การปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลง คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความยั่งยืน การพัฒนาจึงไม่ควรถูกจำกัดอยู่แค่องค์กร หรือภาคส่วนใดๆ เพียงกลุ่มเดียว แต่ต้องสนับสนุนให้ทุกส่วนขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน
เหมือนกับที่ธนาคารกรุงไทย ริเริ่มทำโครงการ ‘กรุงไทยรักชุมชนทั่วไทย’ จากการเล็งเห็นว่า การพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งคือสิ่งสำคัญ ซึ่งจะช่วยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยนำจุดแข็งของธนาคารอย่างความรู้ในด้านการเงิน การบริหารจัดการ และการตลาด ไปแบ่งปัน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับของดีที่เที่ยวเด่นในแต่ละชุมชน เกิดการสร้างอาชีพ เสริมความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของผู้คน
เราจึงอยากชวนทุกคนลงพื้นที่สำรวจกันว่า หลังจากพี่น้องชาว ‘บ้านโคกไคร’ จังหวัดพังงา หนึ่งในหลายๆ ชุมชนที่ธนาคารกรุงไทยเข้าไปร่วมปรับปรุง ออกแบบ และวาดฝันแล้ว ชุมชนที่ยังคงรักษาเสน่ห์ของวิถีชีวิตชาวประมงไว้อย่างเต็มเปี่ยมของพวกเขาจะพัฒนาไปอย่างไร
เพิ่มเรื่องราว สร้างความน่าสนใจ
สถานที่ฮอตฮิตของบ้านโคกไครก็คือ หาดทรายร้อน หรือ หาดโคลนร้อน พื้นที่ที่ชาวบ้านอาศัยความร้อนซึ่งเกิดจากรอยแยกของเปลือกโลกเพื่อการผ่อนคลายความเมื่อยล้า ด้วยการแช่น้ำร้อน และพอกโคลนร้อน โดยหาดทรายจะปรากฎให้เห็นเฉพาะวันขึ้นและแรม 3 – 7 ค่ำ เท่านั้น ซึ่งใน 1 เดือนจะสามารถท่องเที่ยวได้แค่ 10 วันเท่านั้น
เมื่อหาดทรายนี้มีทั้งสรรพคุณ และลักษณะพิเศษที่ธรรมชาติมอบให้ เราก็สามารถนำมาร้อยเรียง เพิ่มเติมด้วยแง่มุมความต่างที่ไม่มีใครเหมือน สิ่งธรรมดาทั่วไปก็อาจจะกลายเป็นประสบการณ์พิเศษที่ใครๆ ก็อยากลอง
ต่อยอดสิ่งที่มีอยู่ในท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค์
เมื่อมีของดีอยู่ในมือ ชุมชนจึงร่วมกันออกแบบทริปท่องเที่ยวธรรมชาติชื่อว่า ‘สปาโคลนร้อน หาดทรายร้อนและน้ำเค็มร้อน’ เปลี่ยนการพอกโคลนธรรมดา ให้กลายเป็นสปาธรรมชาติ โดยกิจกรรมเริ่มต้นที่นั่งเรือหัวโทงชมธรรมชาติยามเช้ามุ่งสู่หาดทรายร้อน เดินย่ำบนผืนทรายเพื่อผ่อนคลายเท้า ต่อด้วยการแช่น้ำร้อน ล้างตัวด้วยน้ำเย็นในลำคลองใกล้เคียง ก่อนจะพอกตัวด้วยโคลนร้อนสีดำสนิทสัก 15 นาที พร้อมหย่อนใจด้วยการจิบน้ำสมุนไพรใบขลู่เคียงขนมพื้นบ้าน พักผ่อนฟินๆ แถมได้ผิวเนียนนุ่ม
เพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์ ด้วยการออกแบบตามยุคสมัย
ของดีในบ้านโคกไครไม่ได้มีแค่โคลนร้อน แต่ด้วยวิถีชีวิตที่ผูกติดกับท้องทะเล ทำให้มีวัตถุดิบหลากหลายที่นำมาต่อยอดได้โดยเฉพาะเปลือกหอยนางรม ที่เป็นของที่เหลือจากการประมง นำมาทำเป็นสบู่และสครับจากเปลือกหอยนางรม
