จากไฟฟ้าที่หล่อเลี้ยงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รอบตัวไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ไปจนถึงแสงไฟส่องสว่างกลางถนน ตลอดจนยานพาหนะที่เราใช้เดินทางอย่าง รถยนต์ รถไฟฟ้า หรือ เรือ จะเห็นได้ว่าชีวิตของเราทุกวันนี้ต่างขับเคลื่อนด้วยพลังงานในปริมาณที่มากเกินกว่าใครจะจินตนาการได้
ทว่าเพราะการเติบโตของอุตสาหกรรม ตลอดจนความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้เราต้องหันมาตั้งคำถามใส่กันและกันว่า แล้วถ้าวันหนึ่งพลังงานเหล่านั้นหมดไปเราจะดำเนินชีวิตกันต่อไปอย่างไร
จากคำถามในวันนั้น จึงเป็นคำตอบที่นำพาให้ทั่วทุกมุมโลกได้พยายามหันมาพึ่งพาพลังงานทางเลือกที่นอกจากจะใช้ได้ไม่มีวันหมด ใช้ได้ในทุกพื้นที่ ยังเป็นขุมพลังที่สะอาด ไม่ทำร้ายโลก และเป็นการใช้แหล่งกำเนิดพลังงานอย่างยั่งยืน โดยหนึ่งในแหล่งกำเนิดพลังงานที่สำคัญนี้ คือ ‘พลังงานแสงอาทิตย์’
เทรนด์โลกกับพลังงานแสงอาทิตย์
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นานาประเทศทั่วโลกหันมาให้ความสนใจลงทุนกับเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับพลังงานแสงอาทิตย์กันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะการลงทุนติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มีต้นทุนที่ลดลง มีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถเก็บเกี่ยวดอกผลได้ยาวนาน โดยจะเห็นว่าประเทศยักษ์ใหญ่อย่าง อเมริกา จีน ไปจนถึงประเทศเพื่อนบ้านรอบข้างเราอย่างมาเลเซีย ได้เริ่มนำเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์มาประยุกต์ใช้ประโยชน์บนถนนไฮเวย์ อาทิ ป้ายสัญญาณ หรือไฟส่องสว่างตามถนน การติดตั้งแผงโซลาร์บนพื้นถนนเพื่อใช้ผลิตไฟฟ้า ไปจนถึงการสร้างจุดพักรถเพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนได้จอดพักผ่อนกลางทาง
หรือกระทั่งบริษัทผลิตรถยนต์แบรนด์ดังต่างๆ ที่หันมาจับตลาดพาหนะพลังงานไฟฟ้า ต่างก็พยายามที่จะนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในการชาร์จไฟฟ้าให้กับตัวรถ หรือกระทั่งเริ่มมีการผลิตรถยนต์ต้นแบบที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากแสงอาทิตย์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นจริงในอนาคตอันใกล้นี้
บ้านปูฯ ก้าวที่ไกลกว่าแค่ผู้ให้บริการพลังงาน
อย่างที่ทุกคนรู้จักกันดีว่าบ้านปูฯ คือผู้นำธุรกิจพลังงานแบบครบวงจรแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมากว่า 36 ปี แต่หนึ่งในสิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้ก็คือบ้านปูฯ มุ่งมั่นดำเนินงานภายใต้แนวคิด “Greener & Smarter” ที่เน้นสร้างความยั่งยืนให้แก่ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนตามหลัก ESG ที่คำนึงถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม ตลอดจนดำเนินธุรกิจด้วยการส่งเสริมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐฯ เอกชน และประชาชนร่วมมือร่วมใจกันรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนผ่านการใช้พลังงานหมุนเวียน
