่ผมเคยส่งพิมเสนน้ำ ก็มีคนมาบอกผมว่า เฮีย มีลูกค้าเขายังรอเฮียอยู่นะ เขายังตามกลับมาหาพิมเสนน้ำของเฮียอยู่ เห้ย ตอนนั้นผมคิดเลยนะ นี่แหละผมอยากได้ความรู้สึกแบบนี้”
“ความรู้สึกที่ทำให้คนคลั่งไคล้เรา รอแต่เรา
ผมขอแบบนี้ทั้งประเทศเลยได้ไหม”
คุณธีระพงศ์พลางเล่าไป นัยน์ตาเริ่มเป็นประกายเมื่อพูดถึงความรู้สึกที่เขาเฝ้าฝันถึงมาแสนนานและเขาได้ค้นเจอแล้วว่า สิ่งที่ทำให้ไฟในกายเขาลุกคือการทำให้ลูกค้าติดใจในตัวสินค้า
หลังจากกิจการพิมเสนน้ำซาไป คุณธีระพงศ์เริ่มทำน้ำมันนวดออกมาขาย เนื่องด้วยเป็นสินค้าที่มาแรงเมื่อ 16-17 ปี ที่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ อยู่มาวันหนึ่งชายหนุ่มวัยกลางคนผู้ทำน้ำมันนวดส่งขายลูกค้าคนนี้ เกิดเหลียวหลังโกยเศษซากสมุนไพรที่ใช้เป็นวัตถุดิบผลิตน้ำมันนวดที่วางตัวเรียงรายอยู่ในขวดโหลขึ้นมาดม
“มีอยู่วันหนึ่งผมเอากากสมุนไพรที่ใช้ทำน้ำมันขึ้นมาลองดมดู โกยเอาจากโหลนี่แหละขึ้นมาดม เห้ย…ชื่นใจว่ะ ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าคนอื่นเขาจะชื่นใจเหมือนเราไหม ไม่เป็นไร ผมก็ลองดู เอากระปุกสีขาวๆ มาใส่กากดูแล้วลองใช้ดมดูเอาเอง เออ มันชื่นใจดีนะ ผมเลยคิดว่า เอา…ลองดู ทำขายดู ก็ทำออกมา 32 ขวด”
“ตอนแรกแฟนผมกับแม่ผมยังถามอยู่เลยว่า ทำอะไรมาขายเนี่ย ทำมาแล้วใครเขาจะกล้าดม พอโดนทักแบบนี้ผมก็ไม่กล้าเอาไปขาย แต่ผมคิดว่าเอาหน่า ลองดู ผมก็เอาตัวอย่างแค่กระป๋องเดียวนี่แหละไปให้ลูกค้าลองดมดู ปรากฏว่าที่ทำไว้ 32 กระป๋อง กลับมีออเดอร์มา 36 กระป๋อง ผมก็เริ่มมั่นใจว่าน่าจะขายได้ ก็ทำยาดมแบบนี้แหละไปขายที่แรกเลยคือที่ตลาดโลตัสพระรามสอง ผมก็เดินขายไปเรื่อย แค่เดือนแรก ผมมีออเดอร์มา 600 กระป๋อง”
“ดีใจเลยสิคะ” เราถามตามพร้อมปรบมือด้วยความดีใจกับเรื่องเล่าของคุณธีระพงศ์ที่การเดินทางต่อสู้บนเส้นทางการขายของของคุณธีระพงศ์คลี่คลายเสียที
“ ดีใจสิ ดีใจเลย 600 กระป๋อง นี่ลูกค้าสั่งไปเป็นของชำร่วยนะครับ ผมนี่ต้องเร่งเพิ่มกำลังการผลิตเลย จากวันนั้นจนถึงวันนี้ยาดมหงส์ไทยที่คุณเห็นๆ กันเนี่ย เราพัฒนามา 32 ครั้งนะครับ คือปรับปรุงมาเรื่อยๆประมาณ 32 ครั้ง คือผมก็พัฒนามันมาเรื่อยๆ ผมคิดว่าผมก็เริ่มจะเชี่ยวชาญเรื่องกลิ่นแล้วนะ ดมไปดมมาก็พอจะจับทางได้ว่า เห้ย อันนี้กลิ่นนั้นมันแทงแหลมขึ้นมาเกินไป ก็ไปทอนมันลงมา จนมันลงตัว”
“แล้วคุณทราบไหมว่า ยาดมหงส์ไทย นี่ฮิตมากเลยในหมู่วัยรุ่น” เราถามนำจากการสังเกตพฤติกรรมของน้องๆ ในออฟฟิศหลายคนที่ต้องมีกระปุกยาดมหงส์ไทยไว้ที่โต๊ะเสมอ
“มีคนเคยถามผมว่าผมจับกลุ่มวัยรุ่นใช่ไหม ผมบอกเลยว่าจริงๆ แล้วผมจับทุกกลุ่ม เพราะตอนผมเดินขายของในตลาดนัด ผมเจอวัยรุ่นมาขายของเยอะนะ ผมเจอพ่อค้าแม่ค้าทุกวัย คือผมคุยกับทุกคน ทุกกลุ่ม ผมเจอตั้งแต่คนอายุ 10 กว่าไปถึง 80 กว่า เพราะฉะนั้นยาดมหงส์ไทยนี่จับทุกกลุ่มนะครับ ไม่ใช่แค่วัยรุ่น ผมนี่เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้โดยตรง ได้รับคำชมโดยตรง ได้รับคำตำหนิก็โดยตรงนะครับ (หัวเราะ)”
นอกจากความสำเร็จที่เป็นภาพประจักษ์ตากันอยู่แทบจะทั่วทุกออฟฟิศในประเทศไทย ที่ต้องมียาดมหงส์ไทยวางอยู่ ยาดมหงส์ไทยยังนำพาให้คุณธีระพงศ์ก่อตั้ง บริษัทสมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ซึ่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์สินค้าอยู่ 50 กว่าชนิด
จากคำพูดในวันนั้นของคุณธีระพงศ์ที่อยากให้คนทั้งประเทศคลั่งไคล้เพราะติดใจในกลิ่นของพิมเสนน้ำที่วางขายในปั๊มน้ำมัน จนวันนี้กาลเวลาและกลิ่นที่ติดตรึงตราในลมหายใจที่สูดดมจากกระปุกยาดมหงส์ไทยคงได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่เพียงแค่คนไทย ที่คลั่งไคล้ในกลิ่นหอมสมุนไพรของยาดมหงส์ไทย นอกจากจะเย็นจนถึงขั้วสมองในทุกการสูดดม กลิ่นสมุนไพรที่หอมเย็นจากยาดมหงส์ไทยนี้ ยังทำให้เรารู้สึกเย็นสบายสงบลึก
แม้จะเพียงแค่เสี้ยวนาทีที่หายใจก็ตาม