ถ้าหาดทรายร้อนต้องอาศัยความพิเศษทางธรรมชาติมาเป็นกำลังเสริมในเรื่องเล่า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็ต้องการแพ็กเกจที่สวยงาม เป็นเอกลักษณ์ สามารถใช้ได้จริง ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างชุมชนและธนาคารกรุงไทยที่ร่วมกันพัฒนา ส่งเสริม และเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย ก็จะกลายเป็นสินค้าที่โดดเด่น เพิ่มมูลค่าได้อีกไม่น้อย
สร้างเอกลักษณ์ประจำชุมชน ด้วยวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น
สำหรับชุมชนบ้านโคกไครแล้ว เอกลักษณ์ประจำถิ่นของพวกเขาคงไม่พ้นวิถีชีวิตชาวประมง โดยหนึ่งในอาชีพหลักของพวกเขาก็คือ การทำฟาร์มหอยนางรมธรรมชาติ เลี้ยงโดยปล่อยให้หอยหาอาหารเองจากน้ำทะเลที่พัดแพลงก์ตอนเข้ามาสู่บ่อเลี้ยง นอกจากนั้นแล้วก็ยังเลี้ยงปลา หอยแมลงภู่ ปูม้า อีกด้วย จึงทำให้ที่นี่มีอาหารทะเลอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตส่งออกตลอดปี หรือถ้ามีนักท่องเที่ยวมาเยือนก็มีของสดๆ รอต้อนรับเสมอ
ทว่าหากมองให้กว้างกว่านั้น วิถีชีวิตแบบนี้ควรค่าแก่การสนับสนุน และทำให้เป็นอีกหนึ่งจุดขายของชุมชน ธนาคารกรุงไทยจึงเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องการปรับปรุงศูนย์การเรียนรู้ รวมทั้งการจัดทำแพเพิ่มเติม เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ใกล้ชิดกับวิถีชีวิตของชาวบ้านโคกไคร
เรียกว่าถ้ามาเที่ยวที่นี่แล้ว ได้ทั้งอิ่มอร่อยกับของสดแท้จากทะเล ได้ทั้งสัมผัสวิถีชีวิตริมทะเลจากชาวประมงตัวจริง
ก้าวให้ทันการเปลี่ยนแปลง
สิ่งหนึ่งที่ธนาคารกรุงไทยมองเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ หากจะทำให้เศรษฐกิจในชุมชนยั่งยืนและแข็งแรง คือความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยี และโซเชียลมีเดีย โดยความรู้หนึ่งที่ธนาคารกรุงไทยได้แบ่งปันให้กับพี่น้องชาวบ้านโคกไครก็คือ การค้าขายผ่าน e-commerce ดูแลการเปิดบัญชีและสอนการทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน QR Code Payment รวมถึงนำสินค้าของชุมชนมาประชาสัมพันธ์บนเพจเฟซบุ๊ก Krungthai care
สินค้าดี มีเรื่องเล่า นักท่องเที่ยวโอนเงินเข้ากระเป๋าชาวบ้านได้ง่ายๆ แบบนี้ ความยั่งยืนก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
ปรับตัวเข้ากับธรรมชาติอย่างยั่งยืน
เมื่อชาวบ้านโคกไครเลือกที่จะปรับตัวเข้าหาสิ่งแวดล้อม แทนการพัฒนาอย่างสุดโต่งจนรบกวนธรรมชาติ พวกเขาจึงมีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์และหลากหลาย มีทั้งทะเล ป่าชายเลน เลี้ยงสัตว์น้ำไว้ขายส่งออกก็ได้ สัตว์น้ำตามธรรมชาติก็โผล่ตัวออกมาทักทายนักท่องเที่ยวอยู่บ่อยๆ เหมาะแก่การจัดเป็นกิจกรรม เช่น การนั่งเรือไปชมหาดที่เต็มไปด้วยปูมดแดง ซึ่งในหนึ่งเดือนจะมีโอกาสเห็นพวกมันราวๆ สิบครั้ง หากโชคดีก็อาจได้เจอนับหมื่นตัวเลยทีเดียว หรือถ้าอยากใกล้ชิดธรรมชาติมากกว่านั้น ก็มีบริการให้เช่าเรือคายัค พายเรือไปชมวิวไป มีทั้งวิวป่าชายเลน หินงอกหินย้อย ถ้ำลอด ลากูน ชมภาพวาดสีโบราณภายในถ้ำหัวกะโหลก
ประสบการณ์ซึ่งหาจากที่ไหนไม่ได้ มีความพิเศษ และยั่งยืนกว่าเทรนด์ไหนๆ รออยู่แบบนี้ เป็นใครก็ต้องอยากไปบ้านโคกไครสักครั้ง จริงไหม?
