เมื่อความร้อนแรงของสตรีทแวร์ซิกเนเจอร์ชัดของเมืองไทยอย่าง Hold’em มารวมตัวกับ BLEND 285 Signature ความพิเศษครั้งยิ่งใหญ่จากลายเซ็นที่ชัดเจนของทั้งสองแบรนด์จึงเกิดขึ้น
จากคาแร็กเตอร์สามแถบที่อยู่บนกางเกงยีนส์ มาเบลนด์รวมกับซิกเนเจอร์ของ BLEND 285 Signature เกิดเป็น Signature ใหม่ ทั้งบนเสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์ พร้อมกับอีเวนต์ครั้งใหญ่ของทั้งสองแบรนด์ที่ใจกลางกรุงเทพฯ อย่างสยามสแควร์
เราชวนคุณมาคุยกับ คุณแมค – กฤษฎา ปิณฑะเกษตริน ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Hold’em ถึงที่มาและความพิเศษของแบรนด์เสื้อผ้า Streetwear ที่ทุกคนใฝ่ฝัน รวมทั้งไขข้อสงสัยตั้งแต่เรื่องที่มาของสามแถบ ทำไมคนถึงล้นสยามทุกครั้งที่มีการเปิดคอลเล็กชั่นใหม่ๆ และอนาคตที่เติบโตต่อไปของ Hold’em
คอลเล็กชั่นเสื้อผ้าจากความฝันของคนรักอะนิเมะ
เมื่อพูดถึง Hold’em อย่างแรกที่ทุกคนคิดถึงคือ ซิกเนเจอร์สามแถบที่พาดอยู่บนขากางเกงหรือแขนเสื้อ และสามแถบนี้แหละคือแรงบันดาลใจที่ทำให้เป็น Hold’em อย่างในทุกวันนี้
“Hold’em เริ่มเข้าสู่ปีที่ 10 แล้ว” คุณแมคเริ่มต้นเล่าเรื่อง “ซิกเนเจอร์ที่ทำให้ลูกค้ารู้จักและชอบแบรนด์เรามากๆ ก็คือกางเกงครับ แรงบันดาลใจเกิดขึ้นจากตัวการ์ตูนที่เราชอบ แล้วเราก็อยากใส่กางเกงตัวนี้เหมือนกับที่ตัวการ์ตูนใส่ เลยผลิตออกมา แล้วก็กลายเป็นลายเซ็นไปในที่สุด จากตรงนั้นก็พัฒนามาเรื่อยๆ ทั้งสไตล์รวมทั้งโลโก้ด้วยที่เป็น ตัว H มาจากชื่อ กับเลข 8 ที่เป็นเลขวันเกิดและเลขของอินฟินิตี้”
กางเกงยีนส์คือความรักเริ่มต้นที่ทำให้เกิดแบรนด์ จากปัญหาที่มักพบจากสรีระรูปร่างของคนไทย Hold’em จึงเกิดมาเพื่อเป็นเสื้อผ้าที่ทำให้คนไทยใส่ออกมาสวย “ตอนแรกเริ่มจากชอบสะสมยีนส์ครับ แล้วก็เห็นว่าที่ซื้อมาไม่ได้ตอบโจทย์ที่เราอยากได้จริงๆ อย่างขากองหรือไม่เข้ากับรูปร่าง เราก็เลยออกแบบมาให้เข้ากับที่เราใส่ได้ ประกอบกับอยากใส่ของที่ออกแบบเอง แรกๆ เลยออกมาเป็นกางเกงยีนส์ก่อน”
ผลงานซิกเนเจอร์ สู่ลิมิเต็ดเอดิชั่น
“ซิกเนเจอร์ลายสามแถบตัวแรก ตอนนี้ไส่กรอบเก็บไว้ที่โรงงานครับ เพราะเป็นตัวแรกที่ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น” ในช่วงเวลาที่โซเชียลมีเดียยังไม่แพร่หลายเท่าในปัจจุบัน แต่กางเกงยีนส์ของ Hold’em ก็เข้าไปครองใจคนรักยีนส์หลายคนด้วยดีไซน์และความใส่ใจในรายละเอียดของยีนส์
ระยะเวลา 10 ปี กินเวลาตั้งแต่คุณแมคยังเป็นวัยรุ่น จนปัจจุบันที่เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ สะท้อนไปกับคาแร็กเตอร์ของ Hold’em ที่เติบโตขึ้นตามคุณแมคและกลุ่มลูกค้า “คอนเซ็ปต์เริ่มแรกของแบรนด์คือ ทำอะไรที่เราอยากทำออกมาใส่ ตอนเริ่มแบรนด์แรกๆ เป็นวัยรุ่นก็จะมีความหวือหวาหน่อย มีลวดลายเยอะๆ สีสันฉูดฉาด แต่พอตอนนี้เริ่มโตขึ้น จากที่เคยเป็นโลโก้เยอะๆ ก็เริ่มปรับเป็นลายเซ็นเล็กๆ ลดความหวือหวา กลายมาเป็นเรียบหรูขึ้น ใส่ได้หลายโอกาส”
“เมื่อก่อนจะมีเว็บบอร์ดกลุ่มคนรักยีนส์เหมือนกันมาเป็นลูกค้าในช่วงแรกๆ ทำไปทำมาก็ได้ตลาดที่จีนครับ ก็เลยหยุดขายที่ไทยไปก่อนพักหนึ่งแล้วไปเมืองจีน แบรนด์ก็เลยดังในเมืองจีนมากๆ พอเราเริ่มมีทุนแล้ว เราก็กลับมาเมืองไทย ปรับเปลี่ยนการตลาดให้เป็นลิมิเต็ดแล้วก็กลับมามีชื่อเสียงที่บ้านเราเอง”
