พอโตขึ้นหน้าตาก็เปลี่ยนไป พอหมดใจสุดท้ายก็เปลี่ยนคน ก็ความเปลี่ยนแปลงกับชีวิตคนเรานั้นน่ะเป็นเรื่องแสนจะธรรมด๊าธรรมดา
มนุษย์รู้จักการวิวัฒนาการเพื่อความอยู่รอดมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ ตามช่วงวัย หรือการเปลี่ยนแปลงที่ตั้งใจให้เกิดขึ้นเพื่อผลลัพธ์บางอย่าง เพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาด เรารู้จักเรียนรู้จากประสบการณ์ในอดีต ไม่หยุดย่ำอยู่กับที่ แต่เลือกที่จะปรับตัวเพื่อแสวงหาสิ่งที่ดีกว่า
ในความเปลี่ยนแปลงของแต่ละช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น มาลองดูตัวอย่างกันดีกว่าว่า การปรับและเปลี่ยนเรื่องไหนที่ทำให้ชีวิตของเราปังปุริเย่ขึ้นได้บ้าง
เปลี่ยนวิถีชีวิตให้ใช้สิ่งของอย่างรู้คุณค่า
ถึงในตำราไม่เคยบอกไว้ว่าการใช้หัวใจเปลืองจะทำให้ก้อนเนื้อขนาดเท่ากำปั้นอ่อนไหว แต่ผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ยืนยันแล้วว่าการใช้ทรัพยากรเปลืองทำให้สิ่งแวดล้อมอ่อนแอขึ้นแน่ๆ การเติบโตของอุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลกคือศัตรูตัวฉกาจที่ทำให้ธรรมชาติต้องรับผลกระทบไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะดีกว่าไหมถ้าหากเราลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคนละเล็กคนละน้อย หันมาใช้ชีวิตตามแนวทาง Circular Living หรือการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับอนาคต มองเห็นถึงคุณค่าของทรัพยากร หมุนเวียนนำสิ่งของกลับมาใช้ใหม่ ไม่ใช้ทิ้งใช้ขว้าง มีความรับผิดชอบต่อการบริโภคมากขึ้น
อย่างเช่นการใช้พลังงานที่วันหนึ่งอาจมีวันหมดไป ไม่ได้หาทดแทนได้ง่ายๆ เหมือนคนที่หมดใจจากกัน นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ถึงต้องออกฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ที่ช่วยบอกเราว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องไหนได้ประสิทธิภาพ และช่วยเราประหยัดไฟฟ้าได้ดี (หมายเลข 5 คือมาตรวัดที่บอกว่ามีประสิทธิภาพในการประหยัดไฟมากที่สุด) เพราะถ้าทุกคนต่างตระหนัก และหันมาช่วยกันใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า ต่อให้ในอนาคตจะมืดมนเพราะมีคนหมดใจ อย่างน้อยเราก็ยังมีไฟช่วยส่องสว่างไปอีกนานหลายปี
เปลี่ยนมาซื้อของที่ได้มาตรฐาน
สิ่งที่ทำให้หัวใจมนุษย์สั่นไหว ถ้าไม่ใช่คนที่ถูกใจ ก็เห็นจะมีแต่ป้ายเซลล์นั่นแหละ ก็ความรู้สึกตอนช้อปของถูกมันช่างดี๊ดี เหมือนปัดทินเดอร์แล้วเจอของพรีเมียม แต่รู้ไหมว่าการเลือกซื้อของโดยดูเพียงแค่ราคาบางครั้งก็อาจมีค่าใช้จ่ายแฝงติดแถมมาด้วย โดยเฉพาะสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ถ้าไม่ได้คุณภาพหรือมาตรฐาน ก็อาจทำให้ชีวิตและทรัพย์สินของเราตกอยู่ในอันตรายได้ทุกเมื่อ
การมีใบรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่ไว้ใจได้ ซึ่งมีการตรวจสอบที่เข้มข้น และมีเกณฑ์กำหนดที่เหมาะสมอย่างฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 จึงเป็นเหมือนเครื่องการันตีว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราเลือกนั้นได้มาตรฐานการผลิต มีประสิทธิภาพสูง อยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม ทั้งยังปลอดภัย และช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้จริง ที่สำคัญการมีอยู่ของฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ตัวนี้ ยังเป็นการช่วยผลักดันผู้ผลิตทางอ้อม ให้แสวงหานวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น กินไฟน้อยลง ก่อประโยชน์ต่อทั้งโลก และตัวผู้บริโภคเอง
เปลี่ยนมาอ่านความรู้ที่อยู่รอบตัว
ถึงจะอ่านใจเธอไม่เคยได้ แต่ก็น่าดีใจที่จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ และสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (TK park) พบว่าคนไทยกำลังอ่านหนังสือมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเฉลี่ยแล้วสูงถึง 80 นาทีต่อวัน (ผลสำรวจในปี พ.ศ.2561) การสร้างพฤติกรรมการอ่านที่ดีให้กับตัวเองซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่การอ่านหนังสือ แต่ยังรวมไปถึงป้ายโฆษณา แผ่นพับ หรือกระทั่งฉลากต่างๆ ที่อยู่รอบตัว นั้นเป็นนิสัยที่ช่วยเพิ่มความรู้รอบตัวให้กับเราได้
อย่างเช่นฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ถ้าเราหัดสังเกตให้ดี อ่านให้เป็นก็จะพบว่าเราจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ไม่น้อยเลย โดยฉลากของแท้มีจุดสังเกตหลักๆ 6 จุด คือ