ร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาชุมชน
ทั้งหมดที่กล่าวมาจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าขาดการร่วมใจของทุกคนในชุมชน ที่นอกจากจะช่วยดูแลความเป็นอยู่ของกันและกันแล้ว ก็ยังรักษาวิถีชีวิตชาวประมง สิ่งแวดล้อม รวมทั้งไม่ย่อท้อต่อการเปลี่ยนแปลง พร้อมเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ที่เห็นเป็นรูปธรรมก็คือ การนำของดีประจำชุมชนมาแต่งองค์ทรงเครื่องให้กลายเป็นสินค้าส่งออก การเล็งเห็นถึงความงามในชุมชน ซึ่งนำไปสู่การขอใบอนุญาตทำธุรกิจนำเที่ยว และบัตรมัคคุเทศก์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชน
องค์ความรู้หรือทักษะเช่น การวางแผนทางการเงิน พัฒนาแพ็กเกจสินค้า สร้างเรื่องราวให้กับสถานที่ท่องเที่ยว ที่ธนาคารกรุงไทยนำไปแบ่งปันกับชาวบ้าน เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทำให้ชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืนเท่านั้น เพราะพลังแห่งความปรารถนาดีของผู้คนซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด
กรุงไทยรักชุมชนบ้านโคกไคร
ผลผลิตที่กล่าวถึงทั้งหมดนั้น คือตัวแทนความสำเร็จที่ธนาคารกรุงไทยจับมือพัฒนากับพี่น้องชุมชนบ้านโคกไคร จังหวัดพังงา มาแบ่งปันกับพี่น้องในชุมชน อาทิ การจัดอบรมวางแผนทางการเงิน จัดทำสมุดบัญชี สร้างห้องน้ำสาธารณะ ร่วมมือกับกรมการท่องเที่ยวจัดอบรมให้ความรู้การจัดทริป ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งจากการดำเนินงานในโครงการ ‘กรุงไทยรักชุมชนทั่วไทย’ ที่มุ่งมั่น ตั้งใจ ที่จะพัฒนาชุมชนให้เติบโต และแข็งแรงอย่างยั่งยืน
เพราะพวกเขาร่วมใจกันปรับตัว ปรับวิถีชีวิต มุ่งสู่ความยั่งยืน ดึงจุดเด่นออกมาเป็นจุดขาย รับเทคโนโลยีและแนวคิดสมัยใหม่มาปรับใช้กับวิถีชีวิตดั้งเดิม เราจึงเชื่อว่า ในเวลานี้ชุมชนบ้านโคกไครพร้อมแล้วสำหรับการต้อนรับนักท่องเที่ยว
แล้วคุณพร้อมหรือยัง ที่จะออกไปเปิดใจ รับประสบการณ์ใหม่ที่อาจไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต รับความรักที่ชุมชนบ้านโคกไครพร้อมแบ่งปันให้คุณ
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ผู้ประสานงานท่องเที่ยวประจำชุมชน
โทร. 082-286-2033 (คุณสมานศักดิ์) และ 087-886-0465 (คุณสมพร)