ตื่นเช้าเราแปรงฟัน ก่อนเข้านอนก็แปรงฟัน
เพราะมันเป็นกิจวัตรประจำวันที่ถูกปลูกฝังมาให้ทำเป็นประจำ เพื่อที่จะได้มีฟันที่แข็งแรง ลมหายใจสดชื่น แต่ทุกวันที่เราทำไปนั้นเคยสงสัยไหมว่า เราแปรงฟันถูกวิธีกันแล้วหรือยัง แล้วมีวิธีการแปรงฟันแบบไหนอีกบ้างนอกจากแบบที่เราทำกันจนเคยชิน
ลองนึกถึงเวลาดูซีรีส์ต่างประเทศ แล้วหลายครั้งหลายหนเห็นตัวละครแปรงฟันเสร็จ ก็ใช้ผ้าเช็ดคราบยาสีฟันมุมปากแล้วจบกัน ตัวละครออกไปใช้ชีวิตตามปกติ ไม่เห็นต้องบ้วนน้ำเปล่าตามแบบที่เราทำอยู่ทุกวันเลย หลายคนอาจจะเก็บความสงสัยนี้ไว้ในใจตลอดมาว่าการแปรงฟันแบบนี้มันดีกว่าอย่างไร
การประชุมของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติได้ข้อสรุปว่า การแปรงฟันแบบแห้งช่วยป้องกันฟันผุได้ เพราะการบ้วนน้ำจะลดประสิทธิภาพของฟลูออไรด์ลง พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ แปรงสีฟันช่วยทำให้ฟันสะอาด กำจัดเศษอาหาร คราบพลัคออกจากซอกฟันซอกเหงือก ส่วนยาสีฟันหน้าที่หลักคือช่วยทำให้ฟันแข็งแรงด้วยฟลูออไรด์ที่ผสมอยู่ในเนื้อยาสีฟันนั่นเอง
การแปรงฟันแห้งนั้น ได้รับความนิยมในต่างประเทศมาตั้งแต่มีการเผยแพร่งานวิจัยในวารสารของสมาคมทันตแพทย์อเมริกัน เมื่อปี ค.ศ.1998 พบว่าผู้ที่แปรงฟันแบบแห้งติดต่อกันเป็นเวลา 6 เดือน เห็นผลอย่างชัดเจนว่าคราบหินปูนลดลง 63% และอาการเลือดออกขณะแปรงฟันลดลง 55% ทำให้มีการพยายามเผยแพร่แนวคิดนี้อย่างต่อเนื่องและแพร่หลายมาราว 20 กว่าปี
ส่วนในประเทศไทยเพิ่งมีการเผยแพร่แนวคิดนี้มากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เอง ทันตสาธารณสุขของหลายจังหวัดมีการรณรงค์ให้เด็กๆ ในโรงเรียนประถมศึกษาหลายแห่งแปรงฟันแห้งแล้ว เนื่องเด็กเล็กมีโอกาสฟันผุได้ง่าย โดยเน้นย้ำถึงการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองที่ต้องคอยดูแลไม่ให้เด็กกลืนยาสีฟันระหว่างที่แปรงฟันได้
วิธีการแปรงฟันแห้งนั้นต้องอาศัยการฝึกฝนสักระยะ เพราะในช่วงแรกอาจจะรู้สึกไม่ชินหากต้องเปลี่ยนวิธีการแปรงฟันที่เราคุ้นเคยมาตลอด แต่จงนึกในใจเสมอทุกครั้งว่านี่เป็นหนึ่งในหนทางที่ทำให้ฟันของเราได้ซึมซับฟลูออไรด์จากยาสีฟันได้เต็มที่กว่าเคยนะ
หากกลัวว่าจะไม่สะอาด อาจเริ่มจากการแปรงด้วยแปรงสีฟันเปล่าๆ ก่อนหนึ่งรอบเพื่อขจัดเศษอาหาร คราบสกปรกต่างๆ ปัดขนแปรงขึ้นลงทำมุม 45 องศาบริเวณขอบเหงือก เพื่อขจัดคราบพลัคที่มักเกาะอยู่ตามร่องเหงือก หลังจากนั้นจึงล้างทำความสะอาดแปรงสีฟันและทำให้แห้ง ค่อยบีบยาสีฟันในปริมาณพอเหมาะ แล้วแปรงฟันอีกครั้ง โดยเน้นให้ยาสีฟันสัมผัสกับผิวฟันให้ทั่วบริเวณ ทุกซอกมุม โดยการหมุนเป็นวงกลมเล็กๆ สั้นๆ ใช้เวลากับการทำความสะอาดฟันทีละซี่อย่างเต็มที่ ขึ้นอยู่กับรูปฟันของเราว่ามีซอกลึกเร้นลับมากแค่ไหน อย่าลืมว่าต้องแปรงให้ครบ โดยแนะนำว่าช่วงแรกอาจจะลองออกมายืนแปรงฟันนอกห้องอาบน้ำ เพราะหากอยู่ใกล้อ่างล้างหน้า เราก็อาจจะลืมตัวบ้วนปากไปแบบอัตโนมัติ เมื่อรู้สึกว่าฟันสะอาดแล้วจึงบ้วนยาสีฟันออกให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จากนั้นทิ้งไว้ 30 นาทีก่อนจะดื่มน้ำ หรือกินอาหาร เพื่อให้ฟลูออไรด์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ยาสีฟันที่เหมาะกับการแปรงฟันแบบแห้งก็คือ ยาสีฟันที่ไม่มีสารประกอบที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ อย่าง SLS (Sodium Lauryl Sulfate) ซึ่งมีหน้าที่ทำให้เกิดฟองขณะแปรงฟัน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองบริเวณรอบริมฝีปาก ปากลอก หรือมีอาการแสบร้อน รวมไปถึงสารกันบูดประเภทพาราเบน หรือสารเคมีฆ่าเชื้อแบคทีเรียอย่างไตรโครซาน การสะสมสิ่งเหล่านี้เป็นเวลานานอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นสาเหตุให้ต่อมฮอร์โมนในร่างกายทำงานผิดปกติได้ แต่ทางที่ดีหากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของฟลูออไรด์ด้วยการแปรงแห้งแล้วล่ะก็ ควรเลือกซื้อยาสีฟันที่มีฟองน้อยหรือสังเกตว่าไม่มีการผสมสาร SLS และปลอดภัยจากสารเคมีต่างๆ ก็จะเป็นผลดีต่อร่างกายมากกว่า เหมือนยาสีฟัน CURAPROX BE YOU ซึ่งมีปริมาณฟลูออไรด์ 950 ppm ที่กำลังพอเหมาะต่อการดูแลฟันให้แข็งแรง ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ เพิ่ม Provitamin B5 ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้เนื้อเยื่อในช่องปาก และมีเอ็นไซม์กระตุ้นกลไกการต่อต้านแบคทีเรียในช่องปากโดยไม่ต้องใช้สารเคมี
เลือกสีที่ใช่ รสชาติที่ชอบได้ถึง 6 แบบเหมาะอย่างยิ่งสำหรับใครที่อยากเริ่มต้นแปรงฟันแห้งดูบ้าง ติดตามข้อมูลการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างถูกวิธีได้ที่ https://www.facebook.com/curaproxth/
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.nature.com/articles/sj.bdj.2012.260
https://www.drbunn.com/faq/dry-brushing
https://www.4drsteve.com/dry-brushing-why-do-it/
https://www.delanodental.com/blog/delano-dentists-promote-benefits-dry-brushing/
http://www.hygieneedge.com/blog/2015/5/14/dry-tooth-brushing