ปรากฏการณ์ในสยามสแควร์ สู่ปรากฎการณ์ซิกเนเจอร์กับ BLEND 285 Signature
ร้านแฟล็กชิปของ Hold’em ที่ตึกสยามกิตติ์เนืองแน่นไปด้วยผู้คนในทุกเช้าที่มีการประกาศคอลเล็กชั่นใหม่ นี่คือความพิเศษที่มีเพียงผู้โชคดีเท่านั้นที่จะได้ครอบครอง
“ส่วนมากจะผลิตออกมาที่ 88 ชิ้น แล้วแต่คอลเล็กชั่นที่จะออกครับ ซึ่งจะเริ่มจากลงทะเบียนจับฉลากในเว็บไซต์ก่อน อย่างล่าสุดมีคนลงทะเบียนไป 6,000 คน เราคัดมาเหลือ 1,000 คนที่หน้าร้าน แล้วก็หาผู้โชคดี 88 คนสุดท้าย”
จากเลข 88 ปกติมาสู่ความพิเศษที่ Hold’em คอลแลบครั้งแรกกับ BLEND 285 Signature ในคอลเล็กชั่นพิเศษล่าสุด ที่ได้เบลนด์ความพิเศษหลายอย่างร่วมกันระหว่างสองแบรนด์ “ปกติกางเกงของผมซิกเนเจอร์จะเป็นสามแถบเรียบคาดตรง แต่ของ BLEND 285 คอลเล็กชั่นนี้ผมออกแบบให้เป็นคาดแบบใหม่ที่คิดอยากจะทำมานานแล้ว ซึ่งผมชอบมากจนสักไว้ที่ขาด้วย”
และเช่นเดียวกันที่ซิกเนเจอร์สุดพิเศษของ Hold’em ก็ได้มาอยู่บนผลิตภัณฑ์ BLEND 285 Signature ที่วางจำหน่ายทั่วประเทศไทยด้วย จึงนับเป็นก้าวสำคัญสำหรับทั้งสองแบรนด์ที่จะได้สร้างซิกเนเจอร์พิเศษสำหรับคนพิเศษ “ผมตื่นเต้นและภูมิใจมากครับที่ได้เห็นลายเส้นสีทองที่เราออกแบบเองอยู่บนชั้นวางสินค้าทุกที่ จากเดิมที่มีแค่กลุ่มลูกค้าของเราที่เห็น แต่ครั้งนี้คือได้ออกสู่สายตาคนทั้งประเทศ”
BLEND 285 Signature กับการคอลแลบครั้งสำคัญ
นอกจากลายเซ็นของเส้นแถบเฉียงที่เป็นพิเศษสำหรับคอลเล็กชั่นนี้ ลุคใหม่ของ Hold’em ในครั้งพิเศษนี้จะดูเรียบหรูขึ้น ฉีกแนวจากเดิม แต่ก็ยังคงคาแร็กเตอร์ของแบรนด์ไว้อย่างชัดเจน
“ครั้งนี้เป็นโอกาสพิเศษมากครับ ที่ทางแบรนด์กับ BLEND 285 Signature มีไอเดียที่ตรงกัน ตรงที่พอเรามาเบลนด์รวมกันแล้วเห็นแล้วรู้เลยว่ามีจุดเด่น แต่ก็ไม่ใช่จุดเด่นที่โดดหรือเว่อร์ ซึ่งทางผมเองก็ยังไม่เคยคอลแลบกับแบรนด์ไหนเลย ไม่ว่าจะแบรนด์ไทยหรือต่างประเทศ ครั้งนี้เลยตื่นเต้นและพิเศษมากๆ เพราะเป็นครั้งแรก และมีคอนเซ็ปต์ที่ตรงกัน”
นอกจากคอลเล็กชั่นคอลแลบกันระหว่าง Hold’em และ BLEND 285 Signature แล้ว เกิดผลลัพธ์เป็นแถบคาดสีทองและลิมิเต็ดคอลเล็กชั่นแค่ 285 ตัว ความพิเศษอีกอย่างยังเป็นการจัดงานอีเวนต์ที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ทำแบรนด์มาเป็นเวลา 10 ปี ในวันที่ 19 ธันวาคมนี้ ที่ Hold’em สยามสแควร์
“ในงานก็จะมีกิจกรรมมากมาย ไฮไลต์อยู่ที่เซ็ตพรีเมียมแพ็คเกจที่เราออกแบบพิเศษเพื่อ BLEND 285 Signature รวมทั้งบรรยากาศในงานที่รับรองว่าสนุกและถูกใจคนมีซิกเนเจอร์แน่นอน”
แน่นอนว่าคำถามทิ้งท้ายจะต้องเป็นอีกซิกเนเจอร์ให้ Hold’em และคุณแมคได้บอกเล่าคาแร็กเตอร์ของตัวเองว่า หากให้เปรียบเทียบ Hold’em เป็นเครื่องดื่ม คิดว่าเป็นอะไร?
“โซดามั้งครับ เพราะซ่า มิกซ์กับอะไรก็ได้ จะทานกับน้ำแดงให้หวานๆ หรือกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก็สนุก เหมือนเสื้อผ้าเราที่มิกซ์กับอะไรก็ได้ จะเป็นสูทสำหรับใส่ไปโอกาสสำคัญ งานสังคม หรือไปเที่ยว ไปทะเล ก็ไปได้ทุกที่ แล้วก็ซ่าด้วย”