เพราะสุขภาพคือหนึ่งในสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับทุกคน ท่ามกลางสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลารวมถึงโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น การเตรียมตัวและดูแลให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรงเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
เพื่อให้เราสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ เมื่อพูดถึงสุขภาพ ในยุคปัจจุบันเราไม่ต้องรอให้ป่วยก่อนถึงจะเริ่มรักษาดูแลตัวเอง การป้องกันคือทางเลือกที่ดีที่สุดและเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เราใช้ชีวิตทุกๆ วันได้ตรงตามเป้าหมาย เพราะชีวิตไม่หยุดนิ่ง และเราสามารถเตรียมความพร้อมได้เสมอ
บางคนบอกว่า “สุขภาพที่ดีไม่จำเป็นต้องยาก” คำพูดนี้คงเป็นกำลังใจให้กับคนวัยทำงานอย่างเราๆ ในโลกยุคนี้ที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ เราย่อมมองหาเคล็ดลับการดูแลสุขภาพที่ทำได้ง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ลำบากใจ ทำได้ต่อเนื่อง จนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ช่วยให้เรารู้สึกดีและมีสุขภาพที่ดีได้ สำหรับคนที่หาวิธีง่ายๆ ที่ไม่ลำบากใจในการดูแลสุขภาพ บทความนี้จะช่วยให้คุณมีสุขภาพดีได้ โดยไม่รู้สึกเสียเวลาและพลังงานในแต่ละวัน
งั้นเราลองมาดูกันว่า มีวิธีไหนบ้างที่เราจะสามารถดูแลตัวเองแบบง่ายๆ ในวันที่เร่งรีบ ไม่สร้างความลำบาก ช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น และส่งเสริมให้เรามีสุขภาพที่ดีได้เมื่อทำเป็นประจำ
เคล็ดลับที่ 1: ดื่มน้ำให้มากเข้าไว้
วัยทำงานอย่างเราๆ ต่างจับจ้องกับจอ ทั้งคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์ จึงทำให้ละเลยการดื่มน้ำระหว่างวันด้วย เรามาเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ เริ่มต้นจากการดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน อย่างน้อยวันละ 8 แก้วต่อวัน นอกจากน้ำจะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้กระบวนการทำงานในร่างกายทำงานได้ดีแล้ว ยังช่วยให้ผิวพรรณสดชื่น แถมยังทำให้สมองแล่น คิดงานได้ไวขึ้นอีกด้วย แนะนำให้หาขวดน้ำขนาดพกพาได้ง่าย พกติดตัวไปด้วยทุกที่ และตั้งไว้ข้างตัวเพื่อเป็นการเตือนตัวเองให้พักดื่มน้ำ และสำหรับใครที่ดื่มน้ำได้น้อย ลองเพิ่มรสชาติให้กับน้ำธรรมดาๆ ด้วยการใส่มะนาวหรือผลไม้สดเข้าไป เพียงเท่านี้จะช่วยให้เราสดชื่นระหว่างวันได้ดีแบบไม่ต้องพึ่งน้ำหวานแบบชง
เคล็ดลับที่ 2 : กินโปรตีนให้เพียงพอ
แค่ทำงานให้เสร็จก็หมดวันแล้ว เลยไม่มีเวลาทำกับข้าว อาหารปรุงสำเร็จจึงเป็นคำตอบ สำหรับมื้อที่เร่งรีบของคนทำงาน แต่อย่างที่เรารู้กันว่า อาหารปรุงสำเร็จก็ไม่ได้ให้คุณประโยชน์ทางโภชนาการกับร่างกายเรามากพอ เราจึงควรเพิ่มสารอาหารที่สำคัญและจำเป็นในการเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงนั่นคือโปรตีน ที่จะช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อและมีส่วนช่วยให้กระดูกแข็งแรง ลดความดันในเลือด ที่สำคัญยังทำให้รู้สึกอิ่มได้นาน ไม่รู้สึกหิวระหว่างวันจนต้องกินจุกจิกอีกด้วยนะ สำหรับคนใช้ชีวิตเร่งรีบ ง่ายๆ เลย ลองเริ่มจากการรับประทานไข่ต้ม ไม่ว่าจะเป็นไข่ไก่ หรือ ไข่เป็ด ซึ่งถือเป็นแหล่งโปรตีนธรรมชาติ ราคาไม่แพง ไข่เพียง 1 ฟอง ให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี และให้โปรตีนถึง 7 กรัมอีกด้วย ปริมาณที่แนะนำคือ ไข่ต้มวันละ 2 ฟอง แต่ที่สำคัญคือให้ปรับสัดส่วนเมื่อทานคู่กับเนื้อสัตว์ และแหล่งโปรตีนอื่นๆ เพื่อให้ได้โปรตีนในจำนวนที่จำเป็นต่อร่างกาย
เคล็ดลับที่ 3 : เพิ่มผักและผลไม้ในมื้ออาหาร
ไม่ต้องถึงกับฝืนใจเปลี่ยนทุกมื้อให้กินสลัดก็ได้นะ ในโลกของคนทำงานเร่งรีบ เราอาจจะเพิ่มผักหรือผลไม้เข้าใปในจานอาหารที่แสนธรรมดา อย่างเมนูข้าวราดแกง ให้ตักผักสดที่ร้านเตรียมให้ทานคู่กับมื้อหลัก หรือระหว่างวัน ลองมองหาผลไม้สดเป็นอาหารว่าง เช่น แอปเปิ้ล กล้วย หรือส้ม มารับประทานแทนขนมจุกจิก อร่อยแถมได้สารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย ผักและผลไม้อุดมไปด้วยไฟเบอร์ที่ช่วยการย่อยอาหารให้ดีขึ้น ลดอาการท้องผูก นอกจากนี้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี เอ และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอวัย ดังนั้นไม่ถึงกับต้องเปลี่ยนทุกมื้อเป็นเมนูเฮลธ์ตี้ เพียงเพิ่มผักและผลไม้เข้าไปวันละนิด เท่านี้สุขภาพก็ดีขึ้นได้แบบไม่ต้องพยายาม
เคล็ดลับที่ 4 เคลื่อนไหวร่างกายเล็กๆ น้อยๆ
เพียงขยับเท่ากับการออกกำลังกาย ไม่จำเป็นต้องไปยิมหรือทำอะไรที่ซับซ้อน สำหรับใครที่นั่งจ้องคอมพิวเตอร์นาน เพียงแค่ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสาย เดินไปเติมน้ำ เข้าห้องน้ำให้บ่อยขึ้นก็ช่วยร่างกายให้ได้ขยับ ไม่ตึงเครียดเกินไป และช่วยลดอาการปวดหลัง คอตึง ซึ่งเป็นอาการของออฟฟิศซินโดรมอีกด้วยนะ อีกหนึ่งวิธีง่ายๆ คือ ถ้าออฟฟิศไม่ได้อยู่ชั้นสูงมาก ลองเปลี่ยนจากการใช้ลิฟต์มาเป็นการใช้บันไดแทน เพียงวันละไม่กี่นาที การออกกำลังแบบเบสิคนี้จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ช่วยให้หัวใจแข็งแรงขึ้น เรียกได้ว่าการเดินเพิ่มอีกนิด จะเป็นการออกกำลังโดยที่เราไม่รู้สึกเสียเวลา แถมยังได้ผลดีระยะยาวอีกด้วย
เคล็ดลับที่ 5: นอนหลับให้เพียงพอ
ทุ่มเทเวลาให้กับการทำงานมาทั้งวันแล้ว เราก็ควรให้เวลากับการนอนหลับที่ดีด้วยนะ การพักผ่อนให้เพียงพอเป็นการดูแลสุขภาพที่ทำได้ง่ายที่สุด เพียงนอนหลับให้ครบอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน จะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟู ซ่อมแซมตัวเองได้อย่างเต็มที่ ทั้งระบบประสาท สมองและกล้ามเนื้อ ช่วยให้เราสดชื่นกระปรี้กระเปร่า แถมยังมีสมาธิในการทำงานมากขึ้น และยังช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานดีขึ้น ลดฮอร์โมนกระตุ้นความหิว ควบคุมความอยากขนมหวาน ที่เป็นต้นเหตุให้น้ำหนักเพิ่มได้อีกด้วย
เคล็ดลับที่ 6: ผ่อนคลายจิตใจ
ไม่ใช่แค่ร่างกายที่ต้องการการดูแล สุขภาพจิตใจก็สำคัญไม่แพ้กัน การผ่อนคลายจิตใจจะช่วยให้เรารู้สึกสงบ สมดุล พร้อมสำหรับการทำงานและกิจกรรมในแต่ละวันได้อย่างเต็มที่ ลองหากิจกรรมง่ายๆ ใช้เวลาไม่นาน เช่น การดูซีรีย์เรื่องโปรด ฟังเพลงชิลๆ เล่นเกมสนุกๆ สักรอบ หรือกิจกรรมที่เราชอบ เช่น อ่านหนังสือ จัดสวน ปลูกต้นไม้ ก็ช่วยให้สมองได้พักผ่อน ปลอดโปร่ง ไม่ตึงเครียด นอกจากนี้แล้ว ลองฝึกสมาธิ วันละ 5-10 นาที หรือหายใจลึกๆ พร้อมเพ่งจิตอยู่กับลมหายใจ จะช่วยให้เรารู้สึกสงบ มีสติชัดเจน ลดความเครียดความกังวล แถมยังช่วยเพิ่มสมาธิในการทำงานได้อีกด้วย
เพียงทำตามเคล็ดลับง่ายๆ ทั้งหมดนี้ ก็เหมือนได้ดูแลตัวเองแบบไม่ยุ่งยาก ไม่ลำบากใจ โดนใจคนวัยทำงานแบบพวกเราอย่างแน่นอน และยังส่งเสริมให้เรามีสุขภาพดีขึ้นได้เมื่อทำเป็นประจำอีกด้วย นอกจากนี้ แนะนำให้เสริมการดูแลเชิงป้องกันไปอีกขั้น ด้วยการเตรียมตัวรับมือกับโรคร้ายแรง เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะมาเยือนเราหรือไม่ ดังนั้นการมีประกันโรคร้ายแรงจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลดความเสี่ยง ช่วยเสริมความอุ่นใจ และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในวันที่อาจจะต้องเผชิญกับโรคร้ายได้
มีประกันโรคร้าย ให้ชีวิตไปต่อแบบไม่สะดุด
หนึ่งในผลิตภัณฑ์ประกันโรคร้ายแรงที่น่าสนใจที่สุดในเวลานี้ คือ ‘CI Re-Claim Re-Care’ จาก บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (FWD ประกันชีวิต) ประกันโรคร้าย หายห่วง เคลมขั้นกว่า แคร์ขั้นสุด ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์และลดความกังวลใจของคนในยุคใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ Total CIs Solutions ด้วยการดูแลโรคร้ายแรงครบทุกระยะ พร้อมบริการพิเศษที่ครอบคลุมตั้งแต่ก่อนจนถึงหลังการเคลม เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครองและการดูแลอย่างคุ้มค่าและครอบคลุม ซึ่งแบบประกันนี้มีจุดเด่นที่น่าสนใจ ได้แก่
1. คุ้มครองครอบคลุม 110 โรคร้ายแรง – มอบการดูแลและคุ้มครองโรคร้ายแรงทุกระยะ ครอบคลุม 50 โรคร้ายแรงระดับต้นถึงระดับปานกลาง และอีก 60 โรคร้ายแรงระดับรุนแรง และคุ้มครองยาวนานถึงอายุ 99 ปี
2. เคลมได้หลายครั้ง รวมสูงสุด 14 ครั้ง – ให้ความอุ่นใจว่า แม้จะเกิดโรคร้ายแรงหลายครั้ง ลูกค้าจะยังคงได้รับการดูแลที่ดีที่สุด โดยโรคร้ายแรงระดับต้นถึงระดับปานกลาง เคลมได้สูงสุด 5 ครั้ง และระดับรุนแรงสูงสุด 9 ครั้ง
3. ครอบคลุมการเคลมซ้ำ 5 โรคร้ายแรงเดิมได้อีกครั้ง – เคลมซ้ำ 5 โรคร้ายแรงระดับรุนแรงที่พบบ่อยในคนไทยได้อีก สูงสุดโรคละ 1 ครั้ง ได้แก่ โรคมะเร็งระยะลุกลาม กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน แผลไหม้ฉกรรจ์ และการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะหรือปลูกถ่ายไขกระดูก
4. รับผลประโยชน์รวมสูงสุดถึง 1,100%* ของทุนประกันภัย – มอบผลประโยชน์ที่ครอบคลุมและคุ้มค่าที่สุด เมื่อตรวจพบโรคร้ายแรงระดับต้นถึงปานกลางรวมสูงสุด 200% ของทุนประกันภัย และระดับรุนแรงรวมสูงสุดถึง 900% ของทุนประกันภัย
5. หยุดชำระเบี้ยประกันภัยเมื่อตรวจพบโรคร้ายแรงระดับรุนแรง – เมื่อลูกค้าได้รับการวินิจฉัยว่าเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงระดับรุนแรงเป็นครั้งแรก สามารถหยุดชำระเบี้ยประกันภัยของสัญญาเพิ่มเติม CI Re-Claim Re-Care ตั้งแต่งวดถัดไปได้ทันที
นอกจากการมอบความคุ้มครองที่มากกว่า FWD ประกันชีวิต ยังมุ่งมั่นที่จะเป็น Health Companion เพื่อนคู่คิดด้านสุขภาพของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด เพิ่มเติมจากผลประโยชน์ที่ได้รับจากกรมธรรม์ โดยมอบบริการพิเศษที่เหนือกว่าเพื่อดูแลลูกค้าอย่างครบวงจร ที่ยกระดับประสบการณ์การดูแลลูกค้าในหลากหลายมิติ อาทิ
• “FWD Care recovery plan”** บริการพิเศษหลังการเคลม (Post-Claim) ที่ดูแลลูกค้าและครอบครัวในช่วงเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือหลังการอนุมัติการเคลมกรณีเสียชีวิต หรือตรวจพบโรคร้ายแรงระยะรุนแรง ซึ่งรวมถึง 8 บริการช่วยเหลือพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนลูกค้าและครอบครัวอย่างเต็มที่
• “FWD MyWell”** บริการพิเศษที่มอบประสบการณ์พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์ต่างๆ ก่อนการเคลม (Pre-Claim) นอกเหนือจากความคุ้มครองในกรมธรรม์ ครอบคลุมการดูแลสุขภาพในเชิงป้องกัน อาทิ นวัตกรรมเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน การดูแลด้านการยศาสตร์ (Ergonomics) และการเข้าถึงแพทย์ทางเลือกเพื่อป้องกันความเสื่อมของร่างกาย เช่น การรักษาอาการออฟฟิศซินโดรม การกดจุด ฝังเข็ม บริการตรวจสุขภาพประจำปี และโปรแกรมการตรวจขั้นสูงที่วิเคราะห์อย่างละเอียดลงลึกไปถึงระดับ DNA เช่น การตรวจวัดอายุและความเสื่อมสภาพของเซลล์ (Telomere Length) โปรแกรมตรวจคัดกรองภาวะสมองเสื่อม (อัลไซเมอร์) รวมถึงการให้วิตามินทางหลอดเลือดดำ (IV Drip) การฉีดวัคซีนป้องกันโรค เป็นต้น
นอกจากนี้ FWD ประกันชีวิต ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลโรคร้ายอย่างครอบคลุม กับแพ็คเกจความคุ้มครองชีวิตและโรคร้ายแรง ‘CI Re-Claim Re-Care Plus’ ที่เปิดตัวไปในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เป็นกรมธรรม์เดียวครบทั้งการดูแลโรคร้าย แบบเคลมขั้นกว่า แคร์ขั้นสุด พลัสด้วยคุ้มครองชีวิตตลอดชีพ เติมเต็มทุกความอุ่นใจ แม้เกิดโรคร้ายซ้ำก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมั่นใจได้อีก พร้อมยกเว้นเบี้ยประกันภัยทั้งแพ็กเกจกรมธรรม์ เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงระดับรุนแรงเป็นครั้งแรกอีกด้วย
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนก็คงอยากจะดื่มน้ำให้มากขึ้น ลุกยืดเส้นยืดสายกันซักหน่อย ไม่นั่งจดจ่อหน้าคอมพิวเตอร์ในท่าเดิมนานๆ เพราะการปรับไลฟ์สไตล์เพียงเล็กน้อย ก็มีส่วนส่งเสริมให้เรามีสุขภาพที่แข็งแรงและชีวิตที่พร้อมเดินหน้าต่อไปได้แบบไม่สะดุด นอกจากการดูแลตัวเองแล้ว เราควรหมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำ และเพื่อให้เราอุ่นใจไปอีกขั้น ให้ประกันโรคร้าย CI Re-Claim Re-Care จาก FWD ประกันชีวิต ให้เคลมขั้นกว่า แคร์ขั้นสุด เป็นตัวช่วยวางแผนดูแล ความคุ้มครองและมอบความอุ่นใจ เมื่อโรคร้ายมาเยือน
สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมประกันโรคร้าย CI Re-Claim Re-Care และแพ็คเกจ CI Re-Claim Re-Care Plus คลิก https://fwdth.co/cbwJc หรือติดต่อสอบถามกับตัวแทนประกัน FWD ประกันชีวิตใกล้บ้านคุณ
ผลประโยชน์ เงื่อนไขและความคุ้มครองเป็นไปตามที่กรมธรรม์และ บมจ. เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต กำหนด
ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียด ความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
*% หมายถึง เปอร์เซ็นต์ของทุนประกันภัยของสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยโรคร้ายแรง CI Re-Claim Re-Care
** รายละเอียดการใช้บริการเป็นไปตามข้อกำหนดของบริการ FWD MyWell และ FWD Care recovery plan