ในบรรดาเครื่องดื่มกลิ่นผลไม้ที่มีอยู่มากมายในตลาด ราสเบอร์รี่คือหนึ่งในผลไม้ที่คนเอเชียนิยมชมชอบมากที่สุด
ถ้าพูดถึงแบรนด์เครื่องดื่มภายใต้ชื่อ ‘rosée’ เรายิ่งมั่นใจว่าใครหลายคนคงจะต้องเคยลิ้มลองมาแล้วอย่างแน่นอน เพราะเครื่องดื่มสัญชาติเบลเยียมเจ้านี้ คือแบรนด์ที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะเป็นตัวดั้งเดิมหรือตัว rosée (อ่านออกเสียงว่า โร-เซ่ ในภาษาฝรั่งเศส) นั้น คือการนำเอาสูตรเครื่องดื่มวีทต้นตำหรับที่สืบทอดมากว่า 575 ปี ของ หมู่บ้านฮูการ์เด้นมาผสมผสานกับผลราสเบอร์รี่ชั้นเลิศจากแหล่งปลูกที่ดีที่สุดในยุโรป จากนั้นจึงนำเข้าสู่กระบวนการผลิตที่พิถีพิถันทุกขั้นตอนจนได้ออกมาเป็นเครื่องดื่มยอดนิยม โดยเฉพาะตลาดนักดื่มในแถบเอเชียที่ชื่นชอบในรสชาติของผลไม้รสหวานอมเปรี้ยวสายพันธุ์นี้
ล่าสุด rosée ได้ผ่านการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ ทั้งรูปลักษณ์ภายในจนถึงภายนอก เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการที่เปลี่ยนไปของนักดื่มทั่วโลกยุคปัจจุบัน ซึ่งหน้าตาและรสชาติของโรเซ่ ในยุคใหม่นี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหนผู้อ่านสามารถติดตามกันได้ใน Facts 12 ข้อของ rosée ที่เรารวบรวมมาให้ในบทความนี้
1. rosée คือ แบรนด์เครื่องดื่มจากหมู่บ้านเล็กๆ ในเบลเยียมที่สืบทอดคุณภาพชั้นเลิศมากว่า 575 ปี
เริ่มต้นจากการเป็นโรงผลิตเครื่องดื่มผสมวีทขนาดเล็กๆ ในหมู่บ้าน Hoegaarden เมื่อ คศ. 1445 จนถึงทุกวันนี้ ผ่านมา 575 ปี เครื่องดื่มจากหมู่บ้านแห่งนั้น ได้เติบโตขึ้นจนสามารถครองใจผู้คนได้มากกว่า 80 ประเทศทั่วโลก
หมู่บ้าน Hoegaarden ในยุคปัจจุบันไม่ได้ผลิตแค่เพียงเครื่องดื่มประเภทวีทสูตรดั้งเดิมที่เป็นที่จดจำของนักดื่มเท่านั้น พวกเขายังมีผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานรสชาติใหม่ๆ อย่าง ‘rosée’ 0.0% และ รสชาติอื่นๆ ที่ใครหลายคนอาจจะรู้จัก แต่อาจจะยังไม่เข้าถึงประวัติความเป็นมาอย่างลึกซึ้ง
2. เครื่องดื่มประเภทวีท+ราสเบอร์รี่ สูตรลับที่ได้มาเพราะ ‘ความบังเอิญ’ จริงๆ
การผสมผสานกันระหว่างราสเบอร์รี่กับเครื่องดื่มประเภทวีทไม่น่าจะใช่สิ่งแรกๆ ที่นึกถึง เมื่อ Brewmaster ต้องคิดค้นสูตรเครื่องดื่มรูปแบบใหม่ เพราะทั้งสีและรสชาตินั้นแตกต่างจากเครื่องดื่มทั่วไปที่คนส่วนใหญ่รู้จัก แล้วจุดเริ่มต้นที่ได้มีการนำเอาผลไม้แห่งฤดูร้อนชนิดนี้เข้ามาผสมผสานกับเครื่องดื่มประเภทวีทของพวกเขาคืออะไรล่ะ?
