ท่ามกลางพายุงานที่โหมกระหน่ำ ท่ามกลางภาระหน้าที่ที่เรากำลังแบกไว้ ท่ามกลางความเร่งรีบและวุ่นวายของชีวิตในเมืองใหญ่ เคยตั้งคำถามกับตัวเองบ้างไหมว่าคุณภาพชีวิตที่ดีคืออะไรกัน?
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้เราใช้ชีวิตกันเหนื่อยมากจริงๆ รีบขุดตัวเองจากที่นอนตอนเช้า เพื่อออกไปเผชิญกับรถติดบนท้องถนน กับผู้คนมากมายที่เบียดเสียดบนรถไฟฟ้า พอถึงออฟฟิศก็ต้องรีบจัดการงานที่ล้นมือ แม้แต่พักเที่ยงก็ต้องเร่งรีบกินข้าวเพราะมีประชุมด่วนแทรกเข้ามาช่วงบ่าย พอตกเย็นพลังชีวิตก็ถูกผลาญจนหมดแล้ว แค่อยากกลับไปทิ้งตัวลงเตียงหลับให้ได้เร็วที่สุด ทุกจังหวะชีวิตเต็มไปด้วยความเร่งรีบ จนบางทีรู้สึกเหมือนคว้าจับความสุขเอาไว้ไม่เคยทัน
พอติดอยู่ในลูปแบบนี้ซ้ำๆ หลายคนคงรู้สึกอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า แต่ความจริงคุณภาพชีวิตดีๆ ที่ใฝ่ฝันหา ไม่ได้เกิดขึ้นยากอย่างที่คิด…
คำตอบอาจจะไม่ใช่แค่การกลับไปบ้านสวยๆ ที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันเพียงเท่านั้น แต่คือการได้ผสมผสาน life style ที่หลากหลายจนกลายเป็นตัวเองเวอร์ชันที่สบายใจที่สุด ได้ค้นพบเรื่องราวที่มอบความสุขเล็กๆ ระหว่างใช้ชีวิตประจำวัน ที่ทำให้เราใจฟูอย่างสม่ำเสมอ และการได้อยู่ร่วมกับคนที่รัก คือโมเมนต์เหล่านี้เองที่อาจเป็นคำตอบของการมี Living Quality ที่ทุกคนใฝ่ฝันถึง
เริ่มเช้าวันใหม่ให้ละมุน ด้วยกาแฟอุ่นๆ แก้วโปรด

เมื่อรู้สึกว่าทุกวันเต็มไปด้วยความเร่งรีบ ลองตื่นเช้าเพื่อใช้เวลารักตัวเองช้าๆ ดูดีไหม?
ให้เวลาตัวเองได้มี slow morning ด้วยการเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มแก้วโปรด ไม่ว่าจะเป็นสายคราฟต์ที่อยากดริปกาแฟเองที่บ้าน เอนจอยกับกลิ่นอโรม่าของกาแฟที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย หรือจะเป็นสายคาเฟ่ที่อยากไปซื้อเมนูโปรดจากร้านประจำ บทสนทนากับบาริสต้าที่รู้ใจอาจเรียกรอยยิ้มได้ตั้งแต่เช้า รสชาติเครื่องดื่มที่ถูกจริตก็ทำให้มีพลังใจ เหมือนได้รับบัฟพลังความสดชื่นตื่นตัว พร้อมพบเจอเรื่องราวใหม่ๆ ในแต่ละวัน
เป็นพลังบวกเล็กๆ ที่จุดประกายคุณภาพชีวิตดีๆ ให้เราได้ตั้งแต่เริ่มเช้าวันใหม่
จบวันกับพื้นที่ปลอดภัย safe ใจ ใน safe zone

