คุณอาจจะไม่รู้สึกตื่นเต้นสักเท่าไหร่หากเราบอกว่า ยงสิทธิ์ ยงกมล คือนักแซ็กโซโฟนมือฉกาจที่ได้ไปแสดงที่จอห์น เอฟ.เคนเนดี เซ็นเตอร์ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.มาแล้ว
คุณอาจจะพยักหน้าเล็กๆ เมื่อรู้ว่า ยูทาโร่ ฮามาดะ คือนักแสดงตลกที่เรียกเสียงหัวเราะของผู้คนในโอซากาได้มากกว่าครั้งไหน
แน่นอนว่าคุณอาจจะยิ้มตามมารยาท ถ้าเราบอกว่า เฮเลน เคลเลอร์ คือนักเขียน นักรณรงค์ผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกใบนี้
กระทั่งคุณอาจจะเพียงแค่เลิกคิ้วบางๆ ให้กับความสำเร็จของ ฟาเบียน โอสต็อง ครูสอนเต้นสาวชาว ขวัญใจผู้ชมจากรายการชื่อดังทางโทรทัศน์ในฝรั่งเศส
เพราะความสำเร็จของผู้คนทั่วไปเป็นเรื่องที่เราพบเห็นได้ทุกเมื่อเชื่อวัน ในเมื่อโอกาสมากมายต่างเปิดประตูต้อนรับให้ผู้ที่มีความฝัน และความอุตสาหะผ่านเข้ามาได้ทุกเมื่อ แต่เชื่อว่าคุณอาจจะรู้สึกทึ่งมากขึ้นถ้าเราบอกว่ารายชื่อที่พูดไปข้างต้น คือเหล่าคนที่ประตูโอกาสไม่ได้เปิดรับง่ายๆ คือเหล่าคนที่อาจต้องใช้ความพยายาม และแรงผลักดันมากกว่าคนปกติหลายเท่า แต่ก็เป็นเหล่าคนที่ไม่ย่อท้อ ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาจนสามารถคว้าดวงดาวที่ต้องการมาครอบครองได้ และนี่ก็คือเรื่องราวของคนที่แม้โลกไม่ได้มอบแสงสว่างมาให้ แต่ก็ไม่ยอมฝังกายไว้ใต้ความมืดตลอดกาล เรื่องราวของ “ผู้พิการทางสายตา”
เฮเลน เคลเลอร์ นักรณรงค์หญิงผู้มีชื่อเสียงในฐานะตัวแทนของผู้พิการทางสายตาเคยกล่าวไว้ว่า
“The only thing worse than being blind is having sight but no vision.”
การเกิดมาเป็นผู้พิการทางสายตา หรือกระทั่งประสบอุบัติเหตุจนทำให้คนจำนวนหนึ่งไม่สามารถมองเห็นได้อีกตลอดกาลเป็นสิ่งที่คนเหล่านั้นเลือกไม่ได้ แต่สิ่งที่ผู้พิการทางสายตาเลือกได้คือการมีฝัน และสานฝันในบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาเชื่อให้สำเร็จ ทว่าอย่างที่เรารู้กันดีว่าโอกาสที่พวกเขาจะได้แสดงฝีมือในฐานะคนธรรมดาคนหนึ่งนั้นช่างน้อยนิดเมื่อเทียบกับคนทั่วไป ทั้งที่จริงๆ แล้วแม้ร่างกายจะมีส่วนบกพร่อง แต่ถ้าพวกเขาคิดจะทำอะไรสักอย่าง คนเหล่านั้นก็สามารถทำได้ดีไม่แพ้คนทั่วไปเลย
ครั้งแรกบนเวทีลูกหนังโลกของทีมชาติไทย
ในปี 2018 ที่ผ่านมาหากใครได้ติดตามข่าวแวดวงลูกหนังไทยสักหน่อยคงพอจะรู้ว่า เป็นปีแห่งข่าวดีที่ทีมฟุตบอลคนตาบอดไทยสามารถคว้าชัยเป็นอันดับที่ 3 ในเอเชีย ได้โควต้ามุ่งหน้าสู่กรุงมาดริด ประเทศสเปน เพื่อชิงแชมป์โลกเป็นครั้งแรก แม้ผลจะจบที่ไม่ได้ถ้วยรางวัลติดมือกลับมา แต่ก้าวแรกของโอกาสในครั้งนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าถ้าตั้งใจจริง ไม่ว่าคนเราจะมีความบกพร่องทางร่างกายหรือไม่ นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย
ปริญญาแห่งความตั้งใจจริง
ชื่อของ อ.มณเฑียร บุญตัน อาจไม่ได้เป็นที่รู้จักไปทั่ว แต่ในแวดวงผู้พิการทางสายตาแล้ว เขาคนนี้คือบุคคลสำคัญที่ต่อสู้เพื่อสิทธิของคนพิการในหลายเวที จนกระทั่งได้รับเลือกเป็นสมาชิกคณะกรรมการว่าด้วยสิทธิคนพิการแห่งสหประชาชาติ (CRPD) แม้สายตาจะไม่สามารถมองเห็นตัวหนังสือเหมือนคนทั่วไป แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคขวางการเรียนรู้ เพราะเขาสามารถคว้าถึงสามปริญญา สองตรี หนึ่งโท จากมหาวิทยาลัยชื่อดังในไทย และสหรัฐอเมริกา
