ใครๆ ก็รู้ว่าสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ แต่ในยุคนี้มีน้อยคนนักที่สามารถใช้ชีวิตโดยให้ความสำคัญกับสุขภาพได้อย่างที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะเหล่าคนวัยทำงานที่กำลังก่อร่างสร้างตัว ซึ่งมักจะยกเอาเรื่องงานไว้เป็นอันดับหนึ่งเหนือความสำคัญเรื่องอื่นๆ
ผลที่ตามมาคือการทำงานแบบไม่หยุดไม่หย่อน ตั้งแต่เช้า กลางวัน จรดเย็น ไม่ว่าจะเป็นเหล่าฟรีแลนซ์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องไม่หลับไม่นอน เจ้าของธุรกิจที่เคร่งเครียดกับกิจการ หรือแม้แต่พนักงานประจำที่ทำงานแบบโหลด รับ OT ตลอด ทำให้ต้องพักผ่อนไม่เป็นเวลา คนเหล่านี้ หรือก็คือพวกเราทั้งหลายนี่แหละกำลังสั่งสมพฤติกรรมที่ทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัว เพราะทั้งการทำงานหนัก การอดหลับอดนอนจนแทบไม่ได้พักผ่อน เป็นเหมือนการก้าวขาเข้าไปในโรงพยาบาลแล้วครึ่งตัว
แต่ทั้งนี้เราเข้าใจดีว่าภาระและความรับผิดชอบหลายอย่างบางทีก็ไม่เอื้อให้เราลดปริมาณงาน หรือหยุดพักเพื่อดูแลตัวเองได้ แล้วจะมีวิธีไหนล่ะที่มาช่วยสร้างเสริมสุขภาพง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องเจียดเวลา? ถ้าอยากรู้ เราชวนมาหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน
ยุคแห่งความทรหด
ยุคสมัยนี้เป็นยุคสมัยแห่งความทรหด คนวัยทำงานไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุเท่าไรก็ต่างโหมงานหนักกันจนเป็นเรื่องปกติ มองดูคนใกล้ตัวคุณคงพบข้อพิสูจน์นี้ได้เองโดยที่ไม่ต้องพยายาม
เพราะยุคสมัยนี้บังคับให้เราต่างต้องทำงานและแข่งขันกันอย่างหนักหน่วง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงทางการเงิน แพสชัน หรือเป้าหมายในชีวิตที่แตกต่างกัน มีงานวิจัยจากจีเอฟเค ประเทศไทย พบว่าคนไทยมีชั่วโมงทำงานเฉลี่ยอยู่ที่ 50.9 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ขณะที่นานาประเทศในโลกมีชั่วโมงทำงานเฉลี่ยอยู่ที่ 36.3 ชั่วโมงเท่านั้น
ตัวเลขชั่วโมงทำงานที่สูงสะท้อนอะไรได้หลายๆ อย่าง ทั้งในแง่มุมของเศรษฐกิจและสังคม แต่ในมุมที่หลายคนอาจมองข้ามคือเรื่องของ ‘สุขภาพ’ ที่ตัวเลขนี้ทำให้เกิดคำถามว่าเราทำงานหนักกันเกินไปไหม? มีเวลาพักผ่อนเพื่อดูแลสุขภาพบ้างหรือเปล่า?
อันตรายของชีวิตที่ไร้กาลเวลา
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่อุทิศชีวิตให้กับงาน เราเชื่อว่าตัวเลข 50.9 ชั่วโมงต่อสัปดาห์คงเป็นตัวเลขเบสิกๆ สำหรับคุณ เพราะหลายครั้งเหล่าคนที่ ‘บ้างาน’ มักจะทำงานไปเรื่อยๆ โดยที่เข็มนาฬิกาแทบไม่มีความหมาย และหากเป็นไปได้ก็อยากจะถ่างเวลา 24 ชั่วโมงออกไปให้นานกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะมีจ๊อบอีกหลายงานรอให้ทำ มีอีกหลายสิ่งที่ต้องวางแผนเยอะแยะมากมายเหมือนไม่มีวันหมด
ลองหันไปมองรอบตัว มีคนไม่น้อยที่เคยผ่านชีวิตสุดแสนทรหดแบบนั้นมา แต่แล้วก็ลงเอยด้วยการหามตัวเองเข้าโรงพยาบาลในท้ายที่สุด บทเรียนเหล่านี้มีให้เห็นมากมาย เพราะแม้แต่คนทำงานเป็นกะก็ยังต้องเสี่ยงกับความป่วยไข้ หากได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ แล้วคนที่ต้องหามรุ่งหามค่ำทำงานอดหลับอดนอนแถมยังต้องใช้สมองคิดไปด้วยจะยิ่งเสี่ยงกว่าเท่าไร
วิตามินซี เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน
หลายงานวิจัยบอกตรงกันว่าความสุขของมนุษย์ไม่ได้อยู่ที่เงิน แต่วันนี้เราไม่ได้จะบอกว่าคุณควรทำงานหาเงินให้น้อยลงแล้วเอาเวลาไปพักผ่อนมากขึ้น เพราะเชื่อว่าคุณคงได้ยินจากที่อื่นๆ มาเยอะแล้วแหละ แต่เราอยากบอกว่าถ้าคุณจำเป็นจะต้องตรากตรำกับงานหนัก คุณควรหาตัวช่วยที่จะประคองร่างกายและสุขภาพให้อยู่ในสภาวะที่ดีที่สุด เพราะหากในอนาคตคุณบังเอิญพบว่าความสุขในชีวิตคุณคือเรื่องอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากเงินทอง คุณจะได้มีโอกาสสร้างความสุขนั้นขึ้นมาด้วยร่างกายที่เพียบพร้อมแข็งแรง
