ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
สุภาษิตที่อยู่คู่กับคนไทยมานานแสนนาน และคงยังอยู่ต่อไป ด้วยความที่ไม่ว่าจะยุคไหนคนก็ยังนิยมชมชอบอยากคบหาสมาคมกับคนที่ดูดีที่ภายนอก
นอกจากความสะอาดสอ้านของหน้าตา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการแต่งตัว แต่งหน้าให้ดูเข้ากับบุคลิกของตัวก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างของการปรุงแต่งให้คนนั้นๆ ดูน่าสนใจและชวนมอง
แต่การจะเลือกเครื่องแต่งกายในสไตล์ที่เหมาะสมที่ว่ายากสำหรับบางคนแล้ว การเลือกสีที่เหมาะกับตัวเราอาจจะถือว่ายากกว่า เราจะรู้ได้ยังไงกันว่าสีผิวของเราจริงๆ แล้วเหมาะกับสีแบบไหน? ผิวของเราถือเป็นโทนสีแบบอุ่น หรือโทรสีแบบเย็นกัน? เราใส่สีจัดจ้านได้ไหม? ถ้าเราใส่เสื้อผ้าสีสว่างจะทำให้เราดูตัวใหญ่รึเปล่า?
คำถามเหล่านี้สำหรับคนบางคนที่ไม่ได้สนใจเรื่องการแต่งกายมากนักอาจจะคิดว่าไม่น่าหยิบเอามาเป็นสาระสำคัญใด เพียงแค่เลือกเสื้อผ้าและสีที่ตัวเองชอบ มั่นใจ ใส่แล้วพอใจในรูปลักษณ์ตัวเองก็น่าจะพอแล้ว
อืม…ก็อาจจะจริง สำหรับบางคน
อย่างสตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) หรือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) ที่แทบจะมีเสื้อผ้าเป็นยูนิฟอร์มเป็นของตัวเอง ไม่เปลี่ยนแปลงเสื้อกางเกงที่สวมใส่ในแต่ละวันเลย คนจำพวกนั้นคงไม่ได้ถือเอาสีสันเสื้อผ้า หรือเครื่องแต่งกายสไตล์ไหนๆ เป็นสำคัญ
แต่สำหรับบางคนที่ให้ความสำคัญกับการเลือกข้าวของเครื่องใช้ โดยเฉพาะเรื่องการแต่งกายของตัวเอง การเลือก ‘สี’ ที่เหมาะกับตัวเองนั้นถือว่าสำคัญมากๆ
เพราะการเลือกสีของเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง เครื่องใช้ที่เหมาะสมกับผิวของเรา จะขับให้ผิวของเราดูเปล่งประกายมากขึ้น ดูมีราศีมากขึ้น ดูสดใสมากขึ้น หรือพูดโดยสรุปแบบรวมคือ ทำให้เราดูมีออร่ามากขึ้น
โลกใบนี้จึงมีบริการที่เรียกว่า Personal Color เกิดขึ้น
บริการที่จะช่วยเลือกโทนสีที่เหมาะกับผิวของเรา
ปัจจุบันนี้บริการ Personal Color กำลังเป็นที่นิยมและมาแรงแบบสุดๆ บริการแต่ละครั้งเท่าที่เราลองกวาดสายตามองดูในตลาดการให้คำปรึกษา Personal Color ในบ้านเรา ตกครั้งละประมาณใกล้ๆ หนึ่งหมื่นบาท (หรืออาจจะมีบวกลบเล็กน้อย)
โดยการให้คำปรึกษาด้าน Personal Color ในหลายๆ ที่จะมีบริการตั้งแต่การค้นหาโทนสีที่เหมาะสมกับผิว ช่วยค้นหาว่าโทนผิวของเราเป็นแบบอุ่น หรือเป็นแบบเย็น (อาจจะสังเกตแบบเร็วๆ ง่ายๆ ที่เส้นเลือดบนข้อมือ หากเส้นเลือดเขียว/ฟ้า แสดงว่ามีโทนสีผิวแบบอุ่น, แต่หากมีเส้นเลือดสีม่วง/น้ำเงิน แสดงว่ามีโทนสีผิวแบบเย็น)
ข้อดีของการค้นพบว่าตัวเองมีโทนสีผิวแบบใด ก็จะทำให้คุณสามารถเลือกสีเสื้อผ้าที่เหมาะกับผิวเราได้ดี ตรงนี้อาจจะถือเป็นการประหยัดเงิน ประหยัดเวลา ประหยัดพลังงาน เพราะแทนที่เราจะต้องเสียเงินซื้อเสื้อผ้าในโทนสีที่เป็นที่นิยม (แต่จริงๆ แล้วสีนั้นมันไม่ได้เหมาะกับโทนผิวของเราสักเท่าไหร่) พอซื้อมาใส่แล้วไม่มั่นใจ คนส่วนใหญ่อาจจะเลือกที่อยู่ของน้องเสื้อผ้าชุดนั้นไว้ใต้ลิ้นชักชั้นล่างสุดของตู้ ซึ่งหากเป็นแบบนี้หลายๆ ชุดเข้า ก็เท่ากับว่า เรากำลังเสียเงินไปกับเสื้อผ้าที่ใส่แล้วไม่มั่นใจไปตั้งหลายบาท เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา แถมยังเสียพลังงานในการไปเลือก ลอง ซื้อ ใส่ อีก
บริการ Personal Color หรือการช่วยคุณเลือกโทนสีที่ส่งเสริมออร่าของเราจึงเข้ามาแก้จุด pain point นี้ให้คนหลายคน แถมยังรวมไปถึงการช่วยเลือกเฉดสีของเครื่องสำอางทั้งบลัชออน ลิปสติก อายแชโดว์อีกด้วย
หลายครั้งที่เราเคยยืนงงสงสัยบ่อยๆ ว่าเราควรซื้อที่ปัดแก้มสีส้ม หรือสีชมพูดี? ทาลิปสติกสีแดงได้ไหม? บริการ Personal color สามารถให้คำตอบกับได้นะ
ก็บอกแล้วไงว่า ถึงไม่ได้เรียนเอกศิลปะมา ก็เลือกคู่สีที่ถูกต้องและถูกใจได้ ลองติดต่อหาบริการ Personal color ดูสิ แล้วเราจะซื้อเลือกสีเสื้อผ้า เครื่องสำอางได้มั่นใจยิ่งกว่าเคยนะ