- แสดงระดับประสิทธิภาพพลังงานที่ได้รับ โดยปัจจุบันมีการติดดาวเพิ่มนอกเหนือจากแค่เลข 5 โดยมีตั้งแต่ 1 – 3 ดาว ดาวแต่ละดวงบ่งบอกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นสามารถประหยัดไฟเพิ่มได้อีกเฉลี่ย 5 – 10% *กาดอกจัน ดาวยิ่งมากยิ่งแปลว่าประหยัดไฟ ซื้อคราวหน้าอย่าลืมมองหาดาว
- ระบุประเภทผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า
- ประมาณค่าไฟฟ้าให้ในแต่ละปี เพื่อใช้เปรียบเทียบกับรุ่นอื่นๆ ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน
- บอกค่าประสิทธิภาพ ใช้เทียบกับรุ่นที่ใกล้เคียงกัน
- ข้อมูลเบื้องต้นของผลิตภัณฑ์ เช่น ยี่ห้อ, รุ่น หรือ ขนาด
- เว็บไซต์ที่แสดงข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5
ฝึกอ่านกันเอาไว้ให้แม่นนะ เผื่อจะอ่านใจใครเขาออกบ้าง
เปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า
เราเปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อใครบางคน ก็เหมือนฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นอยู่เสมอเพื่อผู้บริโภค นับจากอดีตเรามีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ที่สอดคล้องกับเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้า ณ ขณะนั้นมาแล้วด้วยกันหลายแบบ แต่เมื่อโลกค้นพบนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ช่วยประหยัดพลังงานไปพร้อมๆ กับลดการสร้างมลภาวะให้สิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น โครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ซึ่งมีหน้าที่รับรองมาตรฐาน ผลักดันให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์มากที่สุดก็ไม่ลังเลที่จะปรับตัวเปลี่ยนแปลงตาม
จนในปัจจุบันเรามีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ติดดาว (เริ่มต้นใช้ตั้งแต่ปี 2562) นอกจากจะอ่านง่ายขึ้น มีเกณฑ์วัดที่ดีขึ้น ฉลากนี้ยังตอบโจทย์ต่อนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในปัจจุบันได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย และในปี 2564 ที่จะถึงนี้เราจะได้พบกับฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ที่มีสัญลักษณ์การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพื่อเป็นการยืนยันให้ผู้บริโภคทราบถึงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 ที่นอกจากช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าแล้ว ยังช่วยโลกลดก๊าซเรือนกระจก และใส่ใจสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ในชีวิตคนเราอาจไม่ใช่ทุกคนที่จะมีใครบางคนพยายามเปลี่ยนตัวเองเพื่อเรา แต่ขอให้มั่นใจได้ว่าอย่างน้อยก็มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ที่พร้อมจะปรับตัวอยู่เสมอเพื่อเธอนะ
เปลี่ยนวันนี้เพื่อสังคมที่ดีในอนาคต
รอยยิ้มเล็กๆ ของเราอาจสะเทือนหัวใจใครบางคนได้เหมือนแผ่นดินไหว การเปลี่ยนแปลงทีละเล็กทีละน้อยในวันนี้ก็คือจุดเริ่มต้นที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงสังคมของเราให้ดีขึ้นได้ในอนาคต เริ่มจากการสังเกตฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้มีเพียงแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างที่เข้าใจแล้วนะ แต่ยังครอบคลุมไปถึงจักรยานยนต์ไฟฟ้า เสื้อผ้า หรือกระทั่งข้าวกล้อง เดี๋ยว! อย่าเพิ่งงงไป เพราะในทุกย่างก้าวการใช้ชีวิตของเราล้วนผูกพันกับการใช้พลังงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะใส่เสื้อเรียบๆ ทีก็ต้องเปลืองไฟมาใช้รีด ไหนจะการระบายอากาศของเนื้อผ้าที่ทำให้ต้องลดอุณหภูมิแอร์ลง การมีเสื้อผ้าที่ยับยาก ใส่ได้ไม่ต้องรีด ก็ช่วยลดการใช้ไฟฟ้าได้ดีเลยทีเดียว ดังนั้นเพื่อให้การประหยัดพลังงานเป็นไปอย่างครบวงจร กฟผ. จึงได้ขยายการทำงานของฉลากนี้ไปยังสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย
ซึ่งหากใครอยากรู้ว่าฉลากนั้นเป็นของจริงหรือไม่ ตลอดจนเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดใดที่มีค่าประสิทธิภาพมากหรือน้อยจึงจะดี ก็สามารถเข้าไปตรวจสอบเพิ่มเติมได้ที่ http://labelno5.egat.co.th
มีคนเคยบอกว่าการเปลี่ยนแปลงที่ง่ายที่สุดเริ่มต้นที่ตัวเรา มาร่วมสร้างสังคมแห่งอนาคตที่ดีด้วยการเปลี่ยนมาเลือกใช้สินค้าที่มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ด้วยกันเถอะ (คุณพรี่เปลี่ยนแล้วยังค๊าาาา)
Content by Jaruwan Chuenchusri
Illustration by Krittaporn Tochan