เมื่อค้นลึกลงไปในประวัติศาสตร์ของเรื่องเล่า เราพบว่ามีตำนานหนึ่งที่เล่าขานกันว่าชาวเมือง Hoegaarden ชื่นชอบการดื่มเป็นชีวิตจิตใจ โดยมีอยู่วันหนึ่งที่เมืองได้จัดงานเทศกาลขึ้นมา ผู้คนก็แห่กันออกมาปาร์ตี้สังสรรค์กันมากกว่าปกติ บาร์ประจำเมืองจึงเนืองแน่นไปด้วยชาวเมืองและทำให้เกิดปัญหาแก้วเครื่องดื่มไม่พอ! เมื่อแก้วไม่พอแต่คนยังหลั่งไหลเข้ามาสังสรรค์ ลูกค้าบางคนจึงหยิบฉวยเอากระปุกแยมราสเบอร์รี่ของร้านมาใช้เป็นภาชนะในการดื่มแทนแก้ว
ความใจร้อนของลูกค้ากลุ่มนั้นเป็นจุดกำเนิดรสชาติใหม่ เนื่องจากกระปุกที่เอามาใช้ยังมีแยมบางส่วนค้างอยู่ที่ก้นกระปุก ซึ่งราสเบอร์รี่แยมที่หอมหวานก็ได้ผสมผสานเข้ากับเครื่องดื่มรสดั้งเดิมของชาวเมือง Hoegaarden จนเกิดเป็น rosée ที่ในยุคนั้นยังไม่มีใครได้ตั้งชื่อให้กับมัน แต่เครื่องดื่มรูปแบบนี้ยังได้รับการกล่าวถึงอยู่เสมอทำให้ Hoegaarden ในยุคใหม่ได้เลือกที่จะรื้อฟื้นเครื่องดื่มในกระปุกแยมนั้นกลับมาพัฒนาในรูปแบบที่สร้างสรรค์จนเกิดเป็น rosée ที่ทุกคนรู้จักในปัจจุบัน
3. ราสเบอร์รี่ ผลไม้ที่มีตำนานในหลายวัฒนธรรมที่น่าติดตาม
นอกจากราสเบอร์รี่จะเป็นผลไม้ที่รสชาติอร่อยแล้ว เราพบว่ายังมีเรื่องราวความเชื่อที่อยู่เบื้องหลังผลแดงสุกงอมของมันด้วย ซึ่งเรื่องราวเหล่านั้นสะท้อนให้เห็นว่าผลไม้ชนิดนี้มีความสำคัญสำหรับผู้คนในหลากหลายวัฒนธรรม
ในตำนานกรีกมีเรื่องเล่าว่าผลของราสเบอร์รี่แต่เดิมไม่ใช่สีแดงชมพูแต่มีสีขาวบริสุทธิ์ จนกระทั่งวันหนึ่งมีเทพนาม Ida ซึ่งเป็นนางพยาบาลประจำตัวเทพซุสได้เข้าไปเก็บเกี่ยวผลไม้ชนิดนี้ ทว่าเธอได้พลั้งเผลอไปสัมผัสเข้ากับหนามของต้นราสเบอร์รี่ ทำให้เลือดของเทพ Ida ได้หยดลงกระทบกับผลสีขาวของราสเบอร์รี่จนย้อมสีดั้งเดิมของมันให้กลายมาเป็นสีแดงเช่นปัจจุบัน
นอกจากวัฒนธรรมกรีก ราสเบอร์รี่ยังมีบทบาทในศาสนาคริสต์อีกด้วย โดยผลไม้ชนิดนี้ได้ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งความเมตตากรุณา ซึ่งก็มีเบื้องหลังวิธีคิดที่น่าสนใจคือศาสนาคริสต์ได้เปรียบว่าน้ำสีแดงของผลราสเบอร์รี่เป็นดั่งสายโลหิตของมนุษย์ที่ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ซึ่งสำหรับคริสตศาสนาโลหิตเหล่านั้นมีศูนย์กลางคือหัวใจที่เป็นต้นธารของความกรุณาทั้งปวง
4. 6+1 สูตรส่วนผสมหลักที่ได้ประกอบมาเป็น rosée
แต่เมื่อเป็น rosée ได้เพิ่มส่วนผสมพิเศษเข้าไปอีกอย่างหนึ่งนั่นคือราสเบอร์รี่สายพันธุ์ที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ นอกเหนือจาก 6 วัตถุดิบหลัก คือ น้ำแร่ธรรมชาติ, ข้าวสาลี, ฮอปส์, ยีสต์, เปลือกส้ม Curacao, และเมล็ดผักชี จากนั้นจึงนำเข้าสู่กระบวนการหมักบ่มแบบลอยผิวถึงสองครั้งและไม่ผ่านการกรองตะกอนออกทำให้ rosée เป็นเครื่องดื่มประเภทวีทผสมราสเบอร์รี่ที่มีเอกลักษณ์เป็นสีแดงขุ่นๆ โดยธรรมชาติ
5. Rubusidaeus Willamette สายพันธุ์ของราสเบอร์รี่ที่คัดสรรมาจากแหล่งที่ดีที่สุดในยุโรป
เมื่อ rosée จะทำเครื่องดื่มประเภทวีทผสมผลไม้ทั้งที พวกเขาย่อมต้องคัดสรรสายพันธุ์ผลไม้ที่ดีที่สุดจากแหล่งปลูกที่ยอดเยี่ยมที่สุดมาใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องดื่มประเภทวีทอันขึ้นชื่อของเขา ซึ่งราสเบอร์รี่สายพันธุ์ Rubusidaeus Willamette คือคำตอบทุกข้อที่พวกเขาตามหา
โดยปกติแล้ว Rubusidaeus Willamette คือ ราสเบอร์รี่ที่มีแหล่งปลูกอยู่ในหลายพื้นที่ของโลก แต่หนึ่งในแหล่งปลูกที่ขึ้นชื่อว่ายอดเยี่ยมที่สุดนั้นตั้งอยู่บริเวณ South Tyrol ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี rosée จึงได้ไปคัดเลือกราสเบอร์รี่ที่สดและบริสุทธิ์ที่สุดจากพื้นที่แห่งนี้มาเป็นวัตถุดิบในการผลิต ซึ่งความพิเศษของ Rubusidaeus Willamette คือรสชาติหวานอมเปรี้ยวที่เป็นเอกลักษณ์รวมถึงกลิ่นหอมแบบผลไม้ตระกูลเบอร์รี่อันเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน
6. ความอัศจรรย์ของราสเบอร์รี่ ผลไม้รสหวานอมเปรี้ยวที่ใครๆ ก็โปรดปราน
เบื้องหลังการคัดเลือกเอาผลไม้อย่างราสเบอร์รี่มาผสมผสานกับเครื่องดื่มประเภทวีท เพื่อที่จะสร้างทางเลือกให้แก่นักดื่มที่ต้องการประสบการณ์ใหม่ๆ นอกจากนี้ราสเบอร์รี่ยังเป็นผลไม้ที่มีคุณประโยชน์หลายด้าน จนเรียกได้ว่าเป็นผลไม้ที่มีความน่าอัศจรรย์ในแง่ของคุณค่าทางอาหาร เพราะมีทั้งวิตามิน C ที่สูงกว่าส้ม มีกรดเอลลาจิกที่ขึ้นชื่อด้านสรรพคุณป้องกันมะเร็ง มีสารด้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิดในปริมาณสูงกว่าผลไม้เกือบทุกชนิด และที่สำคัญคือมีแคลอรีต่ำด้วย
นอกจากนี้ผลไม้อย่างราสเบอร์รี่นั้นเป็นผลไม้ประจำฤดูร้อนของประเทศอิตาลีการนำมาผสมผสานกับเครื่องดื่มประเภทวีทจึงทำให้รสชาติที่เกิดขึ้นสะท้อนให้นักดื่มสัมผัสถึงฤดูร้อนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ใครๆ ก็โปรดปรานด้วย
7. คู่แท้ของโรเซ่คือขนม เค้ก และของหวาน
แน่นอนว่า rosée เป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ ในการดื่ม แต่ได้มีการค้นพบเคล็ดลับจากชาว Hoegaarden ว่าเครื่องดื่มผลไม้อย่าง rosée จริงๆ แล้วมีคู่หรือ Pair ที่ไปกันได้ดีกับคาแรคเตอร์เครื่องดื่มประเภทวีท รสชาติผลไม้หวานอมเปรี้ยว นั่นคืออาหารจำพวก ‘ขนม เค้ก และ ครีมมี่’ ทั้งหลาย เนื่องจากคุณสมบัติเฉพาะตัว จะทำหน้าที่ลดระดับความเลี่ยนของเค้ก ขนม หรือของหวาน และกลมกลืนกันได้อย่างดีเยี่ยม ขณะเดียวกันตัวของหวานเองก็จะช่วยยกระดับความโดดเด่นในรสชาติของ rosée ออกมาด้วยเช่นกัน
8. AB InBev เปิดตัวภาพลักษณ์ New rosée โฉมใหม่ ยกระดับประสบการณ์ New Normal
ในปี 2020 นี้ AB InBev กลุ่มบริษัทเจ้าของแบรนด์ rosée ก็ได้ตัดสินใจที่จะทำการรีแบรนด์ครั้งสำคัญตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอก เพื่อให้ตอบโจทย์สาวกทั่วโลกมากขึ้นโดยการยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์ทั้งหมดถึง 4 องค์ประกอบด้วยกัน
9. เทคโนโลยีการผลิตใหม่ ดึงกลิ่นอายและรสชาติของ ‘ธรรมชาติ’ ออกมา
การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นจากภายใน นั่นคือเรื่องของรสชาติ rosée ได้มีการนำเอาใช้เทคโนโลยีปรับสูตรที่ช่วยสกัดดึงเอากลิ่นและรสจากวัตถุดิบธรรมชาติออกมาให้ได้มากที่สุด อย่างเช่นกลิ่น และรสชาติของผลไม้อย่างราสเบอร์รี่ ที่ให้ความหวานอมเปรี้ยวนิดๆ รวมถึงกลิ่นหอมแบบพืชตระกูลเบอร์รี่ที่ยาวนาน
หลังจากที่ rosée ได้คัดสรรผลผลิตที่ดีที่สุดมาใช้ในกระบวนการผลิตแล้ว พวกเขาก็จะนำวัตถุดิบทั้งหมดมาหมักบ่มตามกระบวนการถึง 2 ครั้ง จากนั้นจึงบรรจุลงในภาชนะรูปแบบใหม่ ‘โดยไม่ผ่านการกรอง’ เพื่อให้ได้คาแรคเตอร์ของ เครื่องดื่มประเภทวีทผสมราสเบอร์รี่ สไตล์เบลเยียม ที่ทุกๆ คนหลงไหล
10. New rosée การรีดีไซน์ครั้งใหญ่ที่ใส่ใจทุกรายละเอียด
รูปลักษณ์ใหม่ของ rosée ทั้งหมดได้รับการออกแบบโดย ZX Ventures หน่วยงานคิดค้นผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่สังกัดอยู่ภายใต้บริษัท AB InBev
การรีดีไซน์ครั้งนี้ได้ให้ความสำคัญกับทุกๆ รายละเอียดของตัวผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่รูปทรงบรรจุภัณฑ์ ดีไซน์ สีสัน รวมถึงมีการออกแบบภาพวาดราสเบอร์รี่ Iconic ของ rosée ขึ้นมาใหม่โดยศิลปินชาวอิตาเลียนชื่อดัง เพื่อให้เป็นที่น่าจดจำ นอกจากนี้ทราบว่าได้มีการปรับสูตรเครื่องดื่มที่ลดความหวานลง แต่เน้นการดึงรสจากวัตถุดิบธรรมชาติให้ออกมามากขึ้นด้วย
11. บรรจุภัณฑ์ทั้งขวดและกระป๋องรูปแบบใหม่ที่ช่วยส่งเสริมสุนทรียะ
บรรจุภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ของ New rosée แบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบหลัก คือ
- ประเภทขวดแก้วขนาดเล็กที่ได้รับการออกแบบและพิมพ์รูปทรงให้มีความทันสมัยมากขึ้นสอดคล้องรับกับฉลากของแบรนด์ที่ได้รับการดีไซน์ใหม่
- ประเภทกระป๋องที่ผลิตจากอลูมิเนียมฟอยล์ซึ่งเสริมให้ดีไซน์ลวดลายบนกระป๋องมีความโดดเด่น น่าดึงดูดจากรอบทิศทาง
12. กระป๋องยาวขนาด 500 มล. ที่สรรสร้างมาเพื่อสาวกชาวเอเชียโดยเฉพาะ
ถ้าถามว่าการรีแบรนด์ในครั้งนี้ของ rosée มีอะไรที่พิเศษและแปลกใหม่กว่าที่เคยมีมา ก็คงต้องตอบว่า รูปแบบใหม่นี้มีความหลากหลายของบรรจุภัณฑ์และขนาดความจุ ทั้งแบบขวดแก้วในขนาดเล็ก 248 มล. และรูปทรงยูโรเปี้ยนแชมเปญขนาดใหญ่ 750 มล. จนถึงรูปแบบของกระป๋องเมทัลลิคที่สวยสะดุดตาในขนาดเรียว 330 มล. และขนาดยาว 500 มล. นี้นับว่าเป็นไลน์การผลิตใหม่ที่ทำออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของสาวกชาวเอเชียเป็นครั้งแรก เนื่องจากเป็นไลฟ์สไตล์ของนักดื่มในยุคปัจจุบัน
อีกไม่นานเกินรอ สาวกบ้านเราที่ชื่นชอบเครื่องดื่มวีทผสมราสเบอร์รี่ ก็คงจะได้มีโอกาสสัมผัสความสดใหม่ของแบรนด์ rosée ที่ได้รับการรีดีไซน์อย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอนตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอก แต่กว่าจะถึงวันนั้น เราอยากชวนให้ทุกคนจับตาดูความเคลื่อนไหวของข่าวสารกันต่อไป เพื่อที่จะได้ไม่พลาดข่าวการมาถึงของแบรนด์ใหม่ๆ ที่หลายคนกำลังรอคอย