การมองเห็น การได้ยิน การรับรส และการสัมผัส เป็นการทำงานของระบบประสาทที่ช่วยให้เรารับสารหรือข้อมูลต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ดี แต่อีกหนึ่งประสาทสัมผัสที่สำคัญไม่แพ้กัน และมีผลต่อระบบการทำงานในสมองมากกว่าที่คิด นั่นก็คือ ‘การดมกลิ่น’ ที่สามารถเล่าเรื่องราวได้ไม่ต่างไปจากภาพ เสียง หรือรสชาติ
กลิ่นจึงถูกนำมาประยุกต์ใช้ในหลายๆ อุตสาหกรรม เพื่อสร้างการรับรู้และประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับผู้ใช้ และหลายๆ กลิ่นนั้นก็ซุกซ่อนอยู่ตามธรรมชาติ โดยที่เราสามารถหยิบนำมาใช้ประโยชน์ได้สารพัดรูปแบบ
กลิ่นหรือน้ำหอมที่เราดมๆ กัน รู้มั้ยว่าจริงๆ แล้วมันมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และมีเรื่องราวที่น่าสนใจซ่อนเอาไว้มากมาย ย้อนกลับไปในยุคอียิปต์โบราณ พระนางคลีโอพัตรา ราชินีผู้เลื่องชื่อเรื่องการมีกลิ่นกายที่หอมเย้ายวนจากเครื่องหอมและน้ำดอกไม้ จนเป็นที่มาของการนำน้ำหอมมาเพิ่มกลิ่นกายของสาวๆ และกลายมาเป็นสูตรน้ำหอมดังๆ หลายแบรนด์ในปัจจุบัน
ในวงการแพทย์อินเดีย ก็มีการนำกลิ่นจากธูปหอมมาช่วยในการรักษา สร้างความผ่อนคลายแก่ร่างกายและระบบประสาท หรือชาวไทยสมัยก่อนเองก็นิยมร้อยพวงมาลัยโดยใช้ดอกมะลิ เนื่องจากมีกลิ่นหอมเย็นแบบธรรมชาติและสามารถบ่งบอกความเป็นไทยได้เป็นอย่างดี เมื่อวิถีชีวิตคนผูกพันกับกลิ่นหอมมากขึ้น จึงเป็นต้นกำเนิดของการผลิตและนำเข้าน้ำหอมในหลายๆ ประเทศช่วงยุคกลางนั่นเอง
ในแง่การทำงานต่อสมอง กลิ่นมีความน่าสนใจตรงที่มันเชื่อมโยงกับ ‘ความทรงจำระยะยาว’ ของเรา เพราะทันทีที่เราสูดดมกลิ่นเข้าไป กลิ่นนั้นจะถูกเก็บไว้ในสมองส่วนฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) ซึ่งเป็นส่วนที่ทำงานร่วมกับระบบลิมบิก (Limbic System) ทำหน้าที่เก็บความจำและอารมณ์ของมนุษย์ ทำให้เมื่อเวลาได้กลิ่นๆ หนึ่ง เราจะมีความรู้สึกบางอย่าง หรือหวนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต สถานที่ สิ่งของ หรือใครบางคนขึ้นมาทันที
หรือเวลาเดินสวนกับใคร เราจะรู้สึกได้เลยว่าพวกเขามีกลิ่นตัวที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน บางคนมีกลิ่นหอมหวาน บางคนมีกลิ่นสปอร์ตเท่ๆ บางคนมีกลิ่นหรูหรา เซ็กซี่ บางคนมีกลิ่นจางๆ ให้ความรู้สึกสงบ นั่นก็เพราะมนุษย์นำกลิ่นมาใช้บอก ‘ตัวตน’ ของตัวเอง ไม่ต่างจากการสวมใส่เสื้อผ้า หรือแต่งหน้า และกลิ่นยังสามารถบอกความเป็นตัวเราได้ดีกว่าที่คิด ทำให้การเลือกน้ำหอมกลายเป็นสิ่งสำคัญในการพบปะผู้คน โดยเฉพาะในวันสำคัญอย่าง ‘เดตแรก’ ด้วยนั่นเอง
และที่มาของกลิ่นต่างๆ ที่ทำให้เรารู้สึกเคลิบเคลิ้มไปตามๆ กันนั้น ก็ไม่ได้มาจากอะไรที่ปรุงแต่งซับซ้อนมากไปกว่าความหอมที่มีอยู่ใน ‘ธรรมชาติ’ อยู่แล้ว เพราะเป็นความหอมที่สะอาดและบริสุทธิ์ ซึ่งหลายอุตสาหกรรม หลายธุรกิจ ก็หยิบไปใช้ในการสร้างแบรนด์ของตัวเอง เพราะแต่ละกลิ่นนั้นล้วนแล้วแต่มีผลต่อความรู้สึกและอารมณ์ของมนุษย์ เช่น ส้ม แอปเปิ้ล หรือผลไม้บางชนิด ดมแล้วให้ความรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ดอกไม้บางชนิด เช่น กุหลาบ ลิลลี่ ลาเวนเดอร์ ก็จะให้ความรู้สึกที่หอมหวาน อ่อนโยน หรือกลิ่นสีเขียวของใบไม้ ก็จะให้ความรู้สึกที่สะอาดสะอ้าน เหมือนได้สัมผัสกับธรรมชาติโดยตรง