ทางเลือกง่ายๆ ที่อยากแนะนำคือถ้าคุณต้องการสร้างเกราะภูมิคุ้มกันตัวเองให้หนาแน่นที่สุด หนึ่งในนั้นคือการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง เช่น การกินวิตามินเสริมอย่างวิตามินซีที่มีประโยชน์ครอบคลุมสุขภาพหลายด้าน โดยเฉพาะการสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง
ในทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณะสุขได้กำหนด RDI หรือ ปริมาณสารอาหารที่ควรบริโภคต่อวันไว้ว่าคนไทยควรได้รับวิตามินซีอย่างน้อย 60 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งปริมาณนี้คือ ‘ขั้นต่ำ’ ที่หากเราได้รับน้อยไปกว่านี้นั่นเป็นสัญญาณที่เริ่มบอกว่าร่างกายของเราอาจเกิดความผิดปกติได้
แต่สำหรับคนที่ต้องการกินวิตามินเพื่อ ‘เสริม’ และ ‘ป้องกัน’ การกินให้มากกว่าปริมาณขั้นต่ำจึงเป็นเรื่องสำคัญ ในแวดวงสุขภาพได้แนะนำว่าการกินวิตามินซีเพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันและป้องกันโรคหวัด ควรได้รับวิตามินให้ถึงปริมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเท่ากับการกินส้มเขียวหวานถึง 6 กิโลกรัม!
นอกจากจะมีผลดีกับสุขภาพแล้วยังสร้างผลพลอยได้เป็นเรื่องการปกป้องผิวจากรังสี UV ลดการทำงานของเม็ดสีเมลานิน และยังช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนอีกด้วย เรียกว่าดีทั้งภูมิ ดีทั้งผิว สวยครบสุขภาพดี
(วิตามิน) C ที่แท้ทรู
เราเลยอยากแนะนำวิธีการเลือกวิตามินซีอย่างมีคุณภาพ เนื่องจากวิตามินซีเสื่อมสลายด้วยแสงและความร้อนง่าย ดังนั้นการผลิตโดยโรงงานที่ได้มาตราฐานการผลิตระดับสากล GMP/PICs และบรรจุในขวดแก้วสีชาที่เป็นเกรด Pharmaceutical grade glass จะทำให้คงคุณภาพเต็มเม็ด ยิ่งมีการผสานวัตถุดิบจากธรรมชาติอย่างไบโอฟลาโวนอยด์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมวิตามินซีของร่างกาย สิ่งสำคัญอีกอย่างควรเลือกสูตรที่ลดการระคายเคืองกระเพาะอาหารด้วยนะ
นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นวิตามินซีชนิดค่อยๆ ปลดปล่อย ทำให้ออกฤทธิ์ต่อเนื่อง สำหรับคนที่ต้องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะ ซึ่งการที่เม็ดวิตามินค่อยๆ ปลดปล่อยวิตามินออกมาช้าๆ ทำให้มีวิตามินซีดูดซึมอยู่ในร่างกายยาวนาน
ถ้าคุณเป็นคนทำงานหนักและไม่มีเวลาดูแลตัวเองมากนัก การเสริมวิตามินซีคือตัวเลือกด้านสุขภาพที่มาพร้อมประโยชน์ด้านผิวพรรณจากสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งถ้าคุณอยากเริ่มต้นการมีชีวิตและสุขภาพที่ดีตั้งแต่ตอนนี้ ลองมาเล่นเกม ‘แข่งเก็บส้ม’ ของ Blackmores กันที่ https://blackmoresvitaminc.com
อ้างอิงข้อมูลจาก
Role of Vitamin C and Vitamin E in Skin Health, ภก.ถนอมพงษ์ เสถียรลัคนา, บทความวิชาการ www.research-system.siam.edu/
จีเอฟเค ประเทศไทย
https://inmu2.Mahidol.ac.th/thaifcd/home.php สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
“ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องทางเภสัชศาสตร์”, งานประชุมวิชาการ Good Manufacturing Practice – Pharmaceutical Inspection Co-Operation Scheme (GMP-PIC/S)
https://hmc.usp.org/sites/default/files/documents/HMC/GCs-Pdfs/c660.pdf
Vinson JA1 and Bose P: Comparative bioavailability to humans of ascorbic acid alone or in a citrus extract.
Joon-Kyung Lee, Sang-Hyuk Jung, Sang-Eun Lee, Joo-Hui Han, Eunji Jo, Hyun-Soo Park, Kyung-Sun Heo, Deasun Kim, Jeong-Sook Park and Chang-Seon Myungcorresponding and Chang-Seon Myung: Alleviation of ascorbic acid-induced gastric high acidity by calcium ascorbate in vitro and in vivo