หลังจากเผชิญความวุ่นวายมาตลอดวัน ไม่มีอะไรให้ความรู้สึกดีได้เท่าการกลับถึงบ้านอีกแล้ว
ซึ่งการกลับบ้านที่เฮลตี้คือการทิ้งปัญหาของวันนี้ไว้นอกบ้าน ล็อกความเหนื่อยล้าทิ้งไว้หลังประตู แขวนกระเป๋า สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วทุกความเหนื่อยล้าจะค่อยๆ ถูกเยียวยา เมื่อเราเข้ามาในเซฟใจในเซฟโซนที่เรียกว่าบ้าน
เพราะที่นี่ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่คือที่พักผ่อนหย่อนใจ ที่จะโอบรับทุกความเป็นเราให้ได้กลับมาสงบอีกครั้งนั่นเอง
ระบายสีแห่งความสุข ครีเอทโมเมนต์สุดสร้างสรรค์

การได้ใช้เวลาไปกับสิ่งที่เราหลงใหลเป็นอีกวิธีฮีลใจที่ทรงประสิทธิภาพ
เมื่อได้ปลดปล่อยตัวเองไปกับการสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการวาดรูป ร้องเพลง เล่นดนตรี ทำงานคราฟต์ หรือแม้แต่การเขียนบันทึก ล้วนทำให้ชีวิตมีสีสันและได้บอกเล่าเรื่องราวเฉพาะของตัวเองทั้งนั้น ทุกโมเมนต์ที่ได้จดจ่อกับสิ่งที่ตัวเองชอบ เราจะเริ่มใช้ชีวิตช้าลงโดยไม่รู้ตัว เหมือนได้รีเฟรชพลังงานจากวันที่เร่งรีบ
ความจริงแค่ได้ใช้เวลากับสิ่งที่ชอบก็ทำให้แฮปปี้ได้แล้ว แต่มากไปกว่านั้นคือโมเมนต์เหล่านี้ยังเป็น mini goals รายวัน ช่วยเติมเต็มความภาคภูมิใจในตัวเองที่ได้สร้างอะไรบางอย่างจากใจจริงด้วย
รีเฟรชตัวเองใหม่ ด้วยการปล่อยใจให้ว่าง

บางทีการมีคุณภาพชีวิตที่ดีไม่จำเป็นต้องพาตัวเองออกไปทำกิจกรรมอะไรมากมาย แต่คือการอนุญาตให้ทั้งร่างกายและจิตใจได้หยุดพักอย่างแท้จริง
เราไม่จำเป็นต้องฝืนนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ แค่ลองทิ้งตัวสบายๆ บนโซฟานุ่มตัวโปรด สูดหายใจช้าๆ เปิดเพลงคลอเบาๆ หลับตา ปล่อยหัวใจให้ว่าง แล้วหยุดทุกความคิดวุ่นวาย
บางทีการมีชีวิตที่เร่งรีบตลอดเวลาอาจส่งผลกับเรามากกว่าที่คิด การหยุดพักปล่อยใจให้ว่างชั่วครู่จึงเป็นเหมือนการคูลดาวน์ ความสงบแบบนี้จะสามารถช่วยฮีลทั้งใจและกายเราให้พร้อมเปิดรับเรื่องราวใหม่ๆ ได้อีกครั้ง
ถักทอความสัมพันธ์ที่ดี เพื่อ Living Quality ในแบบของเรา

การมีคุณภาพชีวิตที่ดีส่วนใหญ่เริ่มต้นได้ที่ตัวเอง แต่อีกส่วนสำคัญก็สามารถเสริมสร้างได้ด้วยความสัมพันธ์กับคนรอบตัว
เหมือนกับสิ่งที่ทำให้บ้านอบอุ่นไม่ได้อาศัยแค่ฟังก์ชันของเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือเฟอร์นิเจอร์ แต่ยังรวมถึงบรรยากาศภายในบ้านที่ส่งผลโดยตรงกับใจ เกิดจากความสัมพันธ์กับคนรักและคนในครอบครัวที่จะทำให้บ้านน่าอยู่และเต็มไปด้วยความอบอุ่น
ลองจินตนาการภาพการกลับบ้านที่มีคนรอกินข้าว รอฟังเราแชร์เรื่องราวที่พบเจอมาในแต่ละวัน หัวเราะระหว่างช่วยกันทำอาหาร เล่นเกม ดูหนัง ออกสเตปแดนซ์ด้วยกันที่บ้านในวันหยุด แค่คิดภาพตามก็รู้สึกได้แล้วว่าเป็นโมเมนต์ดีๆ ในชีวิต ความสัมพันธ์จึงเป็นหัวใจสำคัญของการทำให้ชีวิตมีคุณภาพมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
ออกไปสูดหายใจเต็มปอด ให้ธรรมชาติโอบกอดตัวเรา

