แม้ว่าจะมีข่าวดี จากมาตรการคลายล็อกดาวน์ที่เริ่มต้นตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อยังคงอยู่ในระดับหลักหมื่น
สะท้อนถึงการแพร่ระบาดที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอย่างที่ทราบกันว่า หนึ่งในปัจจัยของการติดเชื้อ นั่นก็คือการสูดเอาละอองฝอยหรือสารคัดหลั่งที่มีเชื้อไวรัสเข้าไป ยิ่งในสถานที่ปิด ไม่มีอากาศถ่ายเทจากภายนอก อย่างร้านอาหารหรือภายในบ้านที่มีการใช้เครื่องปรับอากาศ ก็ยิ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้เช่นเดิม
ตัวช่วยในการป้องกันที่ดีที่สุด นอกจากการสวมหน้ากากอนามัยแล้ว นั่นก็คือ ‘เครื่องฟอกอากาศ’ ที่เคยเป็นพระเอกตอนช่วงที่เกิดวิกฤตฝุ่น PM2.5 แล้ว มาถึงตอนนี้นวัตกรรมได้พัฒนาไปอีกขั้น จนสามารถยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ ซึ่งแบรนด์เครื่องฟอกอากาศที่สามารถทำได้สำเร็จคือ ‘ไดกิ้น’ มีจุดเด่นคือการใช้เทคโนโลยีสตรีมเมอร์ (Streamer) ที่ปล่อยประจุไฟฟ้าพลาสม่าสตรีมเมอร์ (Streamer discharge) ความเร็วสูง มีประสิทธิภาพในการสลายสสารอันตรายได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ สามารถช่วยยับยั้งไวรัสและแบคทีเรีย สารก่อภูมิแพ้ ก๊าซอันตรายได้มากกว่า 60 ชนิด และแน่นอนว่าสามารถช่วยยับยั้งไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ได้สูงถึง 99.9%*
ซึ่งตัวเลข 99.9% ไม่ได้เคลมกันเล่นๆ แต่ยืนยันจากผลการทดสอบของมหาวิทยาลัยมหิดล โดยทำการทดสอบประสิทธิภาพของเทคโนโลยีสตรีมเมอร์ ด้วยการเปิดเครื่องฟอกอากาศเป็นเวลา 6 ชั่วโมง ปรากฏว่าสามารถช่วยยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรน่า (SARS-CoV-2) ที่แพร่ระบาดในไทย ได้ 99.9% * ภายในระยะเวลา 4 ชั่วโมงเท่านั้น
อ้างอิงจากผลทดสอบเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2564 แถมยังยืนยันผลเช่นเดียวกับการทดสอบที่ญี่ปุ่นอีกด้วย
เรียกว่าในสถานการณ์ที่ยังไว้ใจอะไรไม่ได้ การมีตัวช่วยอย่าง ไดกิ้น สตรีมเมอร์ในราคาหมื่นต้นๆ ติดไว้ที่บ้านหรือที่ทำงาน ยังไงก็ช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ
ศึกษารายละเอียด เครื่องฟอกอากาศไดกิ้น สตรีมเมอร์ ได้ที่ https://www.daikin.co.th/product/residential/air-purifier/
*ผลทดสอบในห้องทดลองกับเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 พบว่าสตรีมเมอร์สามารถช่วยกำจัดเชื้อไวรัสได้ 99.9% ภายใน 4 ชั่วโมงโดยคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล 18 มิ.ย. 2564