โค้งสุดท้าย การหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ผู้สมัครหลายคนต่างบ่นถึงความเหนื่อยล้าของการต้องไปเวทีดีเบตหรือแสดงวิสัยทัศน์ ประกอบกับมีผู้สมัครบางคนแคนเซิลไม่มาร่วมงาน
The MATTER กับจอมขวัญ จึงร่วมกันเปลี่ยนเวที debate มาเป็นเวทีคุยยาวๆ hard talk แทน
งานมีขึ้น เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา
โดยก่อนวันงาน ผู้ดำเนินรายการ ‘จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์’ ยังประกาศว่า พร้อมส่งวินมอเตอร์ไซค์ไปรับผู้สมัครบางคนที่อาจเปลี่ยนใจมาร่วมเวทีดีเบต
สำหรับทีมผู้สมัครที่ยกเลิกคิวเรา หากได้เห็นทวีตนี้ กรุณาแจ้งผู้สมัครว่า เวทีของเรายังรอท่านจนถึงนาทีสุดท้าย โดยเราสามารถจัดหาพี่วินฯ ไปรับส่งได้ถึงที่ทุกมุมของกรุงเทพฯ#ผู้ว่าHardTalk#เลือกตั้งผู้ว่ากทม
— Jomquan (@jomquan) May 17, 2022
จาก 7 ผู้สมัครผู้ว่าฯ ที่รับปากไว้แต่แรกตั้งแต่เดือน มี.ค.2565 ที่สุดก็เหลือเพียง 4 คน คือ วิโรจน์ ลักขณะอดิศร จากพรรคก้าวไกล (หมายเลข 1) สกลธี ภัททิยกุล สังกัดอิสระ (หมายเลข 3) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ สังกัดอิสระ (หมายเลข 8) และ น.ต.ศิธา ทิวารี จากพรรคไทยสร้างไทย (หมายเลข 11)
โดยสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ (หมายเลข 4) และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง จากกลุ่มรักษ์กรุงเทพ (หมายเลข 6) ตัดสินใจแคนเซิลไม่กี่วันก่อนถึงงาน
ขณะที่รสนา โตสิตระกูล สังกัดอิสระตัวจริง (หมายเลข 7) มาร่วมงานไม่ทันเวลา ต่อส่งทีมงานมาขออภัยภายหลัง
เวที #ผู้ว่าHardTalk เริ่มขึ้นในวันที่ 18 พ.ค. 2565 ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ที่ LIDO Connect ช่วงต้นจอมขวัญชี้แจงถึงเหตุผลที่เก้าอี้บางตัวว่างลง โดยงานจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง
- ช่วงแรก – คำถามหมู่ที่ส่งให้ทุกคนเหมือนๆ กัน ล่วงหน้า
- ช่วงสอง – คำถามเฉพาะสำหรับผู้สมัครบางราย ด้วยสไตล์การถามตรงๆ เช่น เรื่องอิงแอบบางพรรค ท่าทีพร้อมชน จุดยืนเรื่องรัฐประหาร ไปจนถึงข้อกล่าวหานอมินี
- ช่วงสุดท้าย – คำถามที่ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งตรงๆ (แต่มีเซอร์ไพรส์สนุกๆ กลางงาน)
เวทีพร้อม ไฟพร้อม กล้องเริ่ม เริ่ม!
18.00 น.