ด้วยเหตุนี้ ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม Fresh & Soft จึงได้ดีไซน์สูตรความหอมเข้มข้นพิเศษ โดยเฉพาะดอกไม้ และธรรมชาติอื่นๆ อย่างเปลือกไม้และผลไม้ รังสรรค์ออกมาเป็นความหอมแบบ ‘Natural Perfume’ ที่แตกต่างกันทั้งหมด 3 กลิ่น เหมาะสำหรับสาวๆ 3 สไตล์ หรือจะเลือกหยิบไปใช้ในโอกาสที่แตกต่างก็ได้ ซึ่งกลิ่นเหล่านี้จะช่วยสร้างความพิเศษและความโดดเด่นให้กับเรายังไงบ้าง ไปดูกันชัดๆ ในแต่ละกลิ่นได้เลย
กลิ่นแรกนั่นก็คือ ‘เดียร์ลี่’ (Dearly) ที่ได้ส่วนผสมจากธรรมชาติที่ให้ความรู้สึกหอมหวาน ให้บุคลิกภาพที่สดใส ร่าเริง เข้าถึงง่าย ถ้าใครชอบน้ำหอมกลิ่นสไตล์หวานๆ ที่มีส่วนผสมของดอกไม้ที่สดชื่น กลิ่นเดียร์ลี่น่าจะตอบโจทย์ได้ดีเลยล่ะ
สำหรับวันที่ต้องเปรี้ยวซ่า มั่นใจๆ หน่อย กลิ่นก็สามารถเพิ่มเอเนอร์จี้นั้นให้มากขึ้นได้ ซึ่งกลิ่นอมอร์รัส (Amorous) นี้ น่าจะถูกใจสาวเปรี้ยวหรือสายแฟชั่น เพราะได้กลิ่นจากธรรมชาติที่หวานอมเปรี้ยว เข้ามาเสริมพลังความมั่นใจ ให้ความรู้สึกสนุกสนานไม่ดรอประหว่างวัน
ส่วนใครที่ต้องการบุคลิกแบบสุขุม สุภาพ เป็นทางการ หรือมีวันที่ต้องออกไปพบปะลูกค้าเพื่อพูดคุยงาน กลิ่นอัลรัวริ่ง (Alluring) ที่ให้ความรู้สึกสงบสุข ผ่อนคลาย มีเสน่ห์แบบเรียบหรู ดูแพง ก็สามารถเสริมบุคลิกน้ันให้ดูดียิ่งขึ้นไปอีก
ซึ่งที่ผ่านมา หลายคนอาจจะคิดว่าถ้าอยากมีกลิ่นตัวหอมๆ ล่ะก็ คงจะต้องไปซื้อน้ำหอมแพงๆ หลายร้อยหลายพันมาใช้แน่เลย แต่จริงๆ แล้วความหอมแบบแพงๆ นั้น ไม่จำเป็นจะต้องมีราคาแรงเสมอไป เพราะทุกวันนี้แบรนด์น้ำหอมชั้นนำหลายๆ แบรนด์ ก็นิยมนำส่วนผสมจากธรรมชาติมาประกอบด้วยเช่นกัน ซึ่งกลิ่นของน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้นพิเศษ Fresh & Soft เอง ก็คัดสรรส่วนผสมนั้นมาอย่างดี ทำให้เมื่อแทรกซึมไปกับเสื้อผ้า ทำให้ดูหรูหรา พรีเมียม ราวกับใช้น้ำหอมในราคาที่จับต้องได้
อีกความพิเศษของสูตรใหม่นั้น Fresh & Soft ได้ใส่ ‘แคปซูลน้ำหอม’ ให้แทรกเข้าไปติดบนเสื้อผ้า แม้จะเจอกิจกรรมหนักแค่ไหนก็ไม่ต้องกลัวว่ากลิ่นจะหาย จึงทำให้คนที่สวมใส่ส่งกลิ่นหอมง่ายๆ เพียงแค่เคลื่อนไหวขยับร่างกายเบาๆ และยังดูพลิ้วสวยตลอดทั้งวัน
ในวันที่ต้องเร่งรีบ เราก็คงอยากจะออกจากบ้านไวๆ ไม่ต้องเสียเวลารีดผ้ามากนัก ซึ่งตัวช่วยอย่าง Fresh & Soft ที่ทำให้ชุดโปรดของเรานุ่มลื่น รีดง่าย ทั้งยังทำให้เราได้มีเวลาไปใช้ชีวิต ทำกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายแบบไม่ต้องกังวล เพราะแม้จะมีเหงื่อออกบ้าง หรือไปยังสถานที่ที่กลิ่นไม่พึงประสงค์ตลบอบอวลมากเท่าไหร่ ก็มั่นใจได้ว่าตัวเราจะหอมด้วยผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม Fresh & Soft สูตรเข้มข้นพิเศษ ด้วยศาสตร์แห่งความหอม Natural Perfume ดีไซน์เสน่ห์หอมคู่คุณ
ฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นวันชิลๆ สบายๆ วันที่ต้องออกลุย เป็นสายปาร์ตี้ หรือวันที่ต้องเคร่งขรึม เป็นการเป็นงาน Fresh & Soft ก็ตอบโจทย์ได้หมด หรือหากเบื่อๆ จะอยากเปลี่ยนลุคเล่นๆ ก็สามารถหยิบเอาความหอมจากธรรมชาติที่ผสมผสานอยู่ในกลิ่นเดียร์ลี่ (Dearly) อมอร์รัส (Amorous) และอัลรัวริ่ง (Alluring) อันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกัน
มาเติมเต็มวันเหล่านั้นให้พิเศษ และบ่งบอกความเป็นตัวเองให้มากขึ้นก็ได้นะ