ถ้าเรื่องของรสนิยม คือความชอบเฉพาะบุคคลเราคงบอกได้เพียงว่า Norse Republics คือแบรนด์นำเข้าเฟอร์นิเจอร์จากสแกนดิเนเวียที่มีรสนิยมชัดเจนมาก ถ้าคุณลองได้เดินเข้าไปในโชว์รูมของ Norse ที่ซอยสุขุมวิท 49 หรือจะเป็นที่โชว์รูมแห่งแรกของ Norse ที่เป็นบ้านหลังงามที่ถูกสรา้งมาตั้งแต่ยุค 1950 ในซอยสมคิด ย่านชิดลม หรือที่ตอนนี้ทุกคนเรียกที่แห่งนี้จนติดปากไปแล้วว่า House of Fritz Hansen
คุณอาจจะรู้สึกลืมตัวไปได้ในชั่วขณะ ว่านี่คุณกำลังเดินอยู่ในโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพประเทศไทย ที่ๆ องศาฟาเรนไฮต์และแดดร้อนๆ ของพระอาทิตย์ทำงานอย่างหนักหน่วงแบบไม่มีวันพักตลอดทั้งปี ไม่ใช่ที่โคเปนเฮเกนหรือออสโลแต่อย่างใด
นอกจากเหล่าทัพเฟอร์นิเจอร์จากสแกนดิเนเวียที่ตั้งเรียงรายวางอยู่ในโชว์รูมของ Norse จะเผลอพาให้เราคิดไปว่า หรือนี่เรากำลังอยู่ที่เดนมาร์กนะ? ก็คงจะเป็นที่การจัดไลต์ติ้งของที่นี่ อุณหภูมิของที่นี่ สุ่มเสียงและบรรยากาศของที่นี่ ที่ทำให้มวลรวมโดยรอบมันพัดพาเราไปจนทำให้เราเข้าใจว่า คนที่ก่อตั้งแบรนด์นำเข้าเฟอร์นเจอร์แบรนด์นี้ คงหลงใหลในความเป็นสแกนดิเนเวียนอย่างสุดหัวใจ จนถึงขั้นยกทุกอย่างที่พอจะสร้างกลิ่นอายของความเป็นสแกนดิเนเวียมาไว้ที่ไทย แถมยังอยากชักชวนให้คนอื่นๆ หันมามองแบรนด์เฟอร์นิเจอร์จากแถบสแกนดิเนเวียนสักหน่อยเหมือนกับที่เขาทั้งรักทั้งอินกับมันขนาดนี้
และคนคนนั้นคือ วีกฤษฏิ์ พลาฤทธิ์ (ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ NORSE Republics)
จากเดิมที่เป็นนักศึกษาวิศวะและไปเรียนต่อด้านดีไซน์ที่อิตาลี จนได้เดินทางไปที่ยุโรปตอนเหนือหรือที่คนทั่วไปมักเรียกว่าสแกนดิเนเวียนนั่นแหละ วีกฤษฏิ์เริ่มได้สัมผัสกับเฟอร์นิเจอร์ของดีไซน์เนอร์จากสแกนดิเนเวีย ไม่ใช่เฉพาะแค่ในโชว์รูม แต่เขาได้ใช้มันจริงๆ จากการได้นั่งเก้าอี้ที่เขาไปตามคาเฟ่ โซฟาหรือม้านั่งตามที่สาธารณะ แทบจะทุกที่ที่เขาไป เขาได้ประสบการณ์ตรงแทบทั้งสิ้นกับการใช้เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เนอร์
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความเชื่อที่อยู่ในใจว่า
ถ้าเขาเอาแบรนด์เฟอร์นิเจอร์แบบสแกนดิเนเวียนเข้ามาขายในไทย
น่าจะมีคนที่ชอบในสิ่งเดียวกันกับที่เขาชอบบ้างล่ะ
จากเดิมที่เคยมองว่าการดีไซน์เฟอร์นิเจอร์บางเจ้าที่มีหลักการในการทำเฟอร์นเจอร์ขึ้นมาหลายๆ รูปแบบเพื่อให้เหมาะกับลูกค้าหลายๆ กลุ่ม เช่น บางแบรนด์จะทำโซฟาหรือเก้าอี้ออกมาหลายๆ ขนาดความสูง ให้เหมาะกับคนที่มีขนาดของรูปร่างที่แตกต่างกัน
เมื่อวีกฤษฏิ์ได้ศึกษาที่มาที่ไปของเฟอร์นิเจอร์แบรนด์จากสแกนดิเนเวีย วีกฤษฏิ์จึงได้ค้นพบความสวยงามในความยั่งยืนของความเป็นสแกนดิเนเวียนดีไซน์ว่า ถ้าเราใช้เวลาและความละเอียดให้มากพอ การออกแบบเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้ของหนึ่งชิ้นเหมาะสมกับทุกคนได้
เช่น เก้าอี้ของสแกนดิเนเวียนไม่จำเป็นต้องมีองศาหรือความสูงหลายขนาด แต่เขาดีไซน์ คิดและทดลองมาเป็นอย่างดีแล้วว่าความสูงขนาดนี้ องศาขนาดนี้จะทำให้เก้าอี้หนึ่งตัวตัวนี้ทำให้คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกความสูงนั่งแล้วรู้สึกสบายได้
หรือหากเป็นการดีไซน์ของโซฟาแบบสแกนดิเนเวียน ก็จะดีไซน์ให้ออกมาเพียงแค่แบบเดียว ขนาดเดียวเท่านั้น เพราะคิดมาดีแล้วว่า นี่คิดขนาดของโซฟาที่ดีที่สุดที่ใช้ได้กับทุกคน
และถ้าพูดถึงเรื่องความละเอียดของดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ ตามประสาคนรักโคมไฟอย่างเรา คงจะต้องพูดถึงการดีไซน์ไลท์ติ้งของชาวสแกนดิเนเวียนที่ถ้าหากเราสังเกต เราคงจะเห็นความละเอียดอ่อนในการคิดมาอย่างดีแล้วว่า ส่วนใหญ่โคมไฟของสแกนดิเนเวียจะถูกออกแบบมาไม่ให้เราเห็นหลอดไฟ เพราะไม่อยากให้เราแสบตาเมื่อต้องมองมาที่โคมไฟ ดังนั้นแสงไฟที่ออกมาจากโคมไฟจึงเป็นแสงไฟที่นุ่มนวล อบอุ่นและสบายตา
ทั้งหมดทั้งมวลทุกความละเอียดลออ ไม่ได้ถูกคิดขึ้นมาแต่เพียงว่าอยากให้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้เข้าได้กับทุกคนในบ้านเพียงเท่านั้น แต่มันถูกคิดขึ้นมาด้วยหลักการของการอยากเป็นส่วนหนึ่งของความยั่งยืนที่ อยากให้คุณได้ซื้อเฟอร์นิเจอร์ให้น้อยครั้งที่สุดอีกด้วย คือซื้อไปเพียงแค่ครั้งเดียวแต่ใช้ได้ทนทานและใช้ได้นานๆ ไม่อยากให้คุณมาซื้อซ้ำใหม่อีกเพราะมันเสียง่าย พังเร็ว ฟังดูแล้วเป็นหลักการความคิดที่ขัดต่อหลักการทำธุรกิจที่อยากให้วงจรชีวิตของสิ่งของมีวันหมดอายุที่รวดเร็ว คนจะได้กลับมาอุดหนุนซื้อซ้ำได้อีกบ่อยๆ
แต่นี่คือหลักการความยั่งยืนแบบสแกนดิเนเวียนยังไงล่ะ!
เฟอร์นิเจอร์แบรนด์สแกนดิเนเวียนอยากให้คุณรักษ์โลกนี้ ซื้อของแต่น้อยชิ้นแต่ใช้ได้นานๆ เพราะฉะนั้นของน้อยชิ้นที่ว่าเขาถึงใส่ใจในทุกรายละเอียดที่จะทำให้คุณถูกใจที่สุดทั้งเรื่องความสบายและเรื่องของดีไซน์ที่อยากให้ดูน้อยแต่คุณกลับสุขมากล้นเหลือทุกครั้งที่คุณได้มองมัน
นั่นจึงทำให้ Norse Republics เติบโตได้ดีจากปี 2015 จากที่เคยเป็นแค่ป๊อปอัพบูธเล็กๆ ขนาด 100 ตร.ม. ที่สยามดิสคัฟเวอรี่จนตอนนี้แผ่ขยายสาขาไปเป็น 2 โชว์รูมแล้วในกรุงเทพ
จากเดิมที่กลุ่มลูกค้าเคยเป็นกลุ่มนักศึกษาที่เข้ามาเลือกซื้อกรรไกร กับถุงผ้าของ HAY ตอนนี้ลูกค้ากลุ่มนั้นก็โตตาม Norse ไปด้วยกลายเป็นคนวัยทำงานที่หารายได้ด้วยตัวเองได้แล้ว กลายเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่มีครอบครัวแล้ว จากที่ซื้ออุปกรณ์เครื่องเขียนของ HAY ในวันนั้นก็กลายมาเป็นลูกค้าที่ซื้อโซฟาและโตีะกินข้าวของ Norse ในวันนี้
เพราะดีไซน์ที่ดีทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ วีกฤษฏิ์เชื่อแบบนั้นสมัยที่เขาเป็นนักเรียนและยังเชื่อจนถึงทุกวันนี้และดูเหมือนกับว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่พลอยเชื่อเหมือนกับเขาไปด้วยแล้วในทุกวันนี้
อย่างน้อยๆก็คงเป็นเราที่เคยอุดหนุนโคมไฟจาก Norse และคงเป็นคุณด้วยที่อ่านบทความนี้โดยที่คงจะไม่เผลอไปกด F เฟอร์นิเจอร์ของ Norse ก่อนสิ้นบรรทัดสุดท้ายนี้นะ