จอมขวัญเริ่มต้นเริ่มเบื้องหลังการจัดเวทีนี้ ตั้งแต่เชิญผู้สมัคร 7 คนตั้งแต่เดือน มี.ค.2565 ก่อนจะถูกแคนเซิลภายหลังจากผู้สมัครบางคน จนถูกชัชชาติแซวว่า “โชคดีมากที่มานะเนี่ย.. ถ้าไม่มาโดนปิ้งกลางเวทีแน่นอน”
เริ่มด้วยคำถามว่า
เปลี่ยนจาก debate มาเป็น hard talk ดีกว่าไหม
ศิธา ผมเปิดตัวช้า ให้ไปไหนก็ไป
ชัชชาติ ผมว่าก็ดี เพราะผมพูดไม่ค่อยเก่ง เมื่อวานก็ไปงานกินข้าว
สกลธี ส่วนใหญ่ debate นั่งคุยอย่างนี้น้อย
วิโรจน์ รอแบบนี้มานานแล้ว ปกติผมเป็นคนกวนๆ แต่ debate จริงจัง
จากนั้นเป็นการสอบถามกันถึงเหตุการณ์ฝนตกหนักคืนวันที่ 17 ส.ค. 2565 จนน้ำท่วม กทม. หลายจุดว่าได้ไปไหนกันมาบ้างพร้อมกับเริ่มต้นคำถามแรก..
มีเรื่องไหนอธิบายเข้าใจ ทำไมคนไม่เข้าใจ เอาไปบิดเบือน
สกลธี ผมเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. มา 4 ปี ข้อเสนอต่างๆ ทำไมไม่ทำ ผมก็ต้องพยายามบอกว่า รองผู้ว่าฯ กทม. ตำแหน่งดูใหญ่ แต่ทำอะไรแทบไม่ได้เลย แค่อนุมัติโครงการบางอย่างตามอำนาจ หรือทำได้บางงานเท่านั้นเอง เพราะรองผู้ว่าฯ มี 4 คน ทำงานแตกต่างกันไป ก็ต้องทำความเข้าใจกับคนที่ถามมา (ถามเพิ่ม: โครงสร้าง กทม. ตรงไหนแข็งตัวที่สุด) ก็เหมือนระบบราชการทั่วไป ถ้าสั่ง 1 ก็คือ 1 มันไม่มีพลิกแพลง ผมเคยเรียนต่างประเทศ เวลาถูกสั่ง จะไม่มีบอกว่า ไม่ได้ครับ ต้องหาวิธีอื่น แต่ระบบราชการ ไม่ได้ครับ ก็ไม่คิดหาทางออก มันทำให้ทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้ามีหัวคิดพลิกแพลงนิดนึง “ทำได้นะครับ แต่ต้องทำแบบนี้”
วิโรจน์ มีอยู่ 2 เวลาเสนอนโยบายที่ค่อนข้าง ‘เปลี่ยน กทม.’ ก็จะมีคนบอกว่า ไม่ใช่อำนาจผู้ว่าฯ ก็จะยก พรบ.กทม. มาตรา 49 ที่มีอำนาจ 7 อย่าง แต่ของเราจะไปดูอำนาจหน้าที่ของ กทม. ตามมาตรา 89 ที่มี 27 ข้อ นี่คือเหตุผลทำไมเราต้องส่งผู้ว่าฯ กับ ส.ก. หรือคนมักตั้งคำถามว่า ไม่เคยบริหาร ผมก็บอกว่า เวลาจะทำอะไรต้องเซ็ต goal และจะทำอะไรต้องใช้เงิน ผมถึงพูดกลไกหางบ โดยเฉพาะคนตัวใหญ่ อาจจะหลบเลี่ยง ภาษีที่ดิน ภาษีป้าย ค่าขยะ และถึงจะมีตังค์ มีนโยบาย บางทีทำไม่ได้ เพราติดเรื่องข้อบัญญัติ เราเลยต้องมี ส.ก. นี่คือสิ่งที่คิดจบ แต่ก็เออ ทำไมหลายคนไม่เข้าใจ หรือแสร้งไม่เข้าใจ และถ้าผู้ว่าไม่กล้าคิดแบบทะเยอทะยาน จะทำตามแค่กรอบกฎหมาย มีแค่ปลัด กทม.ก็พอแล้ว อีกอย่างคือ “พูดเก่ง ทำงานไม่เก่ง” นี่มันตรรกะวิบัติที่สุดแล้ว เราเป็นคนที่ได้อำนาจจากประชาชนผู้ว่าฯ ต้องพยายามสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ พาคนไปด้วยกัน ผู้ว่าฯ ต้องมีทักษะการสื่อสาร global leader ต้องมีทักษะการสื่อสาร
