อาบน้ำก็ฮัมเพลง ขึ้นรถก็เสียบหูฟัง นั่งคาเฟ่ฟังเพลงคลอเบาๆ ถึงจะได้งาน จ๊อกกิ้งก็ต้องมีเพลงประกอบ – กิจวัตรประจำวันเหล่านี้บอกความหมายของเสียงเพลงที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเราได้เป็นอย่างดี
พลังของดนตรียิ่งใหญ่กว่าที่ใจเราคิด เพราะมอบคุณค่าให้กับทั้งผู้เล่น ผู้ฟัง และทุกคนที่อยู่ในห้วงของเสียงดนตรี ทั้งเรื่องความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์ความรู้สึก และพัฒนาศักยภาพด้านสติปัญญาพร้อมกับจิตใจ บทบาทของดนตรีจึงไม่ได้มีอยู่แค่สร้างความบันเทิง แต่ยังปลุกความคิดและจินตนาการที่ซ่อนอยู่ให้ออกมาโลดแล่นอย่างอิสระเสรี
ดนตรีคือพลังแห่งจิตใจ
ในยามที่ต้องการหลีกหนีจากโลกภายนอกที่แสนวุ่นวาย เพียงเสียบหูฟังก็เหมือนกับพาเราเข้าสู่โลกใบใหม่ที่เป็นของเราเอง นั่นก็เพราะดนตรีช่วยกระตุ้นการหลั่งเซโรโทนิน หรือฮอร์โมนแห่งความสุข จึงส่งผลให้จิตใจสงบผ่อนคลายลง จิตใจสงบ ลดความเครียด และสร้างความสุขจากท่วงทำนองที่ชื่นชอบ
นอกจากนั้นแล้ว ความสนุกของดนตรีอยู่ที่เอกลักษณ์ที่แต่ละเพลงต่างก็มีเป็นของตัวเอง ทั้งเรื่องแนวเพลง เนื้อร้อง ทำนองที่ต่างกันไป ความหลากหลายเหล่านี้กระตุ้นการสร้างและพัฒนาอารมณ์ให้ทำงานได้อย่างมีศักยภาพ มาตรวัดที่เห็นได้ชัดเจนแบบง่ายที่สุด ก็คืออารมณ์ดี มีความสุข ไปจนถึงอาการอินหรือดื่มด่ำไปตามบทเพลงทีได้ยินได้ฟัง
ดนตรีคือพลังแห่งปัญญา
ว่ากันว่า ถ้าได้เปิดเพลงให้ลูกฟังตั้งแต่ยังอยู่ในท้อง และให้ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโต นั่นเป็นการสร้างพัฒนาการทางสติปัญญาให้กับมนุษย์ ข้อพิสูจน์เหล่านี้ถูกคอนเฟิร์มด้วยทฤษฎีทางการแพทย์มากมายอย่างที่เราเคยได้เห็นกันมา
ไม่เพียงสำหรับเด็กเท่านั้น แต่สำหรับผู้ใหญ่อย่างเราๆ เอง ดนตรีก็ยังมีผลช่วยในเรื่องปัญญาเช่นเดียวกัน การฟังเพลงและดนตรีช่วยให้เกิด Serial Recall ซึ่งสำคัญต่อการเรียนรู้และเข้าถึงข้อมูลความทรงจำในสมอง พร้อมกับยังสามารถพัฒนาสติปัญญาในแง่ของความรู้ความเข้าใจในเรื่องความแตกต่างหลากหลายและความซับซ้อนได้เป็นอย่างดี
ดนตรีคือพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์
จากงานวิจัยเรื่องความสุขและเสียงเพลงยืนยันว่า เมื่อความสุขและความผ่อนคลายเกิดขึ้นในจิตใจแล้ว สมองก็จะทำงานได้ดีขึ้น ทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ แล้วความคิดสร้างสรรค์ก็จะตามมา ทั้งหมดคือองค์ประกอบของคุณภาพชีวิตที่ดี ที่ช่วยให้การทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันเป็นไปเต็มที่ได้สมดังใจ
ต้องขอบคุณพลังแห่งดนตรีที่เป็นเครื่องมือช่วยรวบรวมและเรียบเรียงความวุ่นวายในสมองให้กลับมาเรียบร้อยพร้อมใช้งานอีกครั้งหนึ่ง แถมยังช่วยเติมความคิดสร้างสรรค์ เป็นพลังในการครีเอตไอเดียความคิดดีๆ และเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาผู้คนให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ
พลังอันยิ่งใหญ่ของดนตรี
ปัจจุบันมีหลายภาคส่วนที่เล็งเห็นความสำคัญและพลังที่ยิ่งใหญ่ของดนตรี โดยการเข้ามาสนับสนุน ส่งเสริมความสามารถทางด้านดนตรีของคนไทยที่มีดีกรีไม่แพ้ชาติใดในโลก เฉกเช่นเดียวกับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่อยากปลุกพลังในตัวเยาวชนและผู้คนออกมา จึงก่อเกิดเป็น ‘The Power Band’ เวทีประกวดวงดนตรีสากลสมัยนิยม ผสมเครื่องเป่า ประจำปี 2564
เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพทางด้านดนตรีของคนไทย และตั้งเป้าให้เวทีการประกวดดนตรีแห่งนี้เป็นเวทีดนตรีคุณภาพที่เปิดกว้างให้ทุกคนได้แสดงพลังอย่างสร้างสรรค์ พร้อมกับกล้าแสดงพลังทางด้านดนตรีของตนแบบเต็มที่ สอดรับกับวิสัยทัศน์ของคิง เพาเวอร์ ที่มุ่งมั่นในการส่งเสริมศักยภาพของคนไทย พร้อมให้โอกาสคนดนตรีได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่
เวทีนี้จึงต้องการสร้างนักดนตรีคุณภาพ และด้วยความโดดเด่นที่มีการผสมผสานดนตรีสากลสมัยนิยมกับเครื่องเป่า จึงมั่นใจว่าจะได้เห็นฝีมือและความเก๋าของนักดนตรีหน้าใหม่อย่างแน่นอน การันตีจากรายชื่อของคณะกรรมการผู้มีชื่อเสียงในวงการดนตรี ทั้งพล-คชภัค โปรดิวเซอร์มือทองของ Boxx Music, โอ-ทฤษฎี นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ และมิวสิคไดเร็กเตอร์ของวง Jetset’er, นิค-วิเชียร ผู้ก่อตั้งค่ายเพลง Genie Records, เช่-อัครวิชญ์ หัวหน้าสาขาวิชาดนตรีสมัยนิยม มหิดล และฟองเบียร์-ปฏิเวธ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร มิวซิกมูฟ
การประกวดแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทบุคคลทั่วไป (Class E) ไม่จำกัดอายุและสัญชาติ และประเภทมัธยมศึกษา (Class F) สำหรับนักเรียนไม่เกินระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และต้องอยู่ในสถาบันเดียวกัน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครเข้าแข่งขัน-เข้าชมได้ที่ www.music.mahidol.ac.th/tiwsc ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 12 มกราคม 2564 อัปเดตข้อมูลได้ที่ facebook : Thailand International Wind Symphony Competition