เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมา การเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้เราจำเป็นต้อง ‘ห่าง’ จากหลายๆ สิ่งที่เราเคยใกล้ชิด
ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คนรัก ก๊วนคนสนิท หรือกิจกรรมสังสรรค์ที่โปรดปราน แต่ภายหลังที่สถานการณ์เริ่มดีขึ้น หลายๆ อย่างก็เริ่มกลับมาสู่สภาวะปกติ นักดื่มก็ทยอยกันกลับมานั่งจิบเครื่องดื่มที่โปรดปรานตามเดิม ทว่าสิ่งที่ตามมาหลังจากมาตรการทางสังคมที่ทำให้เราต้องอยู่ห่างไกลกันก็คือ ‘New Normal ของการพบปะสังสรรค์’
ก่อนหน้านี้เราต่างต้องรักษาระยะห่างระหว่างกัน ทำให้ผู้คนอยากที่จะทำให้ทุกๆ การพบปะมีความหมายมากขึ้นกว่าเดิม New Normal ของการพบปะสังสรรค์จึงเป็นเรื่องของการยกระดับ ‘คุณภาพ’ โดยเฉพาะด้านสุนทรียภาพในการดื่มด่ำประสบการณ์ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่รูปลักษณ์ของบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม คุณภาพของวัตถุดิบที่ต้องมาจากแหล่งที่ดีที่สุด ไปจนถึงประวัติศาสตร์ที่มาของแบรนด์ ที่ทำให้ผู้ดื่มสัมผัสถึงภาพลักษณ์และเรื่องราวของสิ่งที่ตัวเองดื่มด่ำ ความต้องการแบบใหม่นี้ ทำให้แบรนด์เครื่องดื่มต้องปรับตัวให้ทันเพื่อสอดรับพื้นที่แห่งความสุขให้กับผู้บริโภคกลุ่มนี้อย่างมีคุณภาพและปลอดภัยที่สุด
ล่าสุดเราได้ยินข่าวลือว่ามีแบรนด์เครื่องดื่มชื่อดังจาก ‘หมู่บ้านฮูการ์เด้น’ ประเทศเบลเยียม กำลังมีโปรเจกต์รีแบรนด์ในการบุกตลาดนักดื่มทั่วโลกอีกครั้ง ซึ่งโปรเจกต์นี้ได้ออกแบบมาเพื่อตอบความต้องการของนักดื่มในยุค New Normal โดยเฉพาะ
ข่าวลือที่ว่านั้นคือเรื่องราวของการเปิดตัวหนึ่งในแบรนด์เครื่องดื่มยอดนิยมของพวกเขา ‘rosée – โรเซ่’ ที่ได้รับการรีแบรนด์ดีไซน์โดยทีม ZX Ventures ซึ่งเป็นหน่วยงานคิดค้นผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมชื่อดังระดับโลก โดยภาพผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ที่หลุดออกมาเผยโฉมให้เห็นการผสมผสานระหว่างบรรจุภัณฑ์ของเครื่องดื่มกับผลงานศิลปะที่งดงาม นับว่าเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ตั้งแต่ส่วนผสมที่อยู่ภายในจนถึงรูปลักษณ์ภายนอก
เริ่มต้นด้วยการพัฒนาจากภายใน New rosée และ 0.0% ซึ่งเป็นเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ ให้มีกลิ่นและรสชาติของผลไม้แท้ๆ มากกว่าเดิม โดยเลือกใช้ ผลราสเบอร์รี่สายพันธุ์ RubusIdaeus Willamette ที่ได้นำมาจากแหล่งปลูกที่ดีที่สุดในยุโรปอย่างบริเวณที่ราบสูง Tyrol ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี โดยราสเบอร์รี่พันธุ์นี้มีความพิเศษอยู่ที่กลิ่นหอมสไตล์พืชตระกูลเบอร์รี่ซึ่งผสมผสานกับรสชาติหวานอมเปรี้ยวอันเป็นเอกลักษณ์ยากจะหาเครื่องดื่มสูตรไหนมาเทียบเคียงได้
นำมาสู่แรงบันดาลใจในการดีไซน์ New rosée รูปแบบใหม่ครั้งนี้ จะใช้ดีไซน์ที่มีสีสันหลัก 2 พาเลทสี คือ ‘Red Ruby – สีทับทิมแดง’ ที่สะท้อนให้นึกถึงผลราสเบอร์รี่อันเป็นวัตถุดิบหลัก และ ‘White Metallic – สีโลหะขาว’ ที่ให้ความรู้สึกหรูหราและรสนิยมอันสูงส่ง บนฉลากยังมีภาพวาดผลราสเบอร์รี่ที่ถูกสรรสร้างขึ้นอย่างประณีตจากศิลปินชาวอิตาเลียนชื่อดังอีกด้วย ผสมกับการเลือกใช้ Font ตัวอักษรที่ให้แบรนด์มีความรู้สึกถึงความโมเดินร่วมสมัย
นอกจากนี้วัสดุของบรรจุภัณฑ์ก็ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยขวดแก้วจะออกมาในรูปแบบขวดสีชารูปทรงพิเศษ 2 ขนาด คือไซส์เล็กขนาด 248 มล. ที่ผ่านการออกแบบและพิมพ์ใหม่ให้สวยงาม โดยยังคงรูปทรงโบสถ์ประจำหมู่บ้านฮูการ์เด้นอันโดดเด่น และไซส์ใหญ่ทรงขวดแชมเปญสไตล์ยูโรเปี้ยนขนาด 750 มล. ถัดจากขวดแก้วก็ยังมีบรรจุภัณฑ์รูปแบบกระป๋องซึ่งผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมฟอยด์ในทรงผอมเรียวขนาด 330 มล. และ ขนาดใหญ่ 500 มล.
การรีดีไซน์ในครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกของ New rosée ที่ได้ผลิตกระป๋องไซส์ 500 มล. ออกมา โดยมีเหตุผลเบื้องหลังคือความนิยมของชาวเอเชียที่มีต่อบรรจุภัณฑ์ของเครื่องดื่มในปริมาตรนี้ ทำให้แบรนด์จากหมู่บ้านเล็กๆ ในเบลเยียมได้ลองเริ่มผลิตนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาเพื่อตอบความต้องการอันหลากหลายของผู้ดื่มนอกทวีปยุโรปดูบ้าง
สุดท้ายนี้ ข่าวหลุดทั้งเรื่องของแพคเกจจิ้งและการเปลี่ยนแปลงด้านรสชาตินี้ นับว่าเป็น New Normal ของวงการเครื่องดื่มสีอำพัน ที่ต้องปรับตัวในด้านความน่าสนใจของแบรนด์ และความหลากหลายของบรรจุภัณฑ์ให้ตอบสนองความต้องการของนักดื่มทั่วโลกอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสำหรับแบรนด์จากหมู่บ้านฮูการ์เด้นที่มีอายุอานามกว่าห้าร้อยปีนั้น การพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาคือหัวใจที่แบรนด์สามารถดำเนินอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
New rosée จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความพิถีพิถันเพื่อยกระดับช่วงเวลาแห่งความพิเศษและความสดชื่นให้กับผู้ที่หลงใหลรสชาติเครื่องดื่มชนิดนี้ และคืนความสุขให้กับทุกๆ คนในช่วงเวลา New Normal ที่ยากลำบากในหลายเดือนที่ผ่านมา
อ้างอิงข้อมูลจาก