ศิธา เวลาไปออกรายการ คำถามถามว่า ถ้าเด็กชุมนุม ผู้ว่าฯ จะทำยังไง สลายการชุมนุม จะทำยังไง รัฐประหารจะทำยังไง ปกติผมเป็นเบอร์สุดท้าย คิดว่าจะฟังคนอื่นก่อน มีเวลาจำกัด พูดเรื่องชุมนุมเหลือไม่กี่วินาที ก็มาตอบเรื่องรัฐประหาร เอารถถังมา เป็นรัฐฎาธิปัตย์ ผมก็บอกว่า ผู้ว่าฯ น่าจะทำอะไรลำบาก สื่อก็เอาไปตัด ทำ CG ถ้าเด็กมาชุมนุมทำยังไง เอาคำตอบเรื่องรัฐประหาร มาใส่ว่า ไม่มีอำนาจ พอดีคุณหญิงหน่อย (สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยสร้างไทย) เห็น แล้วบอกว่า คุณไม่น่าจะตอบแบบนี้น้า พอรู้ ผมก็เลยโทรหาต้นเรื่อง ก็เลยเอาออก แค่นั้น
ชัชชาติ ปัญหาหนึ่งที่พยายามชี้แจงว่า เราเป็นอิสระ เพราะไม่ได้ส่ง ส.ก. คนก็จะโทรมาถาม ผมก็บอกว่า การส่ง ส.ก.ไม่ได้ง่าย เพราะเราลงอิสระ และจริงๆ ผู้ว่าฯ กับ ส.ก. ทำงานแยกกันนะ ไม่เหมือนนายกฯ กับ ส.ส. ดังนั้นผู้ว่าฯ ต้องทำงานร่วมกับ ส.ก.คนอื่น ที่ ปชช.เลือกมา ก็พยายามชี้แจงว่า ต้องประสานงาน “หัวใจสำคัญคือผู้ว่าฯ ต้องประสานงานกับ สก.ที่คนเลือกมาได้ และที่ผ่านมาก็ทำงานร่วมกันได้” (ถามเพิ่ม: เคยมีแผนจะส่ง ส.ก.บ้างไหม) ไม่มีครับ อีกเรื่อง คือโดนเรื่อง ‘อีแอบ’ เป็นอิสระจริง-ไม่จริง หาว่าไปอิงแอบกับพรรคเพื่อไทย ทั้งที่เราลาออกมา 2 ปีกว่าแล้ว ก็มีแบบ บันได 3 ขั้น ซึ่งเขาก็มีจินตนาการที่ดี แล้วก็มี 4 รองผู้ว่าฯ คือมันเป็น tactic สมัย 9 ปีที่แล้ว สมัย พล.ต.อ.พงศพัศ (พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ ของพรรคเพื่อไทย เมื่อปี 2556) แต่ก็มีคนเชื่อเยอะ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ เพราะส่งใหญ่ส่งตาม LINE เหมือนเป็นซอยที่มีประตูกั้น ตอนออกจากพรรคเพื่อไทยก็โดนคนด่าเรื่อง มีบุญคุณ เด็กรุ่นใหม่ที่มาอยู่กับเราก็เห็นว่าอิสระจริง ไม่งั้นหนีกันหมดแล้ว แต่ก็มีการเมืองอยู่บ้าง ก็พยายามหาทางแก้
(ดูเวที #ผู้ว่าHardTalk เต็มๆ)
พอใกล้ๆ เลือกตั้ง แยกนโยบายของแต่ละคนไม่ออกแล้ว แล้วอะไรที่เรากล้าพูดว่า อันนี้นโยบายของเรา ไม่เหมือนใคร
(สกลธีหันไปแซวศิธา “ผมจะทำไม่เหมือนผู้ว่าฯ คนก่อน” ศิธาตอบ “แต่ผมจะทำทันที” แล้วก็หัวเราะ)
