“ไม่สะดวกค่า ให้พี่ไปเจอข้างนอกดีกว่าเนอะ”
“อ้าว แต่รายการ….ที่พี่ทรายทำกับข้าวก็ถ่ายที่บ้านไม่ใช่เหรอคะ”
“ใช่ค่ะ แต่อันนั้นอยู่แต่ตรงครัว พี่สะดวกแค่นั้นน่ะค่ะ”
พอที
หมดไปแล้วกับยุคสมัยแห่งการโดนเยี่ยมบ้านของฉัน
จะว่าไป ระยะหลังนี้รายการหรือคอลัมน์พวกที่พาไปเยี่ยมบ้านดาราก็ดูจะน้อยลงถ้าเทียบกับตอนฉันเริ่มทำงานใหม่ๆ (หรือจริงๆ มันยังมีเยอะอยู่ แต่เขาไม่ได้สนใจบ้านฉันก็ไม่รู้นะ) เดี๋ยวนี้ฉันว่าเขานิยมพาไปถ่ายรูป ไปเที่ยวบ้านชนชาวไฮโซไซตี้บ่อยขึ้นนะ แล้วก็เห็นบางเพจรวมเอารูปจากอินสตาแกรมส่วนตัวของดาราไปเขียนเพิ่ม ว่าพาบุกบ้านคนนั้นคนนี้ เออ ก็ง่ายดีเหมือนกัน นั่งส่องรูปบ้านดาราไปวันๆ ก็ได้งานแล้ว
แต่สมัยทำงานแรกๆ นี่ฉันต้องกรอกรายละเอียดชีวิตเพื่อลงนิตยสารต่างๆ มือเป็นระวิง ยิ่งกว่าเซ็นสมุดเฟรนด์ชิปให้เพื่อน
สีที่ชอบ•อาหารจานโปรด•ยามว่าง•สัตว์เลี้ยง•ความสามารถพิเศษฯลฯ
กรอกมั่วๆ ซั่วๆ ก็ไม่ได้นะ ฉันเคยกรอกสีที่ชอบไม่ตรงกัน (ก็มันแล้วแต่ช่วงนี่หว่า เมื่อวานฉันชอบสีน้ำเงิน วันนี้ฉันชอบสีชมพูไม่ได้เหรอ) ก็โดนแฟนๆ เขียนจดหมายมาทัก ว่าหนังสือเขาลงสีโปรดของพี่ผิดน่ะค่ะ แย่มากเลย–เออ ไม่ยักกะคิดว่าฉันมั่วซั่วด้วยนะ หรือจะกรอกข้อมูลอะไรที่จริงไปก็ไม่ได้อีก เช่นถ้าถามว่ายามว่างฉันชอบทำอะไร ฉันก็ตอบไปซื่อๆ ว่า-นอน- เจ้าของคอลัมน์ก็จะทำหน้าปวดใจแล้วขอร้องว่าไม่มีอะไรที่ชอบไปกว่าการนอนเหรอคะ เล่นดนตรี ทำกับข้าว อะไรก็ได้ สร้างความงุนงงให้ฉันเป็นอย่างยิ่ง ว่า เอ้า ก็กูชอบนอนนี่ ทำไมจะบอกไม่ได้ว่านอน จะได้ไม่ต้องมีใครมารบกวน หรือความสามารถพิเศษจะบอกไม่มีก็ไม่ได้ ทำเอาเด็กไร้กิจกรรมอย่างฉันอึดอัดใจเป็นกำลัง อาจจะด้วยยุคนั้นยังไม่มีแคทตากอรี่ ‘ดาราอินดี้’ (หรือจะแปลได้แบบตรงตัวว่าประเภท ‘ปล่อยพวกมันเถอะ’ อย่าไปเซ้าซี้เอาอะไรกับมันมาก มันเพี้ยนๆ) ดารานักแสดงจึงต้องน่ารักน่าชัง พิเศษและเป็นมิตรพร้อมๆ กันอยู่ในที ผ่านทางคอลัมน์ต่างๆ เหล่านี้
ต่อมาไม่นานก็เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน (ไม่มีอะไร ใช้คำนี้แล้วรู้สึกฉลาดดี อยากเขียนขึ้นมาดื้อๆ เปลี่ยนผ่าน เปลี่ยนผ่าน เปลี่ยนผ่าน) จากหน้าหนังสือมาสู่จอโทรทัศน์ จากที่ต้องเขียนลงกระดาษ ก็เปลี่ยนเป็นมาโดนสัมภาษณ์ แบบว่าเซอร์ไพรส์แปลกใจจังเลยมีคนมาเยี่ยมบ้าน ที่มักจะจะเปิดรายการด้วยภาพท้องฟ้าและหลังคาบ้าน ก่อนจะแพนกล้องเร็วๆ มาที่หน้าประตูที่ปิดอยู่ พร้อมพิธีกรคนหนึ่งยืนสวัสดีทักทายคุณผู้ชม นำเข้ารายการ เกริ่นถึงแขกรับเชิญ และที่ขาดไม่ได้คือประโยคว่า
“ถ้าพร้อมแล้ว ตามน้องจอหงวน (ชื่อพิธีกรสมมติ) เข้ามาเลยค่าาาาาา” ก่อนประตูหน้าบ้านจะเปิดออกโดยอัศจรรย์ คล้ายไกรทองจุดเทียนชัยเข้าถ้ำชาละวัน หรือพ่อมดเมอร์ลินร่ายเวทย์ใส่
อะไรกัน!! ทำไมประตูเปิดได้ช่างบังเอิญจัง!
