ตอนที่บทความนี้ลงในเว็บ หลายๆ ท่านก็คงกำลังสนุกกับการสาดน้ำสงกรานต์คลายร้อนอยู่ คงได้กลับมาอ่านตอนเย็นๆ หลังจากเล่นน้ำเสร็จกันแล้ว (ยกเว้นแต่จะอุตสาหะ รักกันระดับใส่มือถือในซองกันน้ำเพื่อรออ่าน)
แน่นอนว่าการมีวันหยุดยาวก็เป็นเรื่องดี แต่สำหรับคนที่กลับบ้านต่างจังหวัด หรือพยายามไปเที่ยวช่วงนี้ ก็คงต้องเอือมกับการสัญจร ไม่ว่าจะด้วยรถของตัวเองหรือการขนส่งมวลชนสาธารณะทั้งหลาย ไม่ว่าทางไหนก็ต้องเจอความแออัดแน่นอนครับ
แต่ก็อาจจะเหมือนการปลอบใจตัวเองหน่อยว่าไม่ได้เป็นแค่บ้านเราหรอก ประเทศอื่นที่เขาล้ำหน้าเราแถมมีการขนส่งสาธารณะชั้นดีก็ยังไม่วายต้องเจอปัญหาแบบเดียวกันเวลามีวันหยุดยาวเช่นนี้ ทั้งประเทศจีนและญี่ปุ่น ซึ่งก็ขอนำเสนอของญี่ปุ่นตามถนัดแล้วกันครับ เพราะมันใกล้ช่วงเวลาแห่งการอพยพของมวลมหาประชาชาวญี่ปุ่นครั้งใหญ่อีกครั้งช่วงที่ว่าคือ ‘Golden Week’ นั่นเองครับ
Golden Week คือชื่อที่ใช้เรียกช่วงวันหยุดยาวของญี่ปุ่น ที่เรียงตามนี้ครับ
วันที่ 29 เมษายน วันโชวะ
วันที่ 3 พฤษภาคม วันรำลึกรัฐธรรมนูญ
วันที่ 4 พฤษภาคม วันสีเขียว
วันที่ 5 พฤษภาคม วันเด็กผู้ชาย
ซึ่งถ้าวันใดวันหนึ่งไปชนกับวันเสาร์หรืออาทิตย์ ก็จะมีการชดเชยเพิ่มให้อีก ทำให้เมื่อดูจากปฏิทินแล้วถ้ายอมลาซะหน่อย ก็สามารถหยุดได้ยาวๆ เกินสัปดาห์เลยทีเดียว
หลายๆ หน่วยงาน ก็เลือกที่จะประกาศให้เป็นวันหยุดยาวให้กับพนักงานไปเลย จะได้ไปพักผ่อนยาวๆ ก่อนที่กลับมาลุยงานกันต่อ
จริงๆ แล้ว เรื่องแนวคิดของ ‘วันหยุด’ ก็มาพร้อมๆ กับการเปลี่ยนเป็นสังคมสมัยใหม่ ที่ทุกอย่างมีระบบระเบียบ และ Golden Week ของญี่ปุ่นก็เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่สองนี่เองครับ ด้วยการที่มันเป็นช่วงที่มีวันหยุดอยู่ใกล้ๆ กัน เขาจึงเพิ่มวันหยุดเข้าไป โดยมีเป้าหมายให้เป็นช่วงหยุดยาวสำหรับคนทำงานนั่นเอง
ซึ่งตัววันหยุดเองก็มีสองวันที่เปลี่ยนตามกาลเวลานะครับ วันแรก ‘วันโชวะ’ แต่เดิมคือวันพระบรมราชสมภาพของสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ก่อน พอท่านสวรรคต ก็เปลี่ยนเป็น ‘วันสีเขียว’ ในปี 1989 เพื่อระลึกถึงและชื่นชมธรรมชาติ ก่อนที่ปี 2007 จะถูกเปลี่ยนเป็น ‘วันโชวะ’ จนถึงปัจจุบัน เพื่อเป็นการยกย่องสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ก่อนนั่นเอง เพราะรัชสมัยของท่านมีชื่อว่า ยุคโชวะ นั่นเองครับ
ส่วนวันสีเขียวในปัจจุบัน เพิ่งมาเพิ่มเป็นวันหยุดในปี 1985 โดยเรียกว่าเป็น ‘วันหยุดแห่งชาติ’ (วันหยุดของประชาชน) เอาดื้อๆ ไม่มีเหตุผลอะไรพิเศษครับ เอ้า ก็อยากให้หยุดน่ะ มีอะไรมะ ซึ่งก็ใช้ชื่อนี้มาตลอด ก่อนที่ปี 2007 จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น วันสีเขียว แทนวันสีเขียวเดิมซึ่งถูกเปลี่ยนเป็นวันโชวะนั่นเอง
กลับมาที่ Golden Week ชื่อนี้จริงๆ ก็ไม่ได้เป็นชื่อทางการอะไรนะครับ แต่เดิมเขาก็เรียกแค่ช่วงหยุดยาวเท่านั้น แต่ในปี 1951 หลังจากที่เห็นได้ชัดว่าเจ้าช่วงหยุดยาวนี้ช่วยให้ยอดขายของตั๋วหนัง (รวมถึงสถานบันเทิงต่างๆ) พุ่งพรวดทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ และในปีนั้น ภาพยนตร์เรื่อง Jiyuu Gakkou ของบริษัท Daiei ก็กลายเป็นผลงานฮิตทำรายได้สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมา ทำให้คุณ Matsuyama Hideo กรรมการบริหารของบริษัทเรียกช่วงเวลานี้ว่า Golden Week ไป และกลายมาเป็นชื่อสามัญจนถึงทุกวันนี้ ชนิดที่สื่อมวลชนเกือบทั้งหมดก็ใช้กัน รวมถึงคำย่อว่า GW อีกด้วย