ศิธา อันที่ไม่เหมือนเลย คือเรื่องความยากจน เรามีสิ่งที่แตกต่าง คือ กทม.มีหน่วยงานอย่าง กรุงเทพธนาคม ทำได้ ปล่อยเงินกู้ ขณะนี้ คนยากจนเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน เขาต้องไปกู้ ดอกเบี้ย 10-20% ซึ่งเรื่องนี้มันเบียดบังรายได้ของคนยากจน ถ้า กทม.เข้าไปเป็นตัวกลาง โดยให้ชุมชนช่วยประเมิน บ้านนี้เล่นพนัน บ้านนี้ติดยา ไม่ปล่อยเงินกู้ แล้วให้มีเครดิต ถ้าสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาจจะกู้ได้ 5,000-50,000 บาท เป็นตัวกลางเฉยๆ ไม่ได้ใช้เงินหลวง
ชัชชาติ ผมอาจจะไม่ได้พูดรายละเอียด นบ. แต่เป็นเรื่อง ‘วิธีคิด’ อาจเพราะเดินมาเยอะ มี 9 ดี แปลงเป็นกว่า 200 action plan ก็มีคนบ่นว่ามันเยอะ แต่ไม่ต้องดูทุกอัน เอาที่สนใจ
สกลธี ผมพูดทุกเวทีว่า “ผู้ว่าต้องหาเงินได้ใช้เงินเป็น กระจายงบไปทุกเขตอย่างเท่าเทียม” ที่ต้องหาเงินได้ ถ้ารอรัฐอุดหนุนอย่างเดียว มันไม่พอ หลายๆ รัฐ เทศบาลก็หาเงินเองทั้งนั้น โมเดลของผมคือเรื่องขยะ ซึ่งมันทำได้แค่นั้น เป็นอำนาจผู้ว่าฯ ที่จะผลักให้เอกชนไปทำได้ อาจจะประหยัดได้สัก 5,000 ล้านบาท หรือเก็บภาษีโรงแรม ห้องละ 100 บาท ก็ปีละ 3,000 ล้านบาท อันนี้คือหาเงินได้ ส่วนใช้เงินเป็น ถ้าเป็นผู้ว่าฯ สกลธี โครงการใหญ่ๆ ใช้เงินหลายพันล้านบาท เราไม่ทำ ก็เอาเงินกระจายไปยัง กทม.รอบนอก เช่น ผมจะไม่ทำสวนลุม 2-3 พันล้านบาทแน่
วิโรจน์ ‘ขิง’ นิดนึงได้มะ ไม่ใช่แค่ไม่เหมือน 1.ทุกคนรู้แหละว่าหาเงินยังไง แต่มันมี “ตัวใหญ่-นายทุน” ที่ไม่จ่าย เช่น หลบเลี่ยงภาษีป้าย ภาษีที่ดินที่นายทุน ที่ไม่มีใครเสนอจัดเก็บ หรือค่าขยะ ไม่มีใครออกข้อบัญญัติเก็บเพิ่ม เรื่องประหยัดงบ ผมต้องประหยัดอยู่แล้ว แต่ในเมื่อคนเหล่านี้ ไม่ยอมจ่าย จริงๆ อันนี้ผมเปิดนะ ให้ก็อปได้ 2.นโยบายปราบคอร์รัปชั่น ถามว่าคนที่รู้เรื่องดีที่สุดคือใคร คนในใช่ไหม เราต้องมีกลไกปกป้องเขา ไม่อย่างนั้นจะมีเคสอย่าง พล.ต.ท.ปวีณ (พงษ์สิรินทร์ ตำรวจที่ทำคดีโรฮิงญา แต่เจออิทธิพลมืดจนต้องลี้ภัยในต่างประเทศ) คราวนี้แหละ ต้นทุนในการคอร์รัปชั่นจะสูงมาก ‘ฮั้วแตก’ เมื่อไร เจ็บทั้งสาย
นี่คือบางส่วนจากช่วงแรก ที่เป็นเพียงน้ำจิ้ม ก่อนจะเข้าสู่ช่วงที่ 2
ที่เป็นคำถามเฉพาะบุคคล ‘ตัวต่อตัว’
19.29 น. – จอมขวัญ vs ชัชชาติ
พลาดตรงไหนที่คนไม่เชื่อว่าอิสระจากเพื่อไทย