แถมพอเดินเข้าไป ก็จะเจอกับบุคคลที่เรามาหา กำลังทำกิจกรรมสบายๆ อาทิ รดน้ำต้นไม้ ตีเหล็ก ฝึกสิงโต หรือฉาบปูนเป็นต้น
“อ้าววววว มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย ขอโทษทีไม่ได้ออกไปต้อนรับเลย เชิญค่ะๆ ขอโทษทีน้า บ้านไม่ค่อยเรียบร้อย”
ไอ้ชุดบทสนทนาแค่เท่านี้ มันมีความเป็นมาอย่างไร ฉันจะเล่าให้ฟังในฐานะผู้มีประสบการณ์
-เริ่มจากทีมงานโทรมาเพื่อเช็กคิวก่อน ว่าดาราท่านนี้อยู่บ้านนี้หรือไม่ หรือธรรมดาไปซ่องสุมอยู่บ้านใคร จะไปหาได้ไหม ไปได้วันไหนบ้าง
-ต่อรองกันไปมาว่าวันนั้นอยู่ได้แค่ถึงเที่ยง อีกวันได้จาก 4 โมงเย็นถึง 2 ทุ่มครึ่งเพราะต้องไปเวียนเทียน โอ๊ย อีกวันต้องรีบนอนน่ะค่ะ ห้ามถ่ายนานมาก เดี๋ยวชั่วโมงบิวตี้สลีปจะไม่เพียงพอ
-เมื่อถึงวันนัด ทีมงานก็จะมากันแต่เช้า เข้ามาจัดบ้านให้ตามสมควร เซ็ทไฟ เซ็ทอุปกรณ์กล้อง
-แต่งหน้าให้น้องจอหงวน (พิธีกร) แต่งหน้าให้ดารา แต่งหน้ากันเองหรืออะไรก็ช่างมันเถอะ เปลี่ยนชุด สรุปว่าจะเข้าไปดูห้องไหนได้บ้าง (มันไม่ใช่ทุกห้องที่จะเข้าได้ไง เผื่อซุกเมีย ซ่อนลูก หรือลืมถูบ้านอย่างงี้จะได้ไม่เป็นที่ครหา ว่าดังเสียเปล่า ไม่ยอมขัดเงาพื้น)
-เมื่อรู้แจ้งแทงตลอดดังนี้แล้ว เราก็สามารถไปทำท่าเซอร์ไพรส์กันได้เลยค่าาาาาา
เนี่ย
เซอร์ไพรส์มากเลย
ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเซอร์ไพรส์กัน บอกคนดูเขาไปไม่ได้เหรอ ว่าก็นัดกันมาเนี่ย ตั้งใจจะมาถ่ายบ้านให้ได้ดูและเอาไปนินทา
ฉันเคยออกรายการแนวนี้ด้วย ก็ลงมาในชุดอยู่บ้านจริงๆ คือเสื้อนุ่มกางเกงเน่า ก็โดนแม่ขอให้ขึ้นไปเปลี่ยน เพื่อลดความ ‘จริง’ ลงบ้าง พอเปลี่ยนเสร็จลงมา ก็โดนทีมงานขอให้ไปเปลี่ยน เพราะสีเสื้อผิดไปจากสีหลักของสปอนเซอร์
–คราวหน้ากูจะใส่เสื้อสีรุ้งรู้แล้วรู้รอดไป
พอมาเยี่ยมบ้านก็ต้องมีเผยความลับ เช่น จริงๆ สะสมตุ๊กตาควายธนูและหัวศัตรูเอาไว้มากมาย หรือมีสัตว์เลี้ยงแสนรักชื่อน้องงูเห่าที่ไม่เห่าแต่ฉก ถ้าไม่มีความลับก็ต้องแสดงความสามารถแบบชิลล์ๆ เช่นจริงๆ ชอบทำกับข้าวมากเลย แล้วก็เนรมิตอาหารที่ปกติกูต้องออกไปกินนอกบ้านขึ้นมาหนึ่งเมนู อีต้มจับฉ่ายค้างคืนกับซากปลาเค็มนั่นเอาไปซุกไว้ให้ไกลตาก่อนเชียว อย่าให้เผยอเสนอหน้าขึ้นมาฟ้องรสนิยมอันแท้ของเจ้าของบ้าน
ก็เนี่ย เห็นมั้ย ธรรมชาติขนาดนี้ เวลาใครเขานินทาดาราคุณก็เอาห้าหารเข้าหน่อยก็แล้วกัน เพราะไม่รู้ว่าไอ้ที่เขาเห็นมานั้นจะจริงแค่ไหน
เพราะหลายๆ เรื่องที่ออกทีวีไป ฉันยังไม่รู้ตัวเลยว่าฉันทำ