ที่บอกว่า “เกือบ” เพราะมีเจ้าหนึ่งไม่ยอมใช้แน่นอน นั่นคือ NHK นั่นเอง
เพราะความเข้มงวดของ NHK ที่วางตัวเป็นมาตรฐานเรื่องการใช้ภาษาของสังคมญี่ปุ่น ทำให้ NHK เลือกไม่ใช้คำว่า Golden Week เพราะถือว่าเป็นศัพท์เฉพาะวงการที่จุดเริ่มต้นจากวงการบันเทิง แม้ปัจจุบันคนทั่วไปก็จะเข้าใจกันแล้วก็ไม่ใช้ แถมยังมีเหตุผลประกอบอื่นอีกมากนะครับ ตั้งแต่การพยายามเลี่ยงการใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษ การที่คนที่ไม่ได้หยุดงานช่วงนั้นอาจจะรู้สึกไม่ดีก็ได้ รวมไปถึงหลายกรณีที่ระยะเวลาที่หยุดไม่ใช่ 1 สัปดาห์ตรงเป๊ะ จะใช้คำว่า Week ก็ไม่เหมาะสม สุดท้ายเลยเลือกใช้คำว่า ‘ช่วงหยุดยาวในฤดูใบไม้ผลิ’ แทน
แต่ไม่ว่าจะชื่อไหน สำหรับคนได้หยุดก็เป็นเรื่องน่ายินดีเสมอครับ ซึ่งในประเทศที่มีความหนาแน่นของประชากรสูงมากแบบญี่ปุ่น พอพยายามจะออกไปเที่ยว หรือกลับบ้านตัวเองพร้อมกัน ก็เป็นเรื่องวุ่นสิครับ ทุกปี วันแรกและวันสุดท้ายของ Golden Week จะเป็นวันที่เราได้เห็นรายงานข่าวปริมาณคนมหาศาลที่สถานีรถไฟและสนามบิน ต่างคนต่างแย่งกันเดินทาง โดยเฉพาะวันสุดท้ายที่ทุกคนอยากจะรีบกลับมาทำงาน ต่างก็แย่งกันเดินทาง ใครจองตั๋วโดยสารไม่ได้หรือเลือกใช้รถยนต์ก็ลำบากล่ะครับ แต่ละปีจะได้เห็นรายงานทีวีว่า แต่ละช่วงของทางด่วนระหว่างจังหวัดติดหนักแค่ไหน ติดยาวกี่กิโล ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ก็สำคัญต่อการตัดสินใจเดินทางมากครับ แม้บางคนจะบอกว่าก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะยังไงก็ต้องไปติดอยู่ติด แต่อย่าลืมว่าคนในท้องถิ่นที่ไม่ได้เดินทางก็อาจจะได้รับผลกระทบ อย่างเวลาผมไปบ้านภรรยาเมื่อตรงช่วงโกลเด้นวีค บางทีแค่จะไปซื้อของที่เมืองข้างๆ แต่ลืมเช็คเส้นทางก่อน ขึ้นทางหลวงระหว่างจังหวัดไปเจอกับรถคนกลับบ้านเต็มๆ ก็ติดยาวครับ จริงๆ เลือกวิ่งทางปกติก็จบแล้ว เฮ้อ
ความลำบากก็ไม่ใช่แค่เรื่องรถติดด้วยครับ เพราะเป็นช่วงแห่งการท่องเที่ยว ทำให้คนที่กะจะไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงนั้น ต้องเจอกับราคาโรงแรมที่พุ่งขึ้นสูงมากเพราะหายากเหลือเกิน ยิ่งตอนนี้ญี่ปุ่นก็มีปัญหาโรงแรมไม่เพียงพอสำหรับนักท่องเที่ยวที่แห่กันมาถล่ม ยิ่งทำให้จองยากขึ้นไปอีก แถมจะไปเที่ยวไหนก็ต้องไปเบียดกับชาวญี่ปุ่นที่อาศัยช่วงนี้เป็นช่วงพักผ่อนกับครอบครัว นี่ขนาดว่าช่วง Golden Week เป็นช่วงฮิตสำหรับชาวญี่ปุ่นในการไปเที่ยวต่างประเทศแล้วนะครับ ก็ยังเหลือคนจำนวนมหาศาลที่จะหาแหล่งที่เที่ยวในประเทศอีกด้วย
กล่าวง่ายๆ คือ ใครจะไปญี่ปุ่นช่วงนั้นก็คิดให้ละเอียดแล้วกันครับ เพราะรับรองว่าได้เจอของหนักแน่ แถมเขาไม่ได้มีเทศกาลอะไรให้เฮฮาแบบสงกรานต์บ้านเราด้วย ไปเที่ยวก็มีแต่จะเจอกับรถติดและคนแย่งกันกินกันเที่ยว เลี่ยงได้เป็นเลี่ยงดีกว่านะครับ แหม่ ส่วนตัวผม หลังๆ กลายเป็นว่า ชอบอยู่บ้านสงบๆ ตามช่วงเทศกาลนี่ล่ะครับ ประเสริฐสุด