ชัชชาติ อ่านหนังสือเล่มนึง คุณเปลี่ยนใจคนอื่นไม่ได้หรอก ต้องเริ่มจากเปลี่ยนใจตัวเอง หลายๆ คนที่คุย ไม่ว่าผมจะออกหรือไม่ออก เขาก็เชื่อว่าผมยังอยู่พรรคเพื่อไทย วันก่อนผู้ใหญ่มา “ชัชชาติต้องออกจากชาติไทยนะ อยู่ไม่ได้ ต้องเป็นอิสระ” คือต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เครือข่ายที่มาช่วย ต้องไม่หวังประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ถ้ามีปัญหาผมอยู่ไม่ได้ตั้งแต่ รมว.แล้ว ผมไม่มีกลุ่มทุนมาสนับสนุนเลยนะ ได้จากคนตัวเล็กตัวน้อย ผมไม่เอาอนาคตมาทิ้งกับเรื่องพวกนี้ แค่จัดซื้อจัดสร้างให้โปร่งใส
ช่วงไหนคือตัวอย่างว่า นี่คือชัชชาติที่ชนเป็น
ชัชชาติ ตั้งแต่ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านละ เราก็ต่อสู้ หรือตอนออกเป็นนักธุรกิจ เราก็ปฏิเสธ ไม่ทำ เราก็มีจุดยืนไง ถ้าเป็นเพื่อนผมจะรู้ว่าไม่ทำเพื่อใคร เพราะผมห่วง ‘ชื่อเสียง’ ตอนเป็นรัฐมนตรี 2 ปี ก็ยืนมั่นๆ ถ้ามันพลาด ป่านนี้ผมตายไปแล้ว ถ้าเป็นผู้ว่าฯ ก็ชนกับระบอบราชการ และมีผู้รับเหมารายใหญ่ที่จองที่อยู่ใน กทม. เช่น รถไฟฟ้าสายสีเขียว ก็ไม่ได้ชนกับผู้รับเหมา ต้องชนกับรัฐบาลด้วย ซึ่งเราไม่ได้กลัวหรอก เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะผู้ว่าฯ เป็นตำแหน่งที่คนเลือกมากที่สุด ที่ผ่านมา มีปัญหาผลประโยชน์ เพราะไปต่อรองกัน “ผมไม่ได้ประนีประนอม อย่างรัฐบาลเพื่อไทย ผมก็ลุยตลอดนะ ถ้าอยู่ในพรรค ต้องมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องเยอะ อิสระนี่แหละ ไม่ต้องไปฟังคนอื่น นี่คือสิ่งที่เราเชื่อว่ามาถูกทาง” ที่อิสระ เพราะเชื่อว่าทำแบบนี้ ทำ กทม.ให้ดีที่สุด ไม่เคยคุยเพื่อไทยจริงๆ นี่คือหนที่ 700 กว่าแล้วมั้งที่ยืนยันว่าอิสระจริงๆ
19.51 น. – จอมขวัญ vs สกลธี
ทำไมพูดเรื่อง กปปส. กับรัฐประหารบ่อย ขนาดในเฟซบุ๊กยังมีโพสต์อยู่เลย
สกลธี ผมโดนแซะบ่อยเรื่องนี้ น่าจะเพราะเป็นเรื่องเดียวที่เขาจะแซะผมได้ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะลบโพสต์ เดิมไม่เคยคิดจะพูด เพราะอยากจะให้การเลือกตั้งผู้ว่าฯ เลือกคนด้วยวิธีคิดจริงๆ แต่สุดท้าย ความพยายามก็ไม่สำเร็จ เพราะผมจะพูด จะคิดยังไงก็ตาม คนก็จะวกกลับมาเรื่องอดีต ก็เลยพูดให้รู้ไปเลยว่า กูเนี่ยแหละไป จบ คือไม่มีใครรู้หรอกว่า การไปร่วมกับ กปปส. ทำให้ผมไปขึ้นศาลเป็นร้อยนัด ยกฟ้องไปแล้ว 2 คดี
ณ วันนี้ จุดยืนต่อรัฐประหารของคุณเป็นอย่างไร