จึงเกิดเป็นพันธกิจสำคัญที่บ้านปูฯ ได้เลือกมุ่งเน้นเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ ‘พลังงานแสงอาทิตย์’ ให้กับสังคม ตลอดจนต่อยอดพัฒนาเทคโนโลยีด้านแสงอาทิตย์ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อคนไทยทั่วประเทศเสมอมา โดยเฉพาะกิจกรรม หรืออีเวนต์ต่างๆ ที่นำพาให้ผู้บริโภคยุคใหม่สามารถใกล้ชิด และทำความเข้าใจกับพลังงานแสงอาทิตย์ได้ง่ายมากขึ้น
ศิลปะที่เยี่ยมยอด จากพลังงานสะอาดที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน
จากปีที่ผ่านมาบ้านปูฯ ได้สนับสนุนแสงไฟส่องสว่าง และแท่นชาร์จสมาร์ทโฟนจากพลังงานโซลาร์ในงาน HUA HIN LANTERN FESTIVAL 2018 ต่อเนื่องมายังปีนี้ บ้านปูฯ ยังคงจับมือกับ “ซิเคด้า มาร์เก็ต” (Cicada Market) แหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่เปิดพื้นที่ให้ผู้คนได้มาพักผ่อน ตลอดจนจับจ่ายซื้อหาสินค้าแฮนด์เมด งานศิลปะ หรืองานเชิงสร้างสรรค์ ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพราะเล็งเห็นว่านอกจากจะเป็นแลนด์มาร์คสำคัญเชิงศิลปะวัฒนธรรมของหัวหินแล้ว พื้นที่แห่งนี้ยังเป็นจุดนัดพบของคนรุ่นใหม่ที่พร้อมเปิดรับ และเรียนรู้แนวคิดเชิงอนุรักษ์พลังงาน และสิ่งแวดล้อมผ่านผลงานศิลปะร่วมสมัยที่บ้านปูฯ ได้นำเอาเทคโนโลยีโซลาร์โซลูชันมาสร้างสรรค์เป็นงานศิลปะ ภายใต้แนวคิด “เอเนอร์จี ออฟ อาร์ต” โดยนายเจมส์ รามา ปัทมินทรวิภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด ได้เล่าถึงไฮไลท์ของการสนับสนุนในปี 2019 ว่ามีด้วยกันสองอย่างคือ
โรงละครพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Amphitheater)
การนำความรู้เกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์มาถ่ายทอดให้ผู้ชมได้ฟังอย่างเพลิดเพลินในรูปแบบละครเวทีมิวสิคัล ที่มีแหล่งจ่ายพลังงานหล่อเลี้ยงแสงไฟโรงละครจากพลังงานโซลาร์ มาพร้อมกับกิจกรรมเพื่อรับของที่ระลึกจากวัสดุรักษ์โลกที่ตอกย้ำให้ผู้ชมได้เข้าใจถึงการใช้ทรัพยากร และพลังงานอย่างรู้คุณค่า อาทิ พัดลมมือถือที่มาพร้อมบรรจุภัณฑ์ถุงผ้ารีไซเคิล
โซนพักผ่อน และจุดบริการชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ (BANPU Solar Rest Area) ตลอด 24 ชั่วโมง
จุดพักผ่อนหย่อนใจที่ทางบ้านปูฯ ได้ดีไซน์โครงสร้าง ตลอดจนติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาของโซนพักผ่อนขนาด 43 ตารางเมตร ให้ผู้มาเที่ยวที่ซิเคด้า มาร์เก็ตสามารถนั่งพักชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือที่ได้พลังงานมาจากแสงอาทิตย์ ตลอดจนถ่ายรูปกับจุดพักซึ่งตกแต่งด้วยวัสดุรีไซเคิล อาทิ ขวดน้ำพลาสติก กระป๋องอลูมิเนียมได้อย่างเพลิดเพลิน
และเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของลูกหลาน สิ่งที่เราสามารถทำได้ในวันนี้ไม่ใช่เพียงแค่การประหยัดพลังงานเท่านั้น แต่เรายังควรที่จะหันมาใช้ ตลอดจนสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนหันมาใช้พลังงานหมุนเวียน อย่างพลังงานลม พลังงานน้ำ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงานที่สะอาด ทรงพลัง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแสงอาทิตย์กันให้ได้มากที่สุด
เพราะปัญหาด้านพลังงาน และสิ่งแวดล้อมไม่ใช่แค่ปัญหาของบริษัทพลังงาน หรือของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นปัญหาของมวลมนุษยชาติที่เราต้องแก้ไขร่วมกัน