เคยได้ยินไหมว่าถ้าเราเหนื่อยล้าให้เดินเข้าป่า
แต่สำหรับคนเมืองไม่จำเป็นต้องดั้นด้นไปป่าไกลๆ ที่ไหน แค่เริ่มต้นจากพาตัวเองออกไปใกล้ชิดธรรมชาติบ้าง ออกไปสนามหญ้าหน้าบ้าน สวนธารณะใกล้บ้าน ปลดเปลื้องพันธนาการ เดินเท้าเปล่าบนพื้นหญ้า เอนกายนอนอาบแดดเช้า สูดหายใจได้เต็มปอด ปล่อยตัวตามสบาย ปล่อยใจมองต้นไม้ไหวตามลม
หรือความจริงแค่ปรับการใช้ชีวิตนิดๆ หน่อยๆ เปลี่ยนจากเปิดแอร์ที่บ้าน เป็นเปิดหน้าต่างรับลมธรรมชาติบ้าง โมเมนต์เหล่านี้ก็ช่วยปรับโฟกัส ปลดล็อกความเครียด ให้เรากลับมาเชื่อมโยงกับตัวเองได้แล้ว
คุณภาพชีวิตที่ดี เกิดจากเราในวันที่เข้าใจตัวเอง

ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่เร่งรีบ และสารพัดปัญหาดาหน้าเข้ามาให้จัดการ ของขวัญที่เราควรมอบให้ตัวเองที่สุดเคือช่วงเวลามหัศจรรย์แห่งการรักและเข้าใจในตัวเอง
เพียงแค่ลองหยุดพูดคุยกับตัวเองอย่างจริงจังดูบ้าง หาช่วงเวลาที่เราสามารถนั่งเงียบๆ เพื่อทบทวนความรู้สึกนึกคิด สิ่งที่กำลังเผชิญ ไล่จับอารมณ์ที่กำลังรู้สึกให้ทัน เพื่อที่จะสามารถสลายความขุ่นมัวในใจได้ในเวลาสั้นๆ เหมือนการทำสมาธิชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งช่วงเวลานั้นจะกลายเป็น Magic Moment ที่ทำให้เราได้กลับมายึดโยงกับตัวเองอีกครั้ง
นี่คือ Living Quality ที่ทำให้เรารู้สึกมั่นคงได้จากภายใน
เติมพลังใจ ในทุกวันธรรมดา

Living Quality ไม่จำเป็นต้องมาจากเหตุการณ์ยิ่งใหญ่เสมอไป แต่เกิดได้จากการสะสมความสุขเล็กๆ อย่างสม่ำเสมอ
เกิดจากความรักความเข้าใจในตัวเอง อนุญาตให้ตัวเองได้หยุดพักและให้รางวัลชีวิตด้วยสิ่งดีๆ ในทุกๆ วัน ไม่ว่าจะเติมเครื่องดื่มแก้วโปรด เติมน้องแมวน้องหมา ออกกำลังกายเบาๆ เพื่อสุขภาพกายที่ดี หรือพูดคุยกับตัวเองบ่อยๆ เพื่อสุขภาพใจที่ดี
ไปจนถึงการได้อยู่ในพื่นที่ที่ถูกออกแบบอย่างเข้าใจ เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกความเป็นเรา ได้ถักทอสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คนรอบตัว ได้ใช้เวลาร่วมกับคนที่เรารักในพื้นที่ที่เราเรียกว่า “บ้าน”
สิ่งเหล่านี้ล้วนแปรเปลี่ยนเป็นพลังใจที่จะทำให้ทุกวันธรรมดากลายเป็นวันที่มีความหมาย : )