ยุคสมัยนี้อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปเป็น Smart หมด เรียกว่าเป็นนวัตกรรมล้ำๆ ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ไลฟ์สไตล์ การทำงาน การใช้ชีวิต ไปจนถึงการเดินทาง ซึ่งจุดประสงค์ก็ไม่ใช่ความเท่อย่างเดียว แต่เป็นการใช้นวัตกรรมให้เกิดประโยชน์มากที่สุดเพื่อการประหยัดพลังงานนั่นเอง
สำหรับช่วงวัยที่ได้ชื่อว่าเป็นเหมือนผู้นำเทรนด์ในการใช้ความ Smart มากที่สุดก็คือ ‘Gen Y’ นี่เอง แม้ภาพภายนอกอาจมองเหมือนว่างก จะประหยัดอะไรขนาดนั้น แต่จริงๆ แล้วเป็นการฉลาดใช้มากกว่า เพราะวิกฤตพลังงานของโลกไม่ใช่เรื่องเล่นๆ การประหยัดพลังงานจึงเป็นเรื่องของคนทั้งชาติและทั้งโลกก็ว่าได้
ลองไปส่อง 3 เทรนด์ประหยัดพลังงานสุด Smart ของชาว Gen Y กันว่าจะมีอะไรบ้าง
Smart Lifestyle
ไม่แปลกที่ยุคนี้จะเห็นชาว Gen Y ฝ่ารถติดไปทำงานกันแต่เช้าน้อยลง เพราะออฟฟิศหรือสำนักงานกำลังถูกลดความสำคัญลง ด้วยรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป หลายบริษัทมีการปรับเปลี่ยนให้พนักงานมีเวลาเข้าออกงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น หรือจะชิลๆ ทำงานแบบ ‘Work at Home’ อยู่บ้านก็ส่งงานได้ ขอให้ทันเดดไลน์ก็พอ ซึ่งกลายเป็นรูปแบบการทำงานใหม่ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ คนทำงานกว่า 4.2 ล้านคนในอังกฤษสนุกกับการทำงานที่บ้าน เพราะทั้งประหยัดเวลาเดินทาง แถมยังช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มมากขึ้นด้วย ทำให้พนักงานได้ทำงานแบบไม่ต้องซีเรียสเรื่องเวลาเข้าออกงาน ประเด็นสำคัญคือช่วยประหยัดค่าไฟออฟฟิศ พอเปลี่ยนเวลาเข้าออกงาน ไม่ต้องเปิดออฟฟิศแต่เช้า หรือเลิกงานแล้วก็ไม่ต้องลากโอทีต่อ ก็ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้แบบเห็นๆ หรือบริษัทไหนที่อยากจะประชุม การมาเจอหน้ากันก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเดี๋ยวนี้เขามี ‘การประชุมออนไลน์’ ผ่าน Video Conference กันแล้ว ภาพ เสียง พร้อมสไลด์มาครบ อยู่ที่ไหนก็ประชุมได้ นอกจากนั้นเทรนด์ของ ‘Co-Working Space’ ที่เกิดขึ้นทุกมุมเมืองก็ยิ่งช่วยโลกประหยัดพลังงาน เพราะด้วยความเป็นพื้นที่ส่วนกลาง เปิดแอร์เครื่องเดียวก็สามารถนั่งทำงานแบบสบายๆ ได้พร้อมกันหลายคน แถมบางแห่งยังออกแบบให้เป็น Eco-friendly ลดการใช้พลังงาน เปิดรับแสงธรรมชาติแบบเน้นๆ ประหยัดพลังงานไปอีก
Smart Living
การ ‘Work at Home’ ก็ใช่ว่าจะเป็นการลดใช้ไฟออฟฟิศแล้วกลับมาเปลืองไฟที่บ้านแทน เพราะบ้านของชาว Gen Y ทุกวันนี้ไม่ใช่บ้านธรรมดาๆ แต่เป็นบ้านแบบ ‘Smart Home’ ที่ใช้เทคโนโลยีอย่าง IoT (Internet of Things) เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกและประหยัดพลังงานมากขึ้น ด้วยการใช้สมาร์ทโฟนเพียงแค่เครื่องเดียวในการสั่งการ จะเปิดแอร์ ปิดไฟ หรือเปลี่ยนช่องทีวีก็ทำได้สบายๆ หรือออกจากบ้านแล้วลืมปิดไฟก็กดสั่งปิดได้ทันทีผ่านสมาร์ทโฟน จนทำให้มีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2020 เรื่องของ Smart Home จะมีการปฏิวัติเทรนด์ครั้งใหญ่ จนอะไรๆ ก็สามารถสั่งการผ่านสมาร์ทโฟนได้หมด