ก้าวที่สดใสสู่ยักษ์ใหญ่แห่งวงการไอที
เชื่อว่าถ้าพูดถึง Microsoft คงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือหนึ่งในบริษัทในฝันของคนทำงานสายไอที หรือแม้แต่คนทั่วไปทุกคน คงไม่ต้องบอกว่าการจะก้าวสู่การเป็นพนักงานของบริษัทแห่งนี้ได้จำเป็นจะต้องพัฒนาตัวเองให้มีศักยภาพสักแค่ไหน ซึ่ง อสุนา อ.วิบูลย์กิจ อดีตนักเรียนที่ทางมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้สนับสนุนให้ได้เข้าเรียนในชั้นมัธยมศึกษาร่วมกับนักเรียนทั่วไป ก็ใช้โอกาสที่ได้รับผลักดันตัวเองจนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทในฝันแห่งนี้จนได้ สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้พิการทางสายตาคนอื่นๆ อีกหลายคน
ตัวโน้ตแห่งพรแสวง
เคยมีคนกล่าวไว้ว่าดนตรีนั้นไม่มีพรมแดน ซึ่ง ยงสิทธิ์ ยงกมล นักดนตรีอัจฉริยะผู้ไม่ปล่อยให้ความมืดมาเป็นเส้นกั้นระหว่างเขา และการเล่นแซ็กโซโฟนที่เขารักได้ ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าคำพูดนั้นจริงยิ่งกว่าจริง เมื่อเขาสามารถพาตัวเองไปยืนอยู่ต่อหน้าผู้ชมบน Millennium Stage ใน John F.Kennedy Center กรุงวอชิงตันดีซี สหรัฐอเมริกาได้เป็นผลสำเร็จ ทั้งยังส่งต่อสิ่งดีๆ แก่นักดนตรีผู้พิการทางสายตาคนอื่นๆ ด้วยการเขียนโน้ตดนตรีอักษรเบรลล์แจกจ่ายอีกด้วย
“A problem is a chance for you to do your best.”
Duke Ellington
เพราะการตั้งข้อกังขา และคอยสงสัยในเรื่องทั่วไปอย่าง คนตาบอดจะเลือกชุดยังไง พวกเขาจะฝันบ้างไหม ไม่ใช่คำถามที่ก่อให้เกิดประโยชน์ได้เท่ากับว่า ถ้าให้โอกาสกับคนเหล่านี้ แล้วพวกเขาจะสามารถไปได้ไกลแค่ไหน เพราะผู้พิการทางสายตาต่างรู้ตัวถึงข้อจำกัดที่มีอยู่ ทว่าความบกพร่องกลับนั้นไม่ใช่อุปสรรคที่ขวางพวกเขาไม่ให้ทำให้สิ่งที่อยากทำ หรือเป็นในสิ่งที่อยากเป็น
อย่างที่เราทุกคนต่างเชื่อในประโยคเท่ๆ ที่การ์ตูน หรือภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์กล่าวไว้ ว่าถ้าเราพยายามมากพอเราจะสามารถทำได้ ถ้าเราต้องการมากพอเราจะคว้าสิ่งนั้นมาครองได้สำเร็จ ในทำนองเดียวกันผู้พิการทางสายตาต่างก็มีความเชื่อ ความต้องการที่จะประสบความสำเร็จ หรือเป็นที่ยอมรับในด้านต่างๆ เช่นกัน
พวกเขามีความเชื่อ มีความพร้อมที่จะผลักดันตัวเองไปให้ถึงสิ่งที่หวัง บางคนมีพรสวรรค์ บางคนมาด้วยพรแสวง เพียงสิ่งเดียวที่พวกเขาขาด นั่นก็คือ ‘โอกาส’ โอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนให้ทำตามฝัน โอกาสที่จะได้ลงชิงชัยในสนามเดียวกับคนปกติทั่วไป กระทั่งโอกาสที่จะได้พิสูจน์ตัวเองว่าพวกเขานั้นก็คู่ควรกับเสียงปรบมือไม่แพ้ใคร
ด้วยเหตุนี้มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จึงอยากขอโอกาสจากทุกๆ คนในการส่งมอบสิ่งที่เป็นเสมือนแสงสว่างท่ามกลางความมืด ผ่านการบริจาคเงินสนับสนุนภายใต้โครงการ More than eyes can see 80 ปีมากกว่าที่เห็น ได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักพหลโยธิน เลขที่บัญชี 884-8-88488-0 ชื่อบัญชี มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เพื่อส่งเสริมด้านการศึกษา และฝึกอาชีพแก่ผู้พิการทางสายตาซึ่งขาดทุนทรัพย์
เพราะโอกาส คือแสงสว่างสำหรับผู้พิการทางสายตา อย่าถามว่าอะไรที่พวกเขาทำได้ แต่จงมอบโอกาสเพื่อให้พวกเขา ‘ได้ทำ’