สกลธี คำว่ารัฐประหาร ถ้าเอาแต่ความหมายอย่างเดียว มันก็คงดูแย่ เพราะว่ามันเหมือนไปล้มล้างการปกครองใช่มั้ย แต่ว่า ตัวผมเองคิด ก็คือเราดูบริบททั้งมวลว่ามันเกิดจากอะไร มันมายังไง “ตอนนี้บริบทมันเปลี่ยนไป คือเราก็เห็นมาเยอะ ผมอาจจะพูดมากไม่ได้ เพราะผมก็เป็นส่วนหนึ่งของการมีรัฐประหารขึ้นมา อาจจะเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ที่ทำให้เกิด แต่ผมมองว่า มันมาถึงวันนี้ มันไปต่อไม่ได้ สุดท้ายมันก็วนกลับมาเหมือนเดิม เพราะฉะนั้น ผมคิดว่ามันก็ควรจะแก้ด้วยวิธีที่มันเป็นปกติไป” หลังจากนี้ ถ้าดูบริบท ผมคิดว่าไม่ควรมี แต่เราก็ไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าถามถึงภาพรวม มันน่าจะพอแล้ว ใช้วิธีปกติให้ประเทศมันเดินต่อไป
ถ้าแพ้จะไปไหนต่อทันธี
สกลธี ก็ทำการเมืองต่อทันที แต่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะไปอยู่พรรคไหน
20.15 น. – จอมขวัญ vs วิโรจน์
บุคลิกไม่ประนีประนอม จะทำให้บริหารงาน กทม. ลำบากหรือไม่
วิโรจน์ ถ้ามีคนบอกว่า วิโรจน์ทำไมไม่ประนีประนอม ถ้าคุณเจอการทุจริต จะให้ประนีประนอมอย่างไร ผมจะไม่ประนีประนอมให้กับปัญหาการแบ่งเค้ก กลุ่มผู้รับเหมาที่ทำงานอย่างไม่สุจริต รวมถึงนายทุนใหญ่ที่หลบเลี่ยงการจ่ายภาษีและค่าธรรมเนียมอย่างเป็นธรรม ซึ่งการบริหารงานตามปกติก็จะเกิดขึ้นพร้อมๆ กับการรื้อถอนโครงสร้างและชนกับความไม่โปร่งใส ข้อมูลการทุจริตส่วนใหญ่ได้รับมาจากข้าราชการน้ำดีที่ไม่อยากอยู่ใต้ระบบทุจริตเหล่านี้ต่อไป ผมจึงมุ่งร่วมมือกับ ส.ก. เพื่อตราข้อบัญญัติปกป้องข้าราชการน้ำดีที่ออกมาเปิดโปงการทุจริต เชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยให้ข้าราชการสามารถปฏิเสธการเข้าร่วมกลไกทุจริตได้
ถ้าหากต้องทำงานร่วมกับคนที่ไม่ได้เห็นด้วยจะทำอย่างไร
วิโรจน์ ผมจะวางกลไกลสภา กทม. ให้ดีขึ้น โดยจะเปิดให้มีความโปร่งใสมากที่สุด และสิ่งนี้จะเป็นยาแรงที่ทำให้ชาว กทม. ได้เห็นการทำงานของเมืองตัวเองในแบบที่โปร่งใสที่สุด
ในช่วงท้ายของการพูดคุย จอมขวัญถามถึง ‘ธนาธร’ (จึงรุ่งเรืองกิจ) อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ วิโรจน์ยืนยันว่า ธนาธรเป็นเพียงผู้ร่วมอุดมการณ์ และไม่ได้เข้ามามีบทบาทในการสั่งให้ใครทำอะไรแต่อย่างไร
20.37 น. จอมขวัญ vs ศิธา
อยากพูดอะไรเรื่องคุณหญิงสุดารัตน์
