เสียงเพลง California Dreamin’ ในหูฟังครั้งนี้ ไม่ได้เป็นแบ็คกราวด์ให้กับฉากเมืองของฮ่องกงอีกต่อไป เพราะจากนี้จะกลายเป็นบีตส์ที่คลอไปกับเสียงธรรมชาติระหว่างการผจญภัยบทใหม่ในฮ่องกง
ฟิตร่างกายให้พร้อม พกกล้องถ่ายรูปตัวเก่งกับเมมโมรี่แบบไม่อั้น เพื่อออกเดินทางไปสู่ประสบการณ์ท่องเที่ยวด้านตรงกันข้ามกับแสงสีและสีสันของฮ่องกงอย่างที่เราคุ้นตา เก็บเกี่ยวทิวทัศน์แห่งความทรงจำครั้งนี้ผ่านภาพถ่าย – เครื่องยืนยันหลักฐานความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่ส่งต่อได้โดยตรงถึงสายตาของผู้ชม
Artistic Expression Through Photography
หากพูดถึงฮ่องกง รูปอาร์ตๆ จากมุมบังคับที่ต้องเห็นในทริปของทุกคนก็น่าจะเป็นตึก Yick Fat Building มุมเดียวกับหนังดัง Transformers, Lok Wah South Estate จากมิวสิควิดีโอของ GOT7 หรือบันไดเลื่อน Central Mid-Level แบบนางเอกหนังฮ่องกง Chungking Express จนมีคนบอกว่า ถ้าเที่ยวฮ่องกงให้เงยหน้าเข้าไว้เพราะรูปที่ได้จะมีมุมแปลกตาจากอาคารสูงระฟ้าอยู่เสมอสิ่งที่ขาดไม่ได้ไม่ว่าจะเดินทางที่ไหนใกล้ไกล คือการได้บันทึกภาพประทับใจตรงหน้าเก็บไว้เป็นความทรงจำ เพราะภาพถ่ายคือศิลปะของการบันทึกเหตุการณ์ ณ จุดหนึ่งของเวลาที่ทำให้ทั้งผู้ถ่ายเองและผู้ชมได้เข้าไปค้นพบเรื่องราวที่น่าสนใจในสถานที่ที่ถูกบันทึกเอาไว้ เทรนด์ยุคใหม่นำพามาถึงจุดที่ภาพถ่ายท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในงานอาร์ตที่ผู้ถ่ายเองต้องใช้ทักษะในการจัดวางองค์ประกอบเพื่อเล่าเรื่องราวของความรู้สึกต่อสถานที่อย่างมีชั้นเชิงและมีศิลปะ
One Place, Two Perspectives หนึ่งสถานที่ สองมุมต่าง
จากที่เห็นกันมากมายเป็นเพียงแค่สีสันในเมือง แต่แท้จริงแล้ว พื้นที่ 3 ใน 4 (หรือ 75%) ของแผ่นดินฮ่องกงเป็นพื้นที่ชนบทที่เงยหน้าขึ้นไปก็จะพบกับธรรมชาติสีเขียวที่โอบอุ้มผู้คนเอาไว้ และนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางตามรอยเส้นทางเดินเขาและทางจักรยานในฮ่องกงได้จากทุกมุมเมือง ไม่แน่ว่าเส้นทางเหล่านี้อาจจะเริ่มต้นได้จากด้านหลังที่พักของคุณเอง
Tai Mo Shan คือสถานที่ที่ใช้จัดการแข่งขัน Hong Kong 100 Ultra Trail Race งานวิ่งเทรลที่เรียกได้ว่าทรหดที่สุดแห่งหนึ่ง แต่เส้นทางการเดินขึ้นเขาหรือวิ่งขึ้นเขานั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะระหว่างทางสู่จุดสูงสุดเหนือระดับความสูงน้ำทะเล 3,140 ฟุต รางวัลของความเหน็ดเหนื่อยก็คือการเปิดทัศนวิสัยของฮ่องกงแบบพาโนรามาจากพื้นที่ธรรมชาติที่สมบูรณ์ออกสู่วิวเมืองใหญ่กว้างขวาง จนอาจกล่าวได้ว่า ถ้าวันไหนที่อากาศดี จะได้เห็นตั้งแต่ฝั่งเกาะฮ่องกง เกาลูน นิวเทอร์ริทอรีส์ ไปจนถึงเซินเจิ้นและจีนแผ่นดินใหญ่เลยทีเดียว
