คนรุ่นใหม่เติบโตมากับการท่องโลกกว้างผ่านอินเทอร์เน็ต เห็นโอกาส เห็นความเจริญ เห็นคุณภาพชีวิตที่ดีในต่างประเทศ พอมองกลับมาที่บ้านเรา เมื่อมองเห็นความไม่ Make Sense บางอย่างในสังคมจึงเกิดคำถาม
ยิ่งเมื่อโซเชียลมีเดียเปิดให้ทุกคนตั้งคำถามหรือแสดงความคิดเห็นได้ คนรุ่นใหม่จึงพร้อมจะตั้งคำถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แสดงความคิดเห็น หรือเรียกร้องความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด
ในหลายๆ ครั้ง ผู้ใหญ่ในสังคมบางส่วนก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจเสียงของคนรุ่นใหม่ ในห้องประชุมหรือสภาที่เราเคยเห็นในข่าวก็แทบไม่มีคนรุ่นใหม่เป็นส่วนหนึ่งเลย เรื่องราวที่ผู้ใหญ่พูดคุยกันจึงซ้ำเดิม เพราะขาดสีสันและพลังแบบคนรุ่นใหม่
วันนี้เราเลยอยากชวนทุกคนลองคิดเล่นๆ ว่า ถ้ามีสภา GEN Z ที่คนรุ่นใหม่ซึ่งสนใจประเด็นหลากหลายมารวมตัวกัน จะมีเรื่องอะไรถูกพูดถึงบ้าง และจะดีแค่ไหนถ้ามันเกิดขึ้นจริง
คุยถึงปัญหา ต้องคุ้ยให้ลึกถึงโครงสร้าง
เคยเห็นโพสต์ที่พูดถึงปัญหาสักเรื่องหนึ่ง แล้วมีคนหลากหลายวัยเข้ามาคอมเมนต์เป็นเสียงเดียวกันว่า “ฉันก็เคยเจอปัญหานี้” หรือ “ผ่านไปหลายปีแล้ว อะไรๆ ก็ยังเป็นปัญหาเหมือนเดิม” บ้างไหม
ปัญหาที่ถูกหยิบยกมาพูดนั้น อาจจะเป็นเรื่องการใช้อำนาจและความรุนแรงของคุณครู หลักสูตรการศึกษา การทุจริตคอร์รัปชั่น ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สิทธิของผู้มีความหลากหลายทางเพศ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ หรือแม้กระทั่งปัญหาน้ำประปาไม่สะอาด
ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ที่เกิดขึ้นเพราะกฎกติกาหรือระบบในสังคมนั้นมีช่องโหว่ ไม่ใช่เพราะคนใดคนหนึ่ง เราเรียกว่า ‘ปัญหาเชิงโครงสร้าง’
คนยุคก่อนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารความรู้ได้ช้าและยากกว่าปัจจุบัน เทียบกับคนรุ่นใหม่ที่มีชุดความรู้มากมายให้ศึกษา อีกทั้งยังได้ยินเสียงบ่น เสียงตัดพ้อของคนในสังคมที่เจอปัญหาต่างๆ ทำให้พวกเขาตระหนัก และตั้งคำถามถึงที่มาที่ไป แม้ว่าจะไม่เคยเจอปัญหานั้นด้วยตัวเองก็ตาม
มากไปกว่านั้น พวกเขายังพยายามหาทางออกด้วยการมองไปที่ต้นเหตุ ไม่ใช่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรือชวนทุกคนเริ่มต้นแก้ปัญหาที่ตัวเองเสมอไป
เราจึงเชื่อมากๆ ว่า นี่จะเป็นท็อปปิกแรกๆ ที่คนรุ่นใหม่ต้องหยิบมาพูดคุยถกเถียงกันอย่างเข้มข้น
คุยเรื่องใหม่ๆ ที่ผู้ใหญ่ไม่เคยสนใจ
คอนเทนต์ดีๆ บนสื่อออนไลน์ช่วยเปิดหูเปิดตาให้คนรุ่นใหม่กล้าที่จะเป็นตัวเองมากขึ้น จากที่เคยมองว่าตัวเองมีความคิดไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ ชื่นชอบหรือสนใจไม่เหมือนคนอื่น ก็กลายเป็นคนที่มีความมั่นใจมากขึ้น เพราะโลกอินเทอร์เน็ตทำให้เราได้พบกับคนที่อยู่ห่างไกล แต่คิดเหมือนกัน
ดังนั้นถ้ามีสภาให้คนรุ่นใหม่ได้มารวมตัว ประเด็นใหม่ๆ ที่มีความเฉพาะตัวก็น่าจะถูกหยิบยกขึ้นมาคุย เช่น ปัญหาสิ่งแวดล้อมจาก Fast Fashion หรือปัญหา Mental Illness
อีกทั้งปัญหาที่ไม่ได้รับการสะสาง เพียงเพราะคนรุ่นก่อนมองว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ มองว่าผิด หรือขัดต่อศีลธรรมอันดีงาม เช่น สิทธิทางกฎหมายอย่างเท่าเทียมของ LGBTQ+ หรือการจัดระบบและขึ้นทะเบียน Sex Worker ให้เป็นอาชีพที่ถูกกฎหมาย แต่สำหรับคนรุ่นใหม่ที่นอกจากจะเปิดกว้าง แล้วยังพร้อมโอบรับความหลากหลาย และความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ นี่น่าจะเป็นเรื่องหนึ่งที่พวกเขาหยิบมาคุยกันแน่นอน
คุยเรื่องอนาคตที่ต้องก้าวไปให้ทัน
คงไม่น่าแปลกใจ หากคนรุ่นใหม่ที่เกิดและเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี จะเข้าใจและให้ความสำคัญกับการปรับตัวให้ทันโลกซึ่งเปลี่ยนแปลงด้วยความเร็วสูง
เอาง่ายๆ แค่ไม่กี่ปีมานี้ มีคำศัพท์หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้เราต้องทำความรู้จักมากแค่ไหนแล้ว ทั้งบล็อกเชน คริปโตเคอเรนซี เมต้าเวิร์ส เวอร์ชวลเรียลิตี้ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
หากจะใช้ชีวิตในโลกยุคใหม่ ก็คงหลีกเลี่ยงเรื่องเหล่านี้ไปไม่ได้ ทางเดียวที่จะไปต่อได้ คือศึกษาให้เข้าใจถ่องแท้ด้วยใจที่เปิดกว้าง ก่อนจะต่อต้านเพราะเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคย ไม่เหมือนที่เคยเจอในอดีต แล้วร่วมพูดคุยหาทางใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้ เพื่อให้ประเทศเราก้าวหน้าไปแข่งขันกับนานาประเทศ
คุยอย่างเปิดใจเพื่อความ Make Sense
ยุคสมัยและสังคมต้องเดินไปข้างหน้า การมีพื้นที่ให้ผู้คนได้พูดคุยทุกเรื่อง ทุกประเด็น แสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี ย่อมเป็นเรื่องสำคัญ
แม้สภา GEN Z ที่เราชวนทุกคนคิดภาพ จะยังไม่เกิดขึ้นจริง แต่ความเป็นไปได้ที่คนรุ่นใหม่จะมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย และเปลี่ยนแปลงทิศทางของประเทศก็สูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ถึงเวลาแล้วที่คน GEN ก่อนหน้าจะต้องเปิดใจ รับฟังความคิดเห็น เพื่อร่วมมือกับคนรุ่นใหม่ สร้างสังคมที่ดีกว่าเดิม และมีชีวิตที่ Make Sense
FINN MOBILE บริการโทรศัพท์มือถือแบบออนไลน์ 100% ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้คนในสังคมเปิดใจพูดคุย รับฟัง ถกถาม เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในสังคมต่อไป
สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก FINN MOBILE, FINN MOBILE คือ บริการโทรศัพท์มือถือแบบออนไลน์ 100% ที่มีแนวคิดสำคัญ 3 ข้อ
Best Value in Market: ราคาค่าบริการที่จับต้องได้ เริ่มต้นเพียง 189 บาท ใช้เน็ตได้ไม่อั้น และยังเปิดให้ผู้ใช้สลับใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วมากกว่าเดิม 2 เท่า ที่ความเร็ว 20 MBPS ทุกแพ็กเกจ
Up to You. No Commit: ให้อิสระในการทดลองใช้ ถ้าไม่ถูกใจสามารถยกเลิกได้โดยไม่มีข้อผูกมัด
Your Own Control: ให้ผู้ใช้คอนโทรลการใช้งานได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็นการสลับใช้อินเตอร์เน็ตผ่านปุ่มควบคุมบนแอปพลิเคชั่น ไปจนถึงการเปลี่ยนแพ็กเกจและจัดการค่าใช้จ่าย ทุกอย่างทำได้ตามใจคิด
ถ้าอยากเริ่มต้นทำชีวิตให้ Make Sense แบบฟินๆ ง่ายๆ ก็มีตัวเลือกให้ลองทำกัน 2 ข้อ
1. สมัครแพ็กเกจ FINN Extreme แพ็กเกจที่ขอเป็นตัวช่วยทุกคนในยุคเงินเฟ้อ ด้วยค่าบริการที่สมเหตุสมผล 329 บาท เน็ต Max Speed เยอะ โทรฟรี 600 นาที แถมมีเน็ตไม่อั้นเร็ว 20 Mbps ให้สลับใช้ได้ไม่จำกัด เน็ตไม่มีวันหมด ลองใช้ก่อน ถ้าไม่ชอบก็ยกเลิกได้
2. ย้ายเบอร์มาใช้ FINN MOBILE กับแพ็กเกจ FINN Infinite ที่ให้โทรและใช้เน็ตไม่อั้น ในราคาเพียง 375 บาท และถ้าใส่ code: HIFINN ลด 50% ทุกแพ็กเกจถึง 12 รอบบิล
เพราะชีวิต Make Sense กว่านี้ได้ เพียงแค่รับฟังความแตกต่างอย่างเข้าใจ
สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3L8ng9N
Content by Teeraphat Janejai
Illustration by Krittaporn Tochan