ศิธา มีคนถามเหมือนกันว่า สรุปแล้วผมหรือคุณหญิงสุดารัตน์ ลงสมัครผู้ว่าฯ กันแน่ แต่ผมลงในระบบพรรค คือพรรคไทยสร้างไทย ที่ยังไม่มี ส.ส. แม้แต่คนเดียว ตัวผมเหมือนสินค้าที่คนไม่รู้จัก ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์เหมือน 7-11 และผมก็อยู่ในพรรคที่มีคุณหญิงสุดารัตน์เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค ก็ตรงไปตรงมาอย่างนี้ นอกจากนี้ ผมไม่ได้คิดว่า การลงผู้ว่าฯ จะเอาผลแพ้ชนะเป็นหลัก แต่ลงในฐานะพรรค เป้าหมายแรก คือทำได้เลย เป้าหมายที่สอง เอานโยบายไปใช้ได้เลย หรือถ้าไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ ใครจะเอา ส.ก.ของพรรคผมไปใช้ เอาได้เลย ยกเว้นเรื่องตรวจสอบ
ป้ายหาเสียง มีรูปคุณศิธา กับคุณหญิงสุดารัตน์มากกว่ากัน
ศิธา ผมว่าสูสีกัน
โอกาสร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่นๆ ในอนาคต
ศิธา ที่จะไม่ร่วมมือเลยคือ 3 ลุง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เพราะคนเหล่านี้เป็น ‘โมฆะบุรุษ’ และจะไม่มีการยกมือเสนอชื่อเป็นนายกฯ แต่ถ้าการร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่ติดขัด รวมถึงการร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยด้วย “ทำงานกันได้ ไม่มีปัญหา”
ช่วงสุดท้าย จะเป็นคำถามอื่นๆ ให้รู้จักตัวตนมากขึ้น
ไอดอล
ศิธา ลีกวนยู อดีตนายกฯ สิงคโปร์
ชัชชาติ พ่อแม่
สกลธี พ่อแม่
วิโรจน์ คุณสมัคร (สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯ กทม.) ก่อนเข้าสภา ผมดูคลิปการอภิปรายคุณสมัครแทบทุกคลิป
ความภูมิใจ
ศิธา ทำสนามจักรยานสุวรรณภูมิ
ชช เรื่องลูก
สกลธี มานั่งคุยกับจอมขวัญแบบนี้ สมัยเด็กๆ ผมขี้อายมาก จะพูดหน้าชั้นจะปวดท้อง เขิน
วิโรจน์ ความตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม
สมมุติได้เป็นผู้ว่าฯ ถ้าทำอะไรไม่ได้ จะลาออก
วิโรจน์ แก้กติกาที่ไม่เป็นธรรม ไม่ได้
ศิธา ถ้าเลือกตั้งครั้งหน้า นโยบายหาเสียงผู้ว่าฯ ยังซ้ำ ปัญหาไม่ได้ถูกแก้ไข
ชช ต้องทำเต็มที่ ไม่มีในความคิด
สกลธี ไม่จำเป็นต้องลาออก กทม.ดีกว่านี้แน่นอน
ปิดท้ายเวที ‘ผู้ว่าHardTalk’ เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ จอมขวัญขอให้ผู้สมัครแต่ละคน ซึ่งน่าจะเจอกันบ่อยบนเวทีดีเบตหรือเวทีแสดงวิสัยทัศน์ ลองสมบทบาท (role play) กันและกันรวมถึงคนที่ไม่ได้มาด้วย
และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น..
ขอบคุณที่ติดตามเวทีนี้ของ The MATTER x Jomquan แล้วมาลุ้นกันว่า วันที่ 22 พ.ค. 2565 ใครจะได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. คนต่อไป
- ติดตามซีรีส์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ของ The MATTER ทั้งหมดได้ที่ BKK65