และนี่คือเสน่ห์ของฮ่องกง เมืองใหญ่ท่ามกลางตึกสูงระฟ้า บนพื้นที่ทางวัฒนธรรมอันเก่าแก่ ซึ่งรายล้อมไปด้วยธรรมชาติเขียวชอุ่มที่ยังคงถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี ทั้งหมดนี้เป็นความแตกต่างสุดขั้วที่ลงตัวอย่างน่าอัศจรรย์
Plover Cove Country Park
อุทยานแห่งชาติทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของฮ่องกงที่รวบรวมองค์ประกอบสำคัญของสังคมเอาไว้หมด ทั้งวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติ หากมองจากรูปถ่าย อาจจะพบว่าธรรมชาติยังคงสมบูรณ์มากจนคิดว่าจะอยู่ไกลจากตัวเมืองหรือเปล่า แต่เอาเข้าจริงแล้ว ที่นี่เดินทางมาถึงได้ไม่ยาก ทั้งจากรถไฟและรถมินิบัสราวๆ 2 ชั่วโมง และใช้เวลาครึ่งวันก็จบทริปการผจญภัยบนเส้นทาง 4 ไมล์ครึ่งในเวลา 3-4 ชั่วโมง
รายล้อมเส้นทางเดินเขาด้วยป่าต้นไผ่ที่ลู่ลงมาช่วยกรองแดดแรงๆ ในช่วงเวลากลางวัน ระหว่างทางจะพบกับความเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์จนไม่คาดคิดว่าพึ่งออกจากเมืองมา ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 45 นาที ก็จะมาถึงหมู่บ้าน Hakka ที่พาเราย้อนเวลากลับไปเมื่อ 400 ปีที่แล้ว กับชุมชนและตัวอาคารที่ถูกรักษาอย่างดีจนได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก UNESCO ซึ่งนอกจากพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ที่เหมือนถูกแช่แข็งไว้กลางเขาแล้ว นักท่องเที่ยวยังจะได้สัมผัสความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนกับธรรมชาติ และทำให้เห็นฮ่องกงในแบบดั้งเดิมอย่างเป็นรูปธรรม
จุดสิ้นสุดเส้นทางเดินเขาที่นี่ทำให้นักท่องเที่ยวต้องเซอร์ไพรส์กับแลนด์สเคปของธรรมชาติที่มีฉากหน้าเป็นท้องทะเล ชายฝั่ง และเทือกเขาวางตัวลดหลั่นไปจนสุดลูกหูลูกตา จากตรงนี้นับได้ว่า เราจะได้เจอกับฮ่องกงในทุกรูปแบบภายในทริปเดียว และความสวยงามตลอดเส้นทางที่รับรองว่าจะต้องถูกใจคนรักการถ่ายภาพแน่ๆ เพราะมีให้คุณได้ดื่มด่ำตั้งแต่วิวแบบพาโนรามา มุมน่ารักของการอยู่อาศัย ไปจนถึงการโคลสอัพผีเสื้อหรือแมลงนานาพันธุ์ที่ยังคงอาศัยในพื้นที่ป่าอันสมบูรณ์
Hong Kong Land and Sea
ขอบเขตที่ผืนดินมาบรรจบกับผืนน้ำที่ฮ่องกง ที่ Sai Kung Volcanic Rock Region, อ่างเก็บน้ำ Shing Mun, Hong Kong Wetland และ Dragon’s Back ซึ่งแต่ละที่ต่างก็สร้างนิยามของการบรรจบได้อย่างมีเสน่ห์เฉพาะตัว ภาพความทรงจำทั้งหมดถูกบันทึกและถ่ายทอดความประทับใจผ่านสายตาของ Matthieu Paley ช่างภาพนิตยสาร National Geographic ผู้ลงหลักปักฐานในหมู่บ้านเล็กๆ ของเมืองของฮ่องกงมา 9 ปีแล้ว และออกเดินทางเก็บเกี่ยวความสุขและความงามบนเส้นทางธรรมชาติของฮ่องกง