ที่สำคัญคือบรรดาเครื่องใช้ไฟฟ้ายุคใหม่ต่างเพิ่มจุดขายคือการประหยัดพลังงานมาเป็นอันดับหนึ่ง โน้มน้าวให้ชาว Gen Y ตัดสินใจซื้อได้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันกระแสของการใช้โซลาเซลล์ก็กลับมาแล้ว โดยเฉพาะ ‘โซลาร์รูฟท็อป’ ที่กำลังได้รับความนิยมในบ้านยุคใหม่ ด้วยราคาที่ถูกลง สามารถกักเก็บพลังงานไฟฟ้าได้มากขึ้น ทำให้การใช้พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์เป็นหนึ่งในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยในอีก 20 ปีข้างหน้าเลยทีเดียว
Smart Mobility
จากตัวเลขรายได้การเติบโตของ ‘แอปพลิเคชันเรียกรถโดยสาร’ ในประเทศไทยที่สูงกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ในปีล่าสุด คือสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าพฤติกรรมของการใช้รถโดยสารสาธารณะของคนในเมืองกำลังเปลี่ยนไป แอปฯ เรียกรถโดยสารกลายเป็นแอปสามัญประจำเครื่องที่ชาว Gen Y ทุกคนต้องมี จะไปไหนมาไหนก็ไม่ต้องเหนื่อยหาที่จอดรถ ถือเป็นทางเลือกที่ทำให้หลายคนที่เคยอยากจะเก็บเงินดาวน์รถสักคัน เปลี่ยนใจมาใช้แอปเรียกรถแทน หรือใครที่มีรถอยู่แล้ว สมัยนี้เรียกว่าหมดยุคของการขับรถหลงทางแล้วต้องเปลืองน้ำมัน เพราะมี ‘แอปพลิเคชันนำทาง’ ที่ช่วยบอกเส้นทางที่ถูกต้องผ่าน GPS แถมยังบอกปริมาณรถติดและเวลาที่จะไปถึงที่หมายได้อีกด้วย ในอีกมุมหนึ่งแม้ว่าจะมีกระแสออกมาในช่วงหลังว่า พลังงานน้ำมันจะไม่มีวันหมดไปจากโลกนี้ แต่ราคาน้ำมันก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นพลังงานที่คนทั่วไปยากจะเข้าถึง ทำให้พลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานทางเลือกอันดับหนึ่งที่จะเข้ามาทดแทนน้ำมันอย่างแน่นอน นั่นจึงส่งผลให้ ‘มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าและรถ EV’ กลายเป็นหนึ่งในเทรนด์ใหม่ที่ชาว Gen Y อยากจะเป็นเจ้าของ
ด้วยความที่ชาว Gen Y คือหนึ่งในกำลังสำคัญที่ขับเคลื่อนสังคมไทย ทำให้ 3 เทรนด์ประหยัดพลังงานที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ กลายเป็นต้นแบบของการใช้ชีวิตที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้พลังงานของคนทุกวัยได้เช่นกัน ซึ่งสะท้อนได้อย่างชัดเจนว่า ไม่ได้งก แต่เป็นการฉลาดใช้ เพราะการประหยัดพลังงานเป็นเรื่องของคนทั้งชาติ
อย่างเช่นโครงการ ‘รวมพลังหาร 2’ โดย สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน ได้ทำหน้าที่ปลุกกระแสสร้างจิตสำนึกให้คนไทยทุกคนตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างประหยัดและเกิดประสิทธิภาพสูงสุดมาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งให้ทุกคนมีวินัยคิดก่อนใช้ทุกครั้ง จนอยากจะเปลี่ยนพฤติกรรม แล้วหันมาใช้นวัตกรรมประหยัดพลังงาน ที่ไม่ว่าเจนไหนก็ต้องอยากลอง
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.coworkingresources.org/blog/sustainable-coworking-spaces
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/806576
http://www.investerest.co/business/grab-taxi-growth/
https://www.thoughtco.com/we-will-never-run-out-of-oil-1146242