เมื่อไหร่ที่เราเปิดย้อนดูรูปภาพเก่าๆ วัยเด็กของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงขวบปีแรกๆ ของชีวิต หลายคนคงอดยิ้มตามไม่ได้กับความตัวกลม แววตาไร้เดียงสา กับรอยยิ้มสดใสของตัวเอง ถึงแม้เราจะอยากจำทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันวาน เพราะเรื่องราวส่วนใหญ่มีแต่เรื่องสนุกชวนให้ยิ้มให้หัวเราะ แต่ขีดความจำกัดของสมองคนเรากลับดึงรั้งให้เราเลือกจำได้เพียงบางอย่างในชีวิตวัยเด็กของเราเท่านั้น ซึ่งเรื่องส่วนใหญ่ที่เราจดจำมักจะเป็นเรื่องอะไรสักอย่างที่มีพลังมากพอที่ทำให้เราไม่ลืม
นอกจากจะยังจำอะไรได้ไม่เต็มที่แล้ว ปัญหาของเด็กส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ คือพวกเขายังมีทักษะไม่มากพอในการใช้ชีวิต พวกเขายังทำเรื่องยากๆ ไม่เป็น หรือบางทีเรื่องราวที่เรามองว่าง่าย พวกเขาก็อาจจะยังทำไม่ได้ ก็เขาเพิ่งลืมตามาอยู่บนโลกใบนี้ได้เพียงแค่ไม่กี่ปีนี่นา
หนึ่งในปัญหาสากลที่เด็กทั่วโลกแทบทุกคนต้องเผชิญ คือปัญหาการติดกระดุมผิดเม็ด!
แค่เพียงติดกระดุมจากชายเสื้อที่ร้อยเรียงให้เคียงคู่กันไปเรื่อยๆ จากคอเสื้อจวบจนถึงปลายเสื้อ เม็ดของกระดุมที่นับมาจนพอดีกันกับรางกระดุม ดูไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับผู้ใหญ่และวัยรุ่น แต่สำหรับเด็กน้อยที่ชั่วโมงบินในการติดกระดุมเสื้อยังต่ำอยู่ คงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะสับสนว่า เอ๊ะ…นี่เขากลัดกระดุมผิดเม็ดรึเปล่า
แล้วถ้าวันไหนเด็กชายหรือเด็กหญิงคนนั้นเกิดทำอะไรสักอย่างด้วยตัวเองได้เป็นครั้งแรกและเกิดความภูมิใจในตัวเองขึ้นมา วันนั้นอาจจะเป็นวันที่เด็กชายหญิงคนนั้น จำติดใจเขาไปจนไม่มีวันลืมเลยก็เป็นได้นะ
MUJI แบรนด์สินค้าที่ขายของใช้ในครัวเรือน เสื้อผ้า ตลอดไปจนถึงการเปิดคาเฟ่และโรงแรม
แบรนด์ที่ทุกคนทั่วโลกรู้จักกันดี กับความน้อยแต่มาก ดีไซน์เรียบง่ายแต่ใช้งานได้จริง คานาอิ มาซาอากิ ประธานกรรมการบริษัทเรียวฮิน เคดิคะคุ หรือที่คนทั่วไปรู้จักบริษัทนี้ในนามสั้นๆ ว่า MUJI เคยอธิบายเอาไว้ถึงกลยุทธ์หลักของ MUJI นั่นคือ การทำประโยชน์
อะไรก็ตามแต่ที่เป็นปัญหาของคน ถึงแม้จะเกิดขึ้นในสเกลเล็กจ้อย เช่น ผู้หญิงไม่อยากใส่บราชั้นในที่อึดอัดในวันหยุด เมื่อต้องออกจากบ้านไปซื้อของใช้เล็กๆ น้อยๆ ใกล้ๆ บ้าน, ผ้าแห้งไม่ทั่วถึงกัน เมื่อตากผ้าในห้องเพราะไม้แขวนตากผ้าเอียงทำมุมไม่เท่ากัน เมื่อมันเป็นปัญหาของสังคม มันย่อมสร้างความเดือดร้อน MUJI จึงเกิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนนั้น ดังนั้นกลยุทธ์ของ MUJI จึงเน้นย้ำไปที่เรื่องการค้นพบปัญหาและการสร้าง หรือ ทำประโยชน์
จากปัญหาผู้หญิงไม่อยากรู้สึกอึดอัดที่ต้องใส่เสื้อชั้นในที่คับฟิตออกนอกบ้านในวันหยุด MUJI จึงคิดค้นเสื้อกล้ามที่มีบราฟองน้ำในตัวขึ้นเพื่อให้คุณสุภาพสตรีใส่เสื้อกล้ามเพียงตัวเดียวก็สามารถเดินออกจากบ้านได้เลยแบบสบายๆ หรือปัญหาผ้าแห้งไม่เท่ากัน MUJI ก็สร้างไม้แขวนตากผ้าทรงครึ่งวงกลม ที่ใช้แขวนที่ผนังหรือราวตากผ้าแล้วมันจะไม่เอียงไปมา ทำให้ผ้าแห้งได้ทั่วถึงกัน
หรืออย่างปัญหาที่เกริ่นไว้เมื่อตอนต้นเรื่อง เด็กเล็กกลัดกระดุมผิดเม็ด ปัญหาที่เด็กและคุณพ่อคุณแม่ทุกคนต้องพบเจอ MUJI เองก็เล็งเห็นถึงปัญหานี้ที่เกิดขึ้นกับประชากรตัวน้อยของโลก จึงออกแบบชุดนอนที่มีกระดุมสลับสี สีเข้มและสีอ่อนสลับไล่เรียงกันไปตั้งแต่เม็ดแรกจนเม็ดสุดท้าย เป็นการอำนวยช่วยเหลือเจ้าตัวน้อยให้พวกเขาสามารถกลัดกระดุมได้เอง แต่งตัวได้เองโดยไม่ต้องพึ่งคุณพ่อคุณแม่
นอกจากหลักการการทำประโยชน์แล้ว อีกปรัชญาหนึ่งที่ธำรงไว้ และเราได้เห็นเป็นประจักษ์อยู่ทุกครั้งที่เราเดินผ่านร้าน คือดีไซน์ของสิ่งของ เครื่องใช้ เสื้อผ้าที่ต่างถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่าย ไม่มีลวดลายและเน้นใช้วัตถุพื้นผิวที่ดูเป็นธรรมชาติ เป็นที่มาของคำโฆษณาที่ซ่อนเร้นอยู่ว่าความเป็นMUJI ก็คือ ‘ธรรมชาติ ธรรมดา และเรียบง่าย’
รากฐานของการออกแบบของ MUJI ถูกคิดค้นพัฒนาโดยทานากะ อิกโก ผู้อำนวยการด้านการออกแบบหรือ Art Director คนแรกของ MUJI โดยคุณทานากะนำเสนอความคิดที่ว่า MUJI ควรออกแบบสินค้าทุกอย่างให้ดูเรียบง่าย และการตัดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออก เหลือไว้เพียงแค่แต่สิ่งที่จำเป็นต้องใช้งานเท่านั้น คือเสน่ห์ที่คลาสสิกและเหนือกาลเวลา
ฉะนั้นถ้าคุณซื้อชามสักใบที่ MUJI แล้วคุณไม่ทำมันแตกเสียก่อน ชามใบนั้นจะสามารถวางอยู่และกลมกลืนกับเทรนด์ของโลกที่วิ่งหมุนวนไปอย่างรวดเร็วได้อีกโดยประมาณสัก 50 ปี ที่เป็นแบบนั้น ไม่ใช่เพียงแค่เพราะชามใบนั้นถูกออกแบบมาให้มีรูปทรงเรียบๆ สีสันไม่ฉูดฉาด แต่เป็นเพราะก่อนจะออกแบบมาเป็นผลิตภัณฑ์สักชิ้นให้เราเห็นว่ามันเรียบง่ายนั้น จริงๆ แล้วมันแฝงไปด้วยรายละเอียดและความคิดที่ถูกจัดวางมาเป็นอย่างดีแล้วก่อนจะออกมาเป็นสินค้าสักอย่างบนชั้นวางของ MUJI
เสื้อกล้ามที่มีบราฟองน้ำ, ไม้แขวนเสื้อทรงครึ่งวงกลม, เสื้อนอนเด็กที่มีกระดุมสลับสี สิ่งเหล่านี้และสิ่งอื่นๆ ที่เรามองเห็นใน MUJI ล้วนผ่านกระบวนการการคิดมาแล้วเป็นอย่างดีทั้งสิ้น
ฝ่ายคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์รวมถึงฝ่ายออกแบบของ MUJI ได้ทำงานร่วมกันอย่างหนัก นักออกแบบแต่ละคนใช้เวลาการทำงานและประสบการณ์หลายสิบปีของตัวเอง เพื่อที่จะคิดมาเป็นอย่างดีแล้วว่า องค์ประกอบทุกอย่างที่ประสมรวมร่างกันออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่วางขายอยู่ใน MUJI เป็นส่วนผสมที่พอดี ใช้งานได้และมีประโยชน์จริง
หลักการคิดและออกแบบผลิตภัณฑ์ที่วางขายอยู่ใน MUJI นอกจากจะเกิดวัตถุประสงค์การอยากแก้ปัญหา และทำประโยชน์ให้สังคมเป็นเป้าหมายหลัก ทุกอย่างสะท้อนกลับมาในรูปแบบของความสำเร็จ ด้วยจำนวนสาขาที่มากกว่า 1,000 สาขาทั่วโลก ทั้งในเอเชีย ยุโรป อเมริกา และด้วยการยืนระยะจากการเริ่มต้นจากการเป็นร้านค้าปลีก ในปี 1980 จนถึงปัจจุบันที่การแข่งขันจากร้านค้าปลีก และอินเทอร์เน็ตอำนวยให้เกิดร้านค้าแบบออนไลน์มากขึ้นจนนับไม่ถ้วน แต่ MUJI ยังคงยืนหยัดอยู่ในตลาดแห่งการค้าปลีกได้แบบสง่างามด้วยความเรียบง่ายของแบรนด์
นอกจากความสำเร็จในเชิงธุรกิจที่พิสูจน์ด้วยตัวเลขของจำนวนสาขาและการยืนระยะ MUJI ช่วยแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันให้แก่คนทั่วโลกมากมาย หนึ่งในนั้นคือการช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้เด็กๆ หลายคนที่ได้สวมเสื้อกระดุมสลับ สี เมื่อเด็กน้อยได้กลัดกระดุมเสื้อด้วยตัวเองแบบไม่ผิดเม็ดและไม่ต้องรับความช่วยเหลือจากคุณพ่อคุณแม่เลยเป็นครั้งแรก (และครั้งต่อๆ มา) ความภูมิอกภูมิใจเล็กน้อยจากสิ่งนี้ มันอาจจะนำไปสู่ความมั่นใจอีกมหาศาลที่ก่อเกิดขึ้นในใจของเด็กน้อยเหล่านี้ก็เป็นได้
รายการทีวีโชว์ของญี่ปุ่น Old Enough ผจญภัยวัยอนุบาล ที่ปัจจุบันสามารถหาดูได้ใน Netflix แสดงให้เห็นถึงความภูมิใจของทั้งคนเป็นพ่อเป็นแม่ และคนที่เป็นลูกเล็กวัยอนุบาลที่ทำอะไรสักอย่างเล็กๆ น้อยๆ ด้วยตัวเอง เช่น การไปซื้อขนมปังแกงกะหรี่ให้คุณแม่ การเดินไปซื้อยากิโซบะและถั่วงอกที่ซูเปอร์มาร์เก็ตด้วยตัวเอง หรือการเอาเสื้อไปเปลี่ยนไซส์ที่ร้านค้า ภารกิจเล็กน้อยแต่ดูยิ่งใหญ่ในใจของเด็กๆ ก็เหมือนการกลัดกระดุมเสื้อโดยไม่ผิดเลยสักเม็ดเดียวที่ MUJI เล็งเห็นแล้วว่า เขาอยากเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นใจ และการทำประโยชน์อันเล็กน้อยนี้ต่อผู้คนและต่อสังคม
อ้างอิงจาก
หนังสือ MUJI: แนวคิดและคำคม ก่อเกิด MUJI