Sai Kung Volcanic Rock Region ที่ก่อตัวจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อ 140 ล้านปีที่แล้วทรงคุณค่าจนได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของ UNESCO อีกแห่ง ภาพที่ปรากฎเบื้องหน้าเกิดเป็นทิวทัศน์ที่ดูเหนือจริงไม่ว่าจากมุมมองใด และควรค่าแก่การถูกบันทึกไว้ในภาพถ่ายเพื่อเก็บเป็นความทรงจำก่อนที่ธรรมชาติจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นตามกาลเวลา
“ตอนมองไปที่เกาะ ผมก็คิดไปถึงว่าวันหนึ่งอยู่ดีๆ แผ่นดินก็ไถลลงไปในน้ำ แล้วตอนนี้มันก็กลายเป็นเสาหินรูปร่างประหลาด ตั้งแต่ตอนแรกที่มันร่วงลงมาจนถึงวันนี้ มหาสมุทรทำงานของมันเองตลอดเวลา และแยกมันออกจากแผ่นดินใหญ่ นั่นช่วยให้คุณเข้าใจได้ว่า กาลเวลาหลายพันปีได้เปลี่ยนสภาพภูมิประเทศของฮ่องกงให้กลายเป็นอย่างไร” Paley เล่าถึงความมหัศจรรย์ของ Po Pin Chau Sea Stack ประติมากรรมฝีมือธรรมชาติใน Sai Kung Volcanic Rock Region
นอกจากนั้นแล้ว ยังมีพื้นที่ของอ่างเก็บน้ำ Shing Mun กับการบรรจบกันของพื้นหินและผืนน้ำซึ่งป่าไม้เข้ามามีบทบาทสำคัญร่วมด้วย, Hong Kong Wetland สวนสาธารณะในเขตนิวเทอร์ริทอรีส์ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ และ Dragon’s Back เส้นทางเดินเขาซึ่งมีวิวเป็นชายหาด และการเล่นพาราไกลดิ้งในวันที่อากาศดี
Hong Kong Tourism Board x National Geographic
การท่องเที่ยวฮ่องกงจึงจับมือกับนิตยสาร National Geographic สร้างสรรค์แคมเปญ Great Outdoors ครบรอบ 10 ปี กับทิวทัศน์ 13 แห่งของมหานครฮ่องกง ผ่านทางรูปแบบคู่มือไกด์บุ๊ค Your Guide to Hiking & Cycling in Hong Kong แนะนำ เส้นทางและโฟโต้แกลเลอรี่ที่พาไปเจาะลึกเส้นทางการท่องเที่ยวเดินเขาและปั่นจักรยานในฮ่องกง ผ่านสายตาและมุมมองเรื่องเล่าแบบ “หนึ่งสถานที่ สองมุมต่าง” วิวเมืองกับแสงสีที่ไม่เคยหลับใหลตัดกับทิวทัศน์ธรรมชาติอันเขียวชอุ่ม เกิดเป็นการสอดประสานระหว่างความงามแบบสองขั้วได้อย่างลงตัว โดยอีกนัยหนึ่ง ก็เหมือนเป็นการสร้างความตระหนักให้ทุกคนเก็บรักษาความงามเช่นนี้ไว้ตราบนานเท่านาน
เรื่องราวในคู่มือเล่มนี้ถ่ายทอดผ่านทางสายตาของสองช่างภาพจาก National Geographic ได้แก่ Matthieu Paley ช่างภาพสัญชาติฝรั่งเศส และ Tugo Cheng ช่างภาพมือรางวัลชาวฮ่องกง รวมทั้ง Wyan Chow Pui-Yan เทรลรันเนอร์หญิงชื่อดังชาวฮ่องกง ที่จะมาแนะนำความแอดเวนเจอร์แบบฮ่องกงที่ทุกคนสัมผัสได้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูปีนเขาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคมของทุกปี
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Great Outdoors Hong Kong คลิกดูต่อได้ที่ http://www.discoverhongkong.com/eng/see